หากคุณกำลังสนใจในการทำ SEO และกำลังจะเลือกจ้างเอเจนซี่ที่รับทำสักเจ้า แต่ก็ดูเหมือนว่าทุกที่ก็เหมือนกันไปหมด กระทั่งแม้แต่ราคาที่ไล่เลี่ยกัน แต่ความเป็นจริงแล้วเอเจนซี่ทุกเจ้ามีมาตรฐานและกรอบการทำงาน และประสบการณ์กับธุรกิจที่ต่างกันไป แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าเอเจนซี่รับทำ seo เจ้านั้นจะมีความสามารถจริง และเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ?
เพราะการเลือกเอเจนซี่รับทำ SEO ที่ไม่เหมาะอาจะไม่ได้จบแค่เสียเงินเสียเวลา แต่อาจทำให้เจอกับความเสี่ยงที่เว็บไซต์อาจถูก Google ลงโทษจากการใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้อง นำไปสู่ผลเสียระยะยาวอีกด้วย เราได้รวมเอา 5 คำถามสำคัญที่คุณควรถามก่อนตัดสินใจจ้างเจนซี่ SEO เพื่อเป็นแนวทางในการประเมินได้อย่างรอบด้าน ทั้งทางเทคนิคและกลยุทธ์ เพื่อให้ได้พาร์ทเนอร์ที่จะสามารถสร้างผลลัพท์ SEO ให้เห็นผลจริงและพาให้ธุรกิจของคุณโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน
วัตถุประสงค์ของบทความ เพื่อให้เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดที่กำลังพิจารณาจ้างเอเจนซี่ รับทำ SEO เป็นครั้งแรก มีเครื่องมือ (ชุดคำถาม) ที่นำไปใช้ได้จริงในการคัดกรองเอเจนซี่ที่มีคุณภาพ และตัดสินใจเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางธุรกิจในระยะยาวได้อย่างมั่นใจ

การกำหนดวัตถุประสงค์และตัวชี้วัดหลัก
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นรับหรือคัดเลือกเอเจนซี่ SEO services สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการกำหนดวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ หรือ Business Objectives และตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน (KPIs) ที่คุณคาดหวังจะได้จากการใช้กลยุทธ์ SEO ให้ชัดเจน เพราะหากไม่มีเลย หรือมีเป้าหมายไม่ชัดเจนตั้งแต่แรก ก็จะไม่สามารถวัดผลความสำเร็จ และความคุ้มค่าในการทำได้ตามวัตถุประสงค์นั่นเอง
กำหนดเป้าหมายแบบไหนดีสำหรับการทำ SEO
ถ้าจะกำหนดเป้าหมายสำหรับการทำ SEO ให้ได้ผลจริง ควรตั้งเป้าหมายแบบ ชัดเจน วัดผลได้ และสอดคล้องกับธุรกิจมากที่สุดเช่น
● เป้าหมายหลักคืออะไร? - เช่น เพิ่มยอดขายออนไลน์ 20%, สร้าง Leads ที่มีคุณภาพ 50 Leads ต่อเดือน, เพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บ, เพิ่มอันดับคีย์เวิร์ด เป็นต้น
● ตัวชี้วัด (KPIs) - เช่น Conversion Rate, Organic Traffic, จำนวนคีย์เวิร์ดที่ติด Top 10, จำนวน Leads, เพิ่มยอดขายออนไลน์
การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณและเอเจนซี่มองไปที่จุดหมายเดียวกัน และป้องกันการวัดผลที่ซึ่งไม่ได้ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจคุณเลยและเป็นพื้นฐานสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพของการเติบโตในอนาคต
5 คำถาม และกรอบการประเมิน ก่อนเซ็นสัญญาจ้าง เอเจนซี่ SEO
ก่อนที่จะตัดสินใจเซ็นสัญญากับเอเจนซี่ SEO ไม่ว่าจะด้วยราคา โปรโมชั่น หรือคำรับประกันที่ดูน่าดึงดูด สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่ากำลังร่วมงานกับทีมที่มีแนวทางชัดเจน โปร่งใส และเข้าใจเป้าหมายทางธุรกิจของคุณอย่างแท้จริง คำถามเพียงไม่กี่ข้อ แต่ถามให้ถูกจุด จะช่วยให้เห็นวิธีการทำงาน ทัศนคติ และความเป็นมืออาชีพของเอเจนซี่ได้อย่างชัดเจน
1. เอเจนซี่มีการวัดผลความสำเร็จของการทำ SEO และ มีการรายงานผลอย่างไร?
เพื่อให้แน่ใจว่าเอเจนซี่มุ่งเน้นไปที่ ผลลัพธ์ทางธุรกิจ (Business Metrics) ไม่ใช่แค่ตัวเลข หรือกราฟเฉพาะ ทั้งนี้เพื่อเป็นการประเมินว่าเอเจนซี่ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ทางธุรกิจหรือไม่
● พูดถึงการวัดผลที่เชื่อมโยงกับธุรกิจ เช่น Conversion Rate, Leads, ROI, และยอดขาย ควบคู่ไปกับตัวเลข SEO อย่างอันดับ Keyword และ Organic Traffic
● มีการนำเสนอ Dashboard ที่คุณสามารถเข้าไปดูความคืบหน้าได้แบบ Real-time
● รูปแบบรายงานเข้าใจง่าย มีการวิเคราะห์ข้อมูลและเสนอแนะแนวทาง (Action Plan) ในขั้นต่อไป ไม่ใช่แค่กราฟเปล่าๆ ไม่มีการอธิบาย
● เน้นย้ำแต่เรื่องอันดับ Keyword หรือ Traffic เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
● รายงานซับซ้อน เข้าใจยาก มีแต่ตัวเลขเต็มไปหมด แต่ไม่มีบทวิเคราะห์หรือข้อเสนอแนะ เพิ่มเติมอีก
● อัปเดตผลนานๆ ครั้ง หรือเมื่อทวงถามเท่านั้น หรือรายงานผลดูไม่โปร่งใส
2. ขอชม Case Study หรือตัวอย่างผลงานที่เคยทำให้ธุรกิจที่คล้ายกับเราได้ไหม?
การได้เห็นตัวอย่างงานจริงทำไมถึงสำคัญ เพราะมันจะช่วยให้คุณประเมินได้ว่าเอเจนซี่มี ประสบการณ์ทำงานจริงมามากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่แค่ความรู้ตามตำรา หรือการพูดในเชิงทฤษฎีเท่านั้น เช่น หากคุณทำธุรกิจ B2B หรือขายสินค้ากลุ่มเฉพาะเจาะจง ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่เอเจนซี่จะต้องเข้าใจ Customer Journey ที่ซับซ้อนกว่าทั่วไปด้วย
● สามารถแสดงผลงานในอุตสาหกรรมที่ใกล้เคียงกับธุรกิจของคุณได้อย่างชัดเจนและมั่นใจ
● อธิบายกระบวนการ ที่ทำให้ลูกค้ารายนั้นๆ ประสบความสำเร็จได้ (ปัญหาคืออะไร -> วางกลยุทธ์และแก้ไขอย่างไร -> ผลลัพธ์เป็นอย่างไร)
● ผลลัพธ์ที่นำเสนอเป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ชัดเจน เช่น "เพิ่ม Organic Leads ได้ 150% ใน 6 เดือน" เป็นต้น
● อ้างว่าเป็นความลับของลูกค้า และไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใดๆ ได้เลย
● มีแต่ Case Study ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเลย (เช่น คุณทำธุรกิจ B2B แต่เอเจนซี่โชว์แต่ผลงานเว็บ E-commerce)
● ผลลัพธ์ที่โชว์มีแต่กราฟ Traffic ที่พุ่งสูงขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไปหรือคำอธิบาย
3. คุณใช้เทคนิค SEO แบบไหน? เป็น White Hat 100% หรือไม่?
คำถามนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกับเว็บไซต์ของคุณโดยตรง ถ้าหากเอเจนซี่ใช้เทคนิคที่ละเมิดแนวทางของ Google หรือที่เรียกว่า Black Hat SEO เช่น การปั่นลิงก์จากเว็บไซต์ไม่มีคุณภาพ การซ่อนคีย์เวิร์ด หรือการสร้างคอนเทนต์ปลอม อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกลดอันดับอย่างถาวร
● อธิบายแนวทางการทำงาน ได้อย่างมั่นใจและชัดเจน เช่น การเน้นสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ (High-Quality Content), การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (UX/UI), และการสร้างลิงก์ย้อนกลับ (Backlink) อย่างเป็นธรรมชาติ
● สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาว่า SEO ที่ยั่งยืนต้องใช้เวลา อย่างน้อย 3-6 เดือน ขึ้นไปจึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
● คำสัญญาที่เกินจริง เช่น "รับประกันอันดับ 1 ใน 30 วัน"
● พูดจาอ้อมค้อมเรื่องเทคนิคที่ใช้ หรืออ้างว่ามี "เทคนิคลับเฉพาะ" ที่บอกไม่ได้ (ส่วนใหญ่มักเป็นเทคนิคสายดำหรือเทาที่เสี่ยง)
● เสนอราคาที่ถูกกว่าตลาดอย่างน่าสงสัย เป็นต้น
White Hat SEO คือแนวทางที่ปลอดภัยและยั่งยืนที่สุด เพราะเน้นการปรับปรุงเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้และ Search Engine ไปพร้อมกัน เช่น การเขียนคอนเทนต์คุณภาพ การปรับโครงสร้างเว็บไซต์ และการสร้างลิงก์ที่มีความน่าเชื่อถืออย่างเป็นธรรมชาติ
4. เราจะมีแนวทางสื่อสารกันอย่างไร ให้งานเป็นไปตามความต้องการ
ด้วยการทำ SEO เป็นงานระยะยาวที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างเอเจนซี่และเจ้าของธุรกิจอย่างใกล้ชิด การรู้ว่าใครเป็นผู้ดูแลโปรเจกต์ของคุณโดยตรง เช่น SEO Specialist, Content Strategist, หรือ Project Manager จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าโปรเจกต์จะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
● มีผู้จัดการโครงการ Project Manager หรือผู้ดูแลลูกค้า Account Manager เป็นผู้ประสานงานหลักที่ชัดเจน
● มีการกำหนดรอบการประชุมหรืออัปเดตความคืบหน้าที่แน่นอน เช่น ทุกสัปดาห์ หรือทุก 2 สัปดาห์
● มีช่องทางการสื่อสารที่สะดวกและรวดเร็ว เช่น Slack, LINE Group หรืออีเมลที่มีการตอบกลับอย่างสม่ำเสมอ
● ตอบไม่ได้ว่าใครคือคนรับผิดชอบหลัก ดูเหมือนว่าคุณจะต้องคุยกับเซลส์ตลอดเวลา
● กระบวนการสื่อสารคลุมเครือ ไม่มีตารางเวลาที่ชัดเจน
● ติดต่อยาก ตอบช้า หรือดูเหมือนมีทีมงานขนาดเล็กเกินกว่าจะดูแลลูกค้าได้ทั่วถึง
เพราะช่องทางการสื่อสาร ก็เป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด การติดตามงานที่ล่าช้า หรือข้อมูลที่ตกหล่น ดังนั้นควรถามให้ชัดเจนในจุดนี้
5. จะเกิดอะไรขึ้นหากเราตัดสินใจหยุดสัญญา? และ การรักษาอันดับหลังหยุดบริการ
การทำ SEO บางรูปแบบ เช่น การเช่า Backlink หรือการใช้ระบบเครือข่ายที่ควบคุมโดยเอเจนซี่ อาจทำให้อันดับที่เคยสร้างไว้หายไปทันทีเมื่อยกเลิกสัญญา ดังนั้น การสอบถามให้ชัดว่าองค์ประกอบต่างๆ เช่น คอนเทนต์ ลิงก์ หรือข้อมูลที่สร้างขึ้นจะยังเป็นทรัพย์สินของคุณหรือไม่เมื่อจบสัญญา
● ผลลัพธ์และอันดับที่ได้จากเทคนิค White Hat จะยังคงอยู่ แต่ก็อาจจะค่อยๆ ลดลงหากไม่มีการปรับปรุงดูแลต่อ หรือหากคู่แข่งทำได้ดีกว่า ซึ่งเป็นเรื่องปกติของ SEO"
● "Backlink ทั้งหมดที่สร้างให้ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณ เช่นเดียวกับเนื้อหาและบทความทั้งหมดที่สร้างขึ้นบนเว็บไซต์"
● "อันดับจะหายไปทันที" (นี่เป็นสัญญาณอันตรายว่าพวกเขาอาจใช้เครือข่ายบล็อกส่วนตัว (PBN) ซึ่งเป็นเทคนิคสายดำ)
● ตอบไม่ชัดเจนเรื่องความเป็นเจ้าของเนื้อหาหรือ Backlink ที่สร้างขึ้น
การสอบถามให้ชัดเพื่อให้มั่นใจว่าเว็บไซต์ของคุณจะไม่สูญเสียความน่าเชื่อถือหรืออันดับในระยะยาวเพียงเพราะคุณเปลี่ยนผู้ให้บริการ
บทสรุป
การว่าจ้างเอเจนซี่ SEO ควรถูกมองในฐานะการคัดเลือก พันธมิตรทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ มากกว่าการเป็นเพียงผู้ให้บริการ กรอบการประเมิน 5 ประเด็นข้างต้นจะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่เป็นเหตุเป็นผล ลดอคติ และเพิ่มโอกาสในการค้นพบเอเจนซี่ที่ไม่ได้มุ่งสร้างเพียงแค่อันดับบนหน้าผลการค้นหา แต่ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่ยั่งยืนให้แก่องค์กรและธุรกิจของคุณอย่างแท้จริง
FAQ คำถามที่พบบ่อย
ขึ้นอยู่กับแนวทางและกลยุทธ์ที่เอเจนซี่ใช้ แต่หากเอเจนซี่ใช้เทคนิคที่ไม่โปร่งใสเช่น การสร้างลิงก์แบบ Black Hat อันดับอาจร่วงอย่างรวดเร็วเมื่อหยุดบริการ
ควรถามเอเจนซี่ให้ชัดเจนตั้งแต่แรกว่า เครื่องมือต่างๆ เช่น Google Analytics, Google Search Console, คอนเทนต์, ลิงก์ จะยังเป็นของคุณหรือไม่หลังจากยกเลิกสัญญา เพื่อป้องกันไม่ให้คุณเสียของที่ควรเป็นของธุรกิจคุณเอง
ได้และควรทำ เป้าหมาย SEO ไม่ควรได้แค่การติดหน้าแรก ควรควรครอบคลุมไปถึงการเพิ่มยอดผู้เข้าชมแบบ Organic, เพิ่ม Conversion, หรือกระตุ้นยอดขาย เอเจนซี่ที่ดีจะช่วยคุณกำหนด KPI ที่วัดผลได้และตรงกับเป้าธุรกิจ
ตรวจสอบว่ารายงาน SEO ที่ส่งมามีข้อมูลจากเครื่องมือมาตรฐาน เช่น Google Analytics, Google Search Console, หรือ Ahrefs/Moz/SEMrush พร้อมคำอธิบายผลลัพธ์อย่างโปร่งใสและแนะนำสิ่งที่ต้องปรับปรุงในรอบถัดไป
ไม่จำเป็นเสมอไป แต่เป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก เอเจนซี่ที่มีประสบการณ์ใน จะเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย, คำค้นหา (Keyword) ที่เฉพาะเจาะจง, และรู้จักคู่แข่งในตลาดดีอยู่แล้ว ทำให้สามารถวางกลยุทธ์ได้รวดเร็วและตรงจุดยิ่งขึ้น แต่เอเจนซี่ SEO ที่มีคุณภาพและมีกระบวนการทำงานที่เป็นระบบจะสามารถทำการวิจัยและเรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน