ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
เผยแพร่ผลงานวิจัย : การประเมินโครงการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษามุ่งสู่โรงเรียนต้นแบบลูกเสือ โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๒ สงขลา. 2565

บทคัดย่อ

วิรัช ชูสิน : การประเมินโครงการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษามุ่งสู่โรงเรียนต้นแบบลูกเสือ โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๒ สงขลา. 2564, 299 หน้า

การวิจัยครั้งนี้เป็นการประเมินโครงการโดยใช้รูปแบบซิปป์โมเดล (CIPP Model) ที่ประเมินด้านบริบท (C) ปัจจัยนำเข้า (I) กระบวนการ (P) และด้านผลผลิต (P) เก็บรวบรวมข้อมูลจากประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 6 กลุ่ม คือ ครูผู้รับผิดชอบโครงการ ผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครูผู้สอนหรือผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ผู้ปกครอง และนักเรียน มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินโครงการในด้านบริบท ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ และด้านผลผลิตจากการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษามุ่งสู่โรงเรียนต้นแบบลูกเสือ โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๒ สงขลา เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสำรวจความคิดเห็น แบบสัมภาษณ์ และแบบประเมินผลการจัดกิจกรรม จำนวนรวม 6 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่นๆ วิเคราะห์ด้วยการแจกแจงความถี่และวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) โดยสรุปเป็นประเด็นสำคัญ และนำเสนอในลักษณะความเรียง

ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้

1. ผลการประเมินด้านบริบท ได้แก่ 1) ผลการสำรวจความต้องการจำเป็น ในด้านความต้องการจำเป็นของนักเรียน ความต้องการจำเป็นของสังคม และความต้องการจำเป็นของเนื้อหารายวิชา ก่อนดำเนินโครงการในภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน และ 2) ผลการสัมภาษณ์ในด้านความต้องการจำเป็น ปัญหา และโอกาสและความคาดหวัง ก่อนเริ่มดำเนินโครงการในภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน มีค่าน้ำหนัก 20% ผลการประเมินทุกกลุ่มมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และผ่านเกณฑ์การประเมิน

2. ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้า มี 6 องค์ประกอบ (6M) ได้แก่ บุคลากร (Man) ทรัพยากร (Materials) งบประมาณ (Money) ระบบการบริหารจัดการ (Management) วิธีการ (Method) และแรงจูงใจ (Motivation) ก่อนดำเนินโครงการโดยภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน มีค่าน้ำหนัก 15% ผลการประเมินเมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด ทุกประเด็นตัวชี้วัด และทุกกลุ่มมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และผ่านเกณฑ์การประเมิน

3. ผลการประเมินด้านกระบวนการ มี 4 องค์ประกอบ (PDCA) ได้แก่ วางแผน (Plan) ดำเนินการ (Do) ตรวจสอบ (Check) และปรับปรุงแก้ไข (Act) โดยภาพรวมพบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน มีค่าน้ำหนัก 20% ผลการประเมินเมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด ทุกประเด็นตัวชี้วัด และทุกกลุ่มมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และผ่านเกณฑ์การประเมิน

4. ผลการประเมินด้านผลผลิต มี 6 ด้าน คือ

4.1 ความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยภาพรวม พบว่า ทุกกลุ่มที่ประเมิน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน มีค่าน้ำหนัก 10% เมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด ทุกประเด็นตัวชี้วัดและทุกกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์และผ่านเกณฑ์การประเมิน

4.2 ความพึงพอใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยภาพรวมพบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน มีค่าน้ำหนัก 10% เมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด ทุกประเด็นตัวชี้วัดและทุกกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์และผ่านเกณฑ์การประเมิน

4.3 ผลการจัดกิจกรรมลูกเสือตามหลักสูตรและรายวิชาพิเศษ จากการเข้าร่วมกิจกรรมและประเมินผลงาน มีค่าน้ำหนัก 5% เมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด พบว่า คุณภาพอยู่ในระดับดีมาก ร้อยละ 93.00 และผ่านเกณฑ์การประเมิน

4.4 คุณลักษณะของผู้เรียนตามหลักสูตรและรายวิชาพิเศษ มี 4 ด้าน ได้แก่ 1) พฤติกรรมคุณธรรมจริยธรรมด้านความซื่อสัตย์ มีวินัยและความรับผิดชอบ 2) พฤติกรรมจิตอาสา และการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ 3) พฤติกรรมทักษะชีวิต และ 4) พฤติกรรมการเดินทางไกลและอยู่ค่ายพักแรมของนักเรียน มีค่าน้ำหนัก 10% เมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด พบว่า ทุกประเด็นตัวชี้วัดมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์และผ่านการประเมิน

4.5 ผลการประเมินการจัดกิจกรรมมุ่งสู่โรงเรียนต้นแบบลูกเสือตามองค์ประกอบ 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านลูกเสือ 2) ด้านผู้กำกับลูกเสือ 3) ด้านผู้บริหารโรงเรียน 4) ด้านการจัดมวลกิจกรรมลูกเสือ และ 5) ด้านผลงานดีเด่น มีค่าน้ำหนัก 10% เมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด พบว่า ทุกประเด็นตัวชี้วัดและทุกกลุ่มมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และผ่านเกณฑ์การประเมิน

4.6 ผลการบันทึกสะท้อนการเรียนรู้ของผู้เรียน พบว่า 1) ด้านความรู้และทักษะที่ได้รับ ได้เรียนรู้คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือ มีทักษะการเป็นผู้นำ ได้แสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 2) ด้านปัญหาและอุปสรรคในการเข้าร่วม คือ เวลาน้อยเกินไป ขาดสื่อและวัสดุที่เพียงพอ นักเรียนบางส่วนไม่เห็นความสำคัญและไม่ได้นำทักษะไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ผู้ปกครองบางส่วนไม่ใส่ใจ และรูปแบบของกิจกรรมยังล้าหลังไม่สัมพันธ์กับความสนใจของผู้เรียนในปัจจุบัน 3) ด้านประสบการณ์ใหม่ที่ได้รับ มีความสนุก ท้าทาย ได้เรียนรู้ทักษะหลากหลาย ได้เดินทางไกลและอยู่ค่ายพักแรม 4) ด้านข้อเสนอแนะหรือแนวทางใหม่ต่อการดำเนินโครงการให้ประสบความสำเร็จสูงสุด ควรจัดกิจกรรมพิเศษเพิ่ม ให้นักเรียนมีส่วนร่วมวางแผน ควรนำสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้ ควรมีการเรียนรู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีเวทีแลกเปลี่ยนในระดับประเทศ และนานาชาติ และ 5) ด้านข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่นๆ ควรเปลี่ยนกิจกรรมลูกเสือให้น่าสนใจและตอบสนองผู้เรียนมากขึ้น ปรับกิจกรรมใหม่ในการเดินทางไกลและอยู่ค่ายพักแรม ควรหาวิธีจัดกิจกรรมให้ได้ในช่วงโควิด-19 ควรมีกิจกรรมพิเศษให้เลือกมากขึ้น โรงเรียนควรใช้ประโยชน์จากพื้นที่และสิ่งแวดล้อมให้คุ้มค่ามากที่สุดในการจัดค่ายเพื่อเป็นต้นแบบของลูกเสือระดับประเทศ

โพสต์โดย เบียร์ : [27 ก.ย. 2565 เวลา 20:45 น.]
อ่าน [2443] ไอพี : 171.7.236.27
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,451 ครั้ง
10 ท่ากระชับสัดส่วนสวย
10 ท่ากระชับสัดส่วนสวย

เปิดอ่าน 16,793 ครั้ง
เด็กไทยมีไอคิวต่ำลงจริงหรือ?
เด็กไทยมีไอคิวต่ำลงจริงหรือ?

เปิดอ่าน 62,731 ครั้ง
"ครูใจร้าย" คลิปสั้นสะท้อนบทบาทครูไทย (คลิปรางวัลชนะเลิศ เล่าเรื่องด้วยหัวใจจากศิษย์ถึงครู)
"ครูใจร้าย" คลิปสั้นสะท้อนบทบาทครูไทย (คลิปรางวัลชนะเลิศ เล่าเรื่องด้วยหัวใจจากศิษย์ถึงครู)

เปิดอ่าน 32,497 ครั้ง
10 สมุนไพรไทย ประโยชน์เยอะ ช่วยบรรเทา "โรคความดันสูง"
10 สมุนไพรไทย ประโยชน์เยอะ ช่วยบรรเทา "โรคความดันสูง"

เปิดอ่าน 12,451 ครั้ง
ภาพรวมวันหยุดราชการประจำปี และ การกำหนดให้วันที่ 4 พฤษภาคม เป็นวันฉัตรมงคล
ภาพรวมวันหยุดราชการประจำปี และ การกำหนดให้วันที่ 4 พฤษภาคม เป็นวันฉัตรมงคล

เปิดอ่าน 8,172 ครั้ง
อุดมศึกษาไทยเสื้อไซซ์เดียว
อุดมศึกษาไทยเสื้อไซซ์เดียว

เปิดอ่าน 41,570 ครั้ง
ทำไมขี้จิ้งจกถึงมีสองสี
ทำไมขี้จิ้งจกถึงมีสองสี

เปิดอ่าน 13,077 ครั้ง
10 เหตุผลที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา
10 เหตุผลที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา

เปิดอ่าน 29,379 ครั้ง
สัมภาษณ์ ดร.พิษณุ ตุลสุข เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. "ปัญหาหนี้สินครู"
สัมภาษณ์ ดร.พิษณุ ตุลสุข เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. "ปัญหาหนี้สินครู"

เปิดอ่าน 10,623 ครั้ง
กิน"กระเทียม"ดีต่อสุขภาพหัวใจ
กิน"กระเทียม"ดีต่อสุขภาพหัวใจ

เปิดอ่าน 9,090 ครั้ง
ประทับใจ! คลิปช่วยลูกช้างขึ้นจากหลุม ก่อนวิ่งหาแม่ด้วยความดีใจ
ประทับใจ! คลิปช่วยลูกช้างขึ้นจากหลุม ก่อนวิ่งหาแม่ด้วยความดีใจ

เปิดอ่าน 26,384 ครั้ง
Computing Science : วิชาบังคับสำหรับนักเรียน ป.1 ไทย
Computing Science : วิชาบังคับสำหรับนักเรียน ป.1 ไทย

เปิดอ่าน 10,334 ครั้ง
อ่านออกเขียนได้กับรักการอ่านเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
อ่านออกเขียนได้กับรักการอ่านเป็นคนละเรื่องเดียวกัน

เปิดอ่าน 50,695 ครั้ง
jobsDB แนะ 7 แนวทางการรักษาคนเก่ง ดึงดูดคนที่ใช่ ให้อยู่ในองค์กร
jobsDB แนะ 7 แนวทางการรักษาคนเก่ง ดึงดูดคนที่ใช่ ให้อยู่ในองค์กร

เปิดอ่าน 31,517 ครั้ง
สพฐ.เผยแพร่หน่วยการเรียนรู้ Active Learning ที่ได้รับรางวัลเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับครูในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้
สพฐ.เผยแพร่หน่วยการเรียนรู้ Active Learning ที่ได้รับรางวัลเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับครูในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้

เปิดอ่าน 12,332 ครั้ง
ทานผลไม้ ก็ช่วยป้องกันผมร่วงก่อนวัยได้
ทานผลไม้ ก็ช่วยป้องกันผมร่วงก่อนวัยได้
เปิดอ่าน 2,910 ครั้ง
ศรีลังกาสั่งปิดโรงเรียน-หน่วยราชการ ให้จนท.ทำงานที่บ้านประหยัดน้ำมัน
ศรีลังกาสั่งปิดโรงเรียน-หน่วยราชการ ให้จนท.ทำงานที่บ้านประหยัดน้ำมัน
เปิดอ่าน 24,284 ครั้ง
อาหารดีที่ควรมีติดบ้าน-ทานประจำทำสมองแล่น
อาหารดีที่ควรมีติดบ้าน-ทานประจำทำสมองแล่น
เปิดอ่าน 12,111 ครั้ง
9 สถานที่ท่องเที่ยว สุดประทับใจ คุณไปมารึยัง?
9 สถานที่ท่องเที่ยว สุดประทับใจ คุณไปมารึยัง?
เปิดอ่าน 14,071 ครั้ง
10 อันตรายทลายโลก จากเทคโนโลยี
10 อันตรายทลายโลก จากเทคโนโลยี

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ