ชื่อเรื่อง : การประเมินโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ
CIPPIEST ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนคำแสนวิทยาสรรค์ สังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเลย หนองบัวลำภู
ผู้วิจัย : นายวิรพล แพงน้อย
ปี พ.ศ. : 2565
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
โดยใช้รูปแบบ CIPPIEST ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนคำแสนวิทยาสรรค์
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเลย หนองบัวลำภู ประเมินในด้านบริบท
ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต ด้านผลกระทบ ด้านประสิทธิผล ด้านความยั่งยืน
และด้านการเชื่อมโยงความรู้ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้บริหารและผู้รับผิดชอบโครงการ
จำนวน 20 คน ครูผู้สอนนักเรียนในโครงการฯ จำนวน 36 คน นักเรียนในโครงการฯ จำนวน 53 คน
คณะกรรมการสถานศึกษาและผู้ปกครองนักเรียนในโครงการฯ จำนวน 63 คน รวม 172 คน
ดำเนินการประเมินโครงการตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ถึง วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม ทั้งหมด 4 ฉบับ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.8 1.00
และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.941, 0.926, 0.961, 0.929 ตามลำดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ได้แก่ ความถี่ (frequency) ร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(Standard Deviation) ผลการประเมิน มีดังนี้
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
โดยใช้รูปแบบ CIPPIEST ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนคำแสนวิทยาสรรค์
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเลย หนองบัวลำภู ภาพรวมของ 4 กลุ่ม ทั้ง 8 ด้าน
ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย
ได้แก่ ด้านบริบท ด้านความยั่งยืน ด้านกระบวนการ ด้านการเชื่อมโยงความรู้ด้านประสิทธิผล
ด้านผลผลิตเท่ากับด้านผลกระทบและด้านปัจจัยนำเข้า ตามลำดับ
ง
1. การประเมินด้านบริบท พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์การประเมิน
2. การประเมินด้านปัจจัยนำเข้า พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์
การประเมิน ส่วนความคิดเห็นของผู้บริหารและผู้รับผิดชอบโครงการอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์
การประเมิน
3. การประเมินด้านกระบวนการ พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์
การประเมิน
4. การประเมินด้านผลผลิต พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์การประเมิน
ส่วนความคิดเห็นของผู้บริหารและผู้รับผิดชอบโครงการอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน
5. การประเมินด้านผลกระทบ พบว่าภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์การประเมิน
ส่วนความคิดเห็นของผู้บริหารและผู้รับผิดชอบโครงการอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน
6. การประเมินด้านประสิทธิผล พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์
การประเมิน ส่วนความคิดเห็นของผู้บริหารและผู้รับผิดชอบโครงการอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์
การประเมิน
7. การประเมินด้านความยั่งยืน พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์
การประเมิน
8. การประเมินด้านการเชื่อมโยงความรู้ พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์
การประเมิน ส่วนความคิดเห็นของผู้บริหารและผู้รับผิดชอบโครงการอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์
การประเมิน