ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎี การสร้างความรู้
ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถ
ในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ผู้วิจัย นางจัดติพร รัตนมาลี
ปีที่วิจัย 2565-2566
บทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2) สร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3) ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 4) ประเมินและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) ปีการศึกษา 2566 จำนวน 27 คน โดยการการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 18 แผน 2) APACIEF-DAS Model 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ 4) แบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหา จำนวน 15 ข้อ 5) แบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จำนวน 16 ข้อ และ 6) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 20 ข้อ
ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพปัจจุบัน และสภาพที่พึงประสงค์และแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สภาพปัจจุบัน โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง x̄ = 3.20, S.D. = 0.98) สภาพที่พึงประสงค์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด x̄ = 4.77, S.D. = 0.38) และแนวทางในการการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ควรให้นักเรียนมีการเรียนรู้เป็นกลุ่ม และรายบุคคล โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญ กล่าวคือ ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้
2. ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พบว่า
2.1 องค์ประกอบของรูปแบบ โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด x̄ = 4.84, S.D. = 0.33) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อจากมากไปน้อย ได้แก่ ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด x̄ = 5.00, S.D. = 0.00) ผลป้อนกลับ อยู่ในระดับมากที่สุด x̄ = 5.00, S.D. = 0.00) หลักการ อยู่ในระดับมากที่สุด x̄ = 4.80, S.D. = 0.55) วัตถุประสงค์ อยู่ในระดับมากที่สุด x̄ = 4.80, S.D. = 0.55) และการวัดและประเมินผล อยู่ในระดับมากที่สุด x̄ = 4.60, S.D. = 0.55)
2.2 รายละเอียดของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ที่พัฒนาขึ้น โดยรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด x̄ = 4.75, S.D. = 0.46)
2.3 ผลการประเมินแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยผู้เชี่ยวชาญ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด x̄ = 4.83, S.D. = 0.25)
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พบว่า
3.1 ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เท่ากับ 81.94/81.85
3.2 ค่าดัชนีประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เท่ากับ 0.7201
3.3 คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พบว่า นักเรียนจำนวน 27 คน มีคะแนนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 จำนวน 23 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 85.19 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ นักเรียนร้อยละ 80 มีคะแนนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม
3.4 คะแนนความสามารถในการแก้ปัญหาหลังจากการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พบว่า นักเรียนจำนวน 27 คน มีคะแนนผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 จำนวน 23 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 85.19 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ นักเรียนร้อยละ 80 มีคะแนนผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม
3.5 คะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังจากการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พบว่า นักเรียนจำนวน 27 คน มีคะแนนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 จำนวน 23 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 85.19 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ นักเรียนร้อยละ 80 มีคะแนนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม
3.6 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด x̄ = 4.70, S.D. = 0.66)
4. ผลการประเมินและรับรองรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ พบว่า
4.1 ผลการประเมินและรับรองรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ร่วมกับแนวคิดการสืบเสาะหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีระดับความเหมาะสมมากที่สุด x̄ = 4.92, S.D. = 0.18)
4.2 ผลการประเมินและรับรองขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยรวมมีความเหมาะสมมากที่สุด x̄ = 4.89, S.D. = 0.21)