ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนารูปแบบและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (4) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (5) เพื่อประเมินความคิดเห็นของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (6) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนกลุ่มขยายผลที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (7) เพื่อประเมินความคิดเห็นของนักเรียนของกลุ่มที่ขยายผลที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/3 โรงเรียนเทศบาล ๓ (บ้านบ่อ) จังหวัดกาญจนบุรี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 37 คน ซึ่งได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบ ด้วย (1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE (2) คู่มือการใช้รูปแบบจัดการเรียนรู้แบบ SPACE (3) แผนการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE เรื่อง ทศนิยม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนัยเลือกตอบ เรื่อง ทศนิยม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (5) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ แบบอัตนัย เรื่อง ทศนิยม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ (6) แบบประเมินความคิดเห็นของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับจำนวน 10 ข้อ สวนการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การทดสอบ ค่า t-test (Dependent Samples) และการวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการวิจัย พบว่า

(1) ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่จัดการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบ 1) หลักการของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ องค์ประกอบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ องค์ประกอบ3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ประกอบ ด้วย 5 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ขั้นสำรวจและค้นหาข้อมูลเพื่อนำมาตัดสินใจแก้ปัญหา (Survey: S) ขั้นที่ 2 ขั้นออกแบบวิธีการแก้ปัญหา (Planning: P) ขั้นที่ 3 ขั้นลงมือแก้ปัญหา ขั้นที่ 4 ขั้นเชื่อมโยงการเรียนสู่โลกภายนอก (Connections to the beyond the classroom: C ) ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation: E) องค์ประกอบ 4) การวัดและประเมินผลของรูปแบบ

ผลการตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เแบบ SPACE ที่มีต่อประเด็นต่าง ๆ ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยการประเมินความสอดคล้องแบบมาตราส่วนประเมินค่า 5 ระดับของLikert (Likert Five Rating Scales) จากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน พบว่า ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ แบบ SPACE มีความสอดคล้องกันในระดับมากที่สุดแสดงให้เห็นว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้มีความสอดคล้องเหมาะสมสามารถนำไปใช้จัดการเรียนรู้ได้และเมื่อหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์มีประสิทธิภาพ เท่ากับ85.80 / 80.09 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้

(2) ผลการหาค่าดัชนีประสิทธิผลรูปแบบการจัดการเรียนรู้เแบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า มีดัชนีประสิทธิผลมีค่าเท่ากับ 0.596

(3) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

(4) ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

(5) ผลการประเมินความคิดเห็นของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า ในภาพรวมนักเรียนมีความคิดเห็นที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ SPACE ระดับมาก (X = 4.26, S.D. = 3.01) เมื่อพิจารณารายการประเมินรายด้าน พบว่า นักเรียนมีระดับความคิดเห็นในด้าน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( X = 4.49, S.D. = 1.32) และเมื่อพิจารณารายการประเมินรายข้อ พบว่านักเรียนมีความคิดเห็นระดับมากที่สุด คือ ครูในจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย นักเรียนมีการทำงานเป็นกลุ่มทำให้ทุกคนในกลุ่มได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และนักเรียนรู้สึกดีเมื่อครูเปิดโอกาสให้สนทนา ซักถามข้อผิดพลาดพร้อมทั้งให้คำแนะนำในการปรับปรุง ส่วนความคิดเห็นระดับน้อยที่สุด คือ นักเรียนมีการประเมินเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม

(6) ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนกลุ่มขยายผลที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า นักเรียนกลุ่มที่ขยายผลมีความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

(7) ผลการประเมินความคิดเห็นของนักเรียนของกลุ่มที่ขยายผลที่ได้รับการจัด การเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนรู้แบบ SPACE โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่าในภาพรวมนักเรียนกลุ่มที่ขยายผลมีความคิดเห็นที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนรู้แบบ SPACE ระดับมาก ( X = 4.25, S.D. = 3.11) เมื่อพิจารณารายการประเมินรายด้าน พบว่า นักเรียนมีระดับความคิดเห็นในด้าน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก (X = 4.55, S.D. = 1.36) และเมื่อพิจารณารายการประเมินรายข้อ พบว่านักเรียนมีความคิดเห็นระดับมากที่สุด คือ นักเรียนมีการทำงานเป็นกลุ่มทำให้ทุกคนในกลุ่มได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันนักเรียนได้รับความรู้ที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และครูในจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ส่วนความคิดเห็นระดับน้อยที่สุด คือ นักเรียนนำเสนอผลงานที่ได้รับมอบหมายทำให้มีความมั่นใจและกล้าแสดงออก

โพสต์โดย อิศรา สิทธิสาร : [26 พ.ย. 2567 (20:56 น.)]
อ่าน [129] ไอพี : 182.232.197.95
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 16,114 ครั้ง
ดูให้รู้ - โรงเรียนญี่ปุ่น
ดูให้รู้ - โรงเรียนญี่ปุ่น

เปิดอ่าน 18,584 ครั้ง
อำลาโทรเลขไทย 133 ปี
อำลาโทรเลขไทย 133 ปี

เปิดอ่าน 23,604 ครั้ง
เกลือ สารพัดประโยชน์เพื่อความงาม ทำอะไรได้บ้าง
เกลือ สารพัดประโยชน์เพื่อความงาม ทำอะไรได้บ้าง

เปิดอ่าน 38,411 ครั้ง
สูตรลับการคูณแม่ 9 โดยใช้นิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว(สุดยอดครับ)
สูตรลับการคูณแม่ 9 โดยใช้นิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว(สุดยอดครับ)

เปิดอ่าน 5,909 ครั้ง
กรมอนามัย ย้ำดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด ดื่มให้เหมาะสม พอเพียง ดีต่อร่างกาย
กรมอนามัย ย้ำดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด ดื่มให้เหมาะสม พอเพียง ดีต่อร่างกาย

เปิดอ่าน 111,393 ครั้ง
กรรม คือ อะไร?
กรรม คือ อะไร?

เปิดอ่าน 10,263 ครั้ง
ราชภัฏมหาวิทยาลัยในศตวรรษที่ 21
ราชภัฏมหาวิทยาลัยในศตวรรษที่ 21

เปิดอ่าน 15,420 ครั้ง
นาคเล่นน้ำ
นาคเล่นน้ำ

เปิดอ่าน 171,852 ครั้ง
15 ต้นไม้ริมรั้ว ที่นิยมปลูกไว้ในบ้าน
15 ต้นไม้ริมรั้ว ที่นิยมปลูกไว้ในบ้าน

เปิดอ่าน 12,524 ครั้ง
"โสม" ราชาแห่งสมุนไพร
"โสม" ราชาแห่งสมุนไพร

เปิดอ่าน 12,500 ครั้ง
เชื่อไหมว่าเรามียาดีประจำบ้าน ก็เกลือที่อยู่ในครัวนี่เอง
เชื่อไหมว่าเรามียาดีประจำบ้าน ก็เกลือที่อยู่ในครัวนี่เอง

เปิดอ่าน 80,531 ครั้ง
การปอกผลไม้ไม่ให้ดำ
การปอกผลไม้ไม่ให้ดำ

เปิดอ่าน 10,397 ครั้ง
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง

เปิดอ่าน 14,505 ครั้ง
อย.เตือนภัยครีมกันแดด - แก้ฝ้า 15 ชนิดใช้แล้วหน้าพัง
อย.เตือนภัยครีมกันแดด - แก้ฝ้า 15 ชนิดใช้แล้วหน้าพัง

เปิดอ่าน 29,597 ครั้ง
"ซอกแจ" เด็กเกาหลีป.4 ที่ถูกเพื่อนๆ เพิกเฉย ไปดูกันว่า คุณครูช่วยแก้ปัญหานี้อย่างไร?
"ซอกแจ" เด็กเกาหลีป.4 ที่ถูกเพื่อนๆ เพิกเฉย ไปดูกันว่า คุณครูช่วยแก้ปัญหานี้อย่างไร?

เปิดอ่าน 14,550 ครั้ง
เฉลยข้อสอบอัตนัยด้วย FACEBOOKLIVE
เฉลยข้อสอบอัตนัยด้วย FACEBOOKLIVE
เปิดอ่าน 29,522 ครั้ง
ICT2020 Conceptual Framework
ICT2020 Conceptual Framework
เปิดอ่าน 2,140 ครั้ง
เติมความหวานด้วยของขวัญวันวาเลนไทน์ ส่งรักแทนใจให้คนพิเศษ
เติมความหวานด้วยของขวัญวันวาเลนไทน์ ส่งรักแทนใจให้คนพิเศษ
เปิดอ่าน 107,967 ครั้ง
ประวัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ "นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์"
ประวัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ "นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์"
เปิดอ่าน 11,180 ครั้ง
ชมหรือยัง? สถานการณ์ การศึกษาไทย 2557 (The State of Thai Education 2014)
ชมหรือยัง? สถานการณ์ การศึกษาไทย 2557 (The State of Thai Education 2014)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ