ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ผู้วิจัย ศรีเรือน นารีเลิศ

กลุ่มสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ปีการศึกษา 2561

บทคัดย่อ

การวิจัย เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นลักษณะของการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 ห้องเรียน รวมจำนวนนักเรียน 185 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/3 จำนวน 28 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนสตรีทุ่งสง

ผู้วิจัยได้กำหนดรายละเอียดวิธีดำเนินการวิจัยเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 วิจัย (R1 : Research) : การศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการ ขั้นตอนที่ 2 พัฒนา (D1 : Development) : การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นสื่อประกอบ ขั้นตอนที่ 3 วิจัย (R2 : Research) : การทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นสื่อประกอบ ขั้นตอนที่ 4 พัฒนา (D2 : Development) : การประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นสื่อประกอบ มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (4) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยรูปแบบ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรม การเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของรัฐบาล ในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ จำนวน 12 แผน ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 12 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ แบบสอบถามที่ศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แบบสัมภาษณ์เป็นการถามข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องบทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แบบสอบถามความพึงพอใจ เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scales) 5 ระดับ และสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ("X" ̅) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D) การทดสอบค่าที (t - test) แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัยพบว่า

ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการของนักเรียนและครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เห็นความสำคัญต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องบทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งผลการวิเคราะห์หลักสูตรโรงเรียนสตรีทุ่งสง ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ที่จัดให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหา เรื่อง บทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ ใช้เวลา 26 ชั่วโมง (รวมการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน) ประกอบด้วยเนื้อหา บทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ภาษี การแทรกแซงราคา นโยบายการเงินการคลัง ภาวะเงินเฟ้อ ภาวะเงินฝืด ปัญหาการว่างงาน การค้าระหว่างประเทศ การลงทุนระหว่างประเทศ การเงินระหว่างประเทศ การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ และใช้การจัดการเรียนรู้แบบแบบร่วมมือขั้นตอนต่อไปนี้ ขั้นเตรียมเรียนรู้ (Preparing to learn) ขั้นเรียนรู้สิ่งใหม่ (Learn something new) ขั้นคิดและคุยกัน (Think Pairs Share) ขั้นตอนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical thinking and problem solving) ขั้นการแสดงผลงาน (Show the work) ขั้นการประยุกต์ใช้ความรู้ (The application of knowledge)

ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องบทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 พบว่า ผลการการเรียนระหว่างเรียน (E1) มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 85.20 และผลการทดสอบหลังเรียน (E2) มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 84.67 แสดงว่าประสิทธิภาพ 85.20/84.67 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80

ผลการทดลองใช้การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 28 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนสตรีทุ่งสง ระยะเวลาในการทดลองจำนวน 26 ชั่วโมง (รวมทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน) จำนวน 12 แผนการเรียนรู้ พบว่า ผลการการเรียนระหว่างเรียน (E1) มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 85.33 และผลการทดสอบหลังเรียน (E2) มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 85.00คะแนน แสดงว่าประสิทธิภาพ 85.33/85.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80

ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง บทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องบทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อเสริมทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องบทบาทหน้าที่ของรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า โดยภาพรวมนักเรียนมีความคิดเห็นอยู่ในระดับดีมาก ("X" ̅ = 4.66, S.D = 0.21) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับระดับความพึงพอใจ พบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับดีมากโดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยดังนี้ ด้านประโยชน์ที่ได้รับ ("X" ̅ = 4.69, S.D = 0.35) ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ("X" ̅ = 4.69, S.D = 0.34) ด้านการวัดและประเมินผล ("X" ̅ = 4.68, S.D = 0.31) และด้านบรรยากาศในการเรียนรู้ ("X" ̅ = 4.59, S.D = 0.41) และความคิดเห็นนักเรียน ชอบรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นสื่อประกอบที่สามารถทำกิจกรรมในระบบกลุ่มได้มากขึ้น เข้าใจง่าย สวยน่าสนใจด้วย บรรยากาศในชั้นเรียนสนุกสนาน และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

โพสต์โดย ศรี : [24 เม.ย. 2565 เวลา 04:10 น.]
อ่าน [3697] ไอพี : 171.6.223.186
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 13,957 ครั้ง
"คนไร้ตัวตน" รายการตีสิบ 25 ก.ย.2555
"คนไร้ตัวตน" รายการตีสิบ 25 ก.ย.2555

เปิดอ่าน 9,275 ครั้ง
10 บัญญัติขจัดโรคน้ำท่วม
10 บัญญัติขจัดโรคน้ำท่วม

เปิดอ่าน 20,455 ครั้ง
"กระเจี๊ยบแดง" ยาดีลดความดัน
"กระเจี๊ยบแดง" ยาดีลดความดัน

เปิดอ่าน 15,487 ครั้ง
มะเร็งเน็ต...ภัยร้ายชนิดใหม่ เสี่ยงตายไม่รู้ตัว
มะเร็งเน็ต...ภัยร้ายชนิดใหม่ เสี่ยงตายไม่รู้ตัว

เปิดอ่าน 12,649 ครั้ง
ดูให้ชัด รัฐธรรมนูญ ม.286 ให้มีการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคนแน่ หรือ?
ดูให้ชัด รัฐธรรมนูญ ม.286 ให้มีการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคนแน่ หรือ?

เปิดอ่าน 14,488 ครั้ง
วิธีคั้นมะนาวให้ได้น้ำมาก-ไม่ขม
วิธีคั้นมะนาวให้ได้น้ำมาก-ไม่ขม

เปิดอ่าน 19,293 ครั้ง
เริ่มแล้ว! กล้องไฮเทค จับผิด 30 แยกทั่วกรุงเทพฯ
เริ่มแล้ว! กล้องไฮเทค จับผิด 30 แยกทั่วกรุงเทพฯ

เปิดอ่าน 27,455 ครั้ง
ช่วยครูสอนเลขให้เด็กสนุก ด้วยสื่อดิจิตอลคณิตศาสตร์ระดับประถม
ช่วยครูสอนเลขให้เด็กสนุก ด้วยสื่อดิจิตอลคณิตศาสตร์ระดับประถม

เปิดอ่าน 20,969 ครั้ง
"ข้าวลืมผัว"อร่อยจนลืมผัว ข้าวชาวเขา ที่ชาวเมืองก็ควรกิน
"ข้าวลืมผัว"อร่อยจนลืมผัว ข้าวชาวเขา ที่ชาวเมืองก็ควรกิน

เปิดอ่าน 18,500 ครั้ง
เลือดกำเดามาจากไหน?
เลือดกำเดามาจากไหน?

เปิดอ่าน 30,710 ครั้ง
ความสำคัญของวันวิสาขบูชา
ความสำคัญของวันวิสาขบูชา

เปิดอ่าน 17,912 ครั้ง
สุดทึ่ง นักโบราณคดีอึ้ง รูปปั้นนักรบเฝ้าสุสานจีน 7 พันตัว ถูกปั้น"ตามใบหน้าจริงแต่ละคน
สุดทึ่ง นักโบราณคดีอึ้ง รูปปั้นนักรบเฝ้าสุสานจีน 7 พันตัว ถูกปั้น"ตามใบหน้าจริงแต่ละคน

เปิดอ่าน 68,810 ครั้ง
เทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษ

เปิดอ่าน 29,796 ครั้ง
ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553
ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553

เปิดอ่าน 16,103 ครั้ง
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด "SCB-สถาบันการศึกษา"
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด "SCB-สถาบันการศึกษา"

เปิดอ่าน 13,612 ครั้ง
ปฏิทินศิลปวัฒนธรรมในรอบปี 2552
ปฏิทินศิลปวัฒนธรรมในรอบปี 2552
เปิดอ่าน 8,569 ครั้ง
ผักตำลึง ผักข้างรั้วอินทรีย์ที่แท้จริง
ผักตำลึง ผักข้างรั้วอินทรีย์ที่แท้จริง
เปิดอ่าน 14,924 ครั้ง
มะขาม มีประโยชน์ต่อผิวและร่างกายของเราอย่างไร?
มะขาม มีประโยชน์ต่อผิวและร่างกายของเราอย่างไร?
เปิดอ่าน 26,271 ครั้ง
"เพกา" คืออะไร
"เพกา" คืออะไร
เปิดอ่าน 19,118 ครั้ง
มาฝึกสมาธิเบื้องต้นกันดีกว่า
มาฝึกสมาธิเบื้องต้นกันดีกว่า

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ