ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สำหรับนักเรียนชั้นปร

การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการ ในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 (2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องตื่นรู้สู้ภัยพิบัติ ทางธรรมชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการสร้างความรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องตื่นรู้สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล 5 (พหลโยธินรามินทรภักดี) ที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ

กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนเทศบาล 5 (พหลโยธินรามินทรภักดี) สังกัดสำนักการศึกษาเทศบาลเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) 1 ห้องเรียน จำนวน 38 คน โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม (Sampling Unit)

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ จำนวน 8 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ 8 แผน ซึ่งประกอบด้วย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดความสามารถในการสร้างความรู้แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจกิจกรรมท้ายบทเรียน แบบประเมินทักษะในการปฏิบัติงาน และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง จำนวน 8 สัปดาห์ ๆ ละ 2 ชั่วโมง รวมเป็น 16 ชั่วโมง การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) ค่าร้อยละและค่าที (t-test Dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

ผลการวิจัย พบว่า

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ครูผู้สอนและผู้เชี่ยวชาญต้องการให้มีพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ที่มีเนื้อหาที่เรียงจากง่ายไปหายาก ส่งเสริมทักษะการปฏิบัติงานจากเรื่องตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีภาพประกอบ มีการจัดการเรียนการสอนเป็นรายบุคคลโดยให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง

2. ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่พัฒนาขึ้นมีชื่อเรียกว่า SPARE Model มีองค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์กระบวนการเรียนการสอน การสรุปสาระความรู้ หลักการตอบสนอง และสิ่งสนับสนุน ซึ่งมีกระบวนการเรียนการสอน 5 ขั้นตอน (SPARE MODEL) 1) ขั้นกระตุ้นเร้าความสนใจในการเรียนรู้ (Stimulation : S) 2) ขั้นการนำเสนอเนื้อหาจัดประสบการณ์การเรียนรู้ (Presentation: P) 3) ขั้นเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ (Action Learning : A) 4) ขั้นสะท้อนความรู้ (Reflection of Knowledge: R) และ5) ขั้นการประเมินผล (Evaluation : E) มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.80/85.00 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่า สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ที่ระดับ .05 ซึ่งผลการเปรียบเทียบจากคะแนนแบบทดสอบวัดความสามารถในการสร้างความรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนทุกตอน และผลการเปรียบเทียบคะแนนแบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจกิจกรรมท้ายบทเรียน สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด นอกจากนั้น ผลคะแนนเฉลี่ยแบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ทั้ง 8 สัปดาห์แสดงให้เห็นถึงการมีพัฒนาในการเรียนรายวิชาภูมิศาสตร์สูงขึ้นในแต่ละสัปดาห์ที่เรียน

4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการเรียนด้วย รูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบสร้างความรู้ด้วยตนเองและทักษะปฏิบัติ สาระภูมิศาสตร์ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยภาพรวม พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเรียนการสอนอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน (x̄ = 4.72, S.D.= 0.55) โดยเรียงค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย ได้แก่ด้านเนื้อหาและรูปแบบของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีความเห็นในระดับมากที่สุด (x̄ =4.77, S.D.= 0.47) รองลงมาคือด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.71, S.D.= 0.57) และด้านบรรยากาศ ในการจัดการเรียนรู้ ที่ใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ตื่นรู้ สู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.67, S.D.= 0.61) ตามลำดับ ที่มีความสนุกสนาน ที่นักเรียนสามารถหาความรู้ได้ต่อเนื่องตลอดเวลาและนักเรียนสามารถพัฒนาวิธีการการแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง

โพสต์โดย oilnaja : [26 ส.ค. 2566 เวลา 14:02 น.]
อ่าน [2794] ไอพี : 124.122.123.202
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 28,826 ครั้ง
พระพิฆเนศ
พระพิฆเนศ

เปิดอ่าน 15,154 ครั้ง
10 เคล็ดลับคลายความเหนื่อยล้า ปลุกพลังกลับมาอีกครั้ง
10 เคล็ดลับคลายความเหนื่อยล้า ปลุกพลังกลับมาอีกครั้ง

เปิดอ่าน 50,204 ครั้ง
จดหมายถึงครู.... โดย...ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
จดหมายถึงครู.... โดย...ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

เปิดอ่าน 8,105 ครั้ง
ถอด 3 กลยุทธ์สร้างห้องเรียนออนไลน์ให้ ถูกใจผู้สอน โดนใจคนเรียน
ถอด 3 กลยุทธ์สร้างห้องเรียนออนไลน์ให้ ถูกใจผู้สอน โดนใจคนเรียน

เปิดอ่าน 14,098 ครั้ง
มาดามคูรี : เคมี
มาดามคูรี : เคมี

เปิดอ่าน 10,860 ครั้ง
เปิดผลวิจัยคนไทยติดแชต กระทบงาน-การเรียนหนัก
เปิดผลวิจัยคนไทยติดแชต กระทบงาน-การเรียนหนัก

เปิดอ่าน 22,578 ครั้ง
รายงานการวิจัย สถานภาพการประยุกต์ใช้ ICT เพื่อการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรองรับการปฏิรูปการศึกษ
รายงานการวิจัย สถานภาพการประยุกต์ใช้ ICT เพื่อการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรองรับการปฏิรูปการศึกษ

เปิดอ่าน 32,239 ครั้ง
ทำไมคนเราต้องกระพริบตา
ทำไมคนเราต้องกระพริบตา

เปิดอ่าน 19,705 ครั้ง
มโนทัศน์ของเทคโนโลยีการศึกษา
มโนทัศน์ของเทคโนโลยีการศึกษา

เปิดอ่าน 33,326 ครั้ง
ประโยชน์ของมัลติมีเดีย
ประโยชน์ของมัลติมีเดีย

เปิดอ่าน 17,072 ครั้ง
กำแพงกั้นเสียง
กำแพงกั้นเสียง

เปิดอ่าน 18,245 ครั้ง
อาหารยอดนิยมในอาเซียน (อินโดนีเซีย)
อาหารยอดนิยมในอาเซียน (อินโดนีเซีย)

เปิดอ่าน 19,925 ครั้ง
อยากประสบความสำเร็จต้องอ่าน ความจริง 3 ข้อที่คนทำงานไม่อาจมองข้าม
อยากประสบความสำเร็จต้องอ่าน ความจริง 3 ข้อที่คนทำงานไม่อาจมองข้าม

เปิดอ่าน 456,029 ครั้ง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับสมบูรณ์(4 สี)
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับสมบูรณ์(4 สี)

เปิดอ่าน 19,257 ครั้ง
ปรบมือให้เลย แชร์ไอเดียเด็ดๆ ของเด็กไทย! เลคเชอร์วิชาประวัติศาสตร์ขั้นเทพของเด็กม.3
ปรบมือให้เลย แชร์ไอเดียเด็ดๆ ของเด็กไทย! เลคเชอร์วิชาประวัติศาสตร์ขั้นเทพของเด็กม.3

เปิดอ่าน 10,243 ครั้ง
“ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า”
“ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า”
เปิดอ่าน 8,611 ครั้ง
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่! 3 ข้อห้าม ห้ามทำในวันหวยออก หากอยากถูกหวย!
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่! 3 ข้อห้าม ห้ามทำในวันหวยออก หากอยากถูกหวย!
เปิดอ่าน 28,267 ครั้ง
การพิมพ์หนังสือราชการภาษาไทยด้วยโปรแกรมการพิมพ์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ (ตามระเบียบสำนักนายกฯ)
การพิมพ์หนังสือราชการภาษาไทยด้วยโปรแกรมการพิมพ์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ (ตามระเบียบสำนักนายกฯ)
เปิดอ่าน 17,586 ครั้ง
สมุนไพรไทย
สมุนไพรไทย
เปิดอ่าน 11,907 ครั้ง
ดูแลตัวกันเยอะแล้ว มาดูแลเท้ากันบ้างดีกว่า!
ดูแลตัวกันเยอะแล้ว มาดูแลเท้ากันบ้างดีกว่า!

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ