สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในปัจจุบัน การสื่อสารเทคโนโลยีต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อประชาชน ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ ซึ่งปรากฏปัญหาให้เห็นมากมายทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด อันนำมาซึ่งปัญหาครอบครัวเกิดความทุกข์ ความวิตกกังวลความเครียด ส่งผลให้เกิดการปรับตัวที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ ทดลองและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ตนเอง อาจพลั้งพลาดและตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดและอบายมุข
ในหลากหลายลักษณะ อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของยาเสพติดนั้น ยังคงเกิดขึ้นทั่วประเทศ ทั่วทวีปและแพร่กระจายเป็นวงกว้างในหลากหลายประเทศทั่วโลก การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและอบายมุข
ในสถานศึกษาต้องอาศัยวิธีการที่มีความยั่งยืนและเข้าถึงทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาในระดับสถานศึกษา ซึ่งเป็นฐานรากสำคัญในการเสริมสร้างสังคมที่แข็งแกร่งและปราศจากปัญหายาเสพติดและอบายมุข
กระทรวงศึกษาธิการจึงได้กำหนดมาตรการป้องกันเด็กและเยาวชนก่อนวัยเสี่ยงและในวัยเสี่ยงไม่ให้
เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรียนรู้ถึงโทษและพิษภัยของยาเสพติด รู้จักวิธีปฏิเสธหลีกเลี่ยงยาเสพติดและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการหมกมุ่นมั่วสุมกับยาเสพติดและอบายมุข ตลอดจนดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งในการดำเนินงานและโครงการไปสู่เป้าหมายหรือความสำเร็จนั้น
ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยเฉพาะบุคลากรทางการศึกษาทุกคนในสถานศึกษา
ซึ่งมีครูอาจารย์เป็นหลักสำคัญในการดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียน นักศึกษา ให้เติบโตงดงามและ
เป็นบุคคลที่มีคุณค่าของสังคม การพัฒนานักเรียน นักศึกษาให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพทั้งด้านร่างกาย จิตใจ
และสติปัญญา มีความรู้ ความสามารถและมีคุณธรรมจริยธรรม ดำเนินวิถีชีวิตที่เป็นสุขตามที่สังคมมุ่งหวัง
โดยผ่านกระบวนการทางการศึกษาที่สถานศึกษาทุกแห่งต้องดำเนินการจัดการศึกษาตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้เยาวชนเป็นคนเก่ง คนดี สามารถดำรงตนให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข นอกจากจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียนได้รับกระบวนการเรียนรู้แล้ว การป้องกันและ
การช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากปัจจัยเสี่ยงรอบสถานศึกษาที่มีพฤติกรรมไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ร้านเกม การพนัน หนีเรียน ทะเลาะวิวาท ก่ออาชญากรรม เป็นปัญหาสังคมที่ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ทุกคน
ที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาไม่ให้มีพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งมาจากปัจจัยเสี่ยงและผลกระทบ
จากแหล่งอบายมุข
จังหวัดสุราษฎร์ธานี กลุ่มเด็กและเยาวชนทั้งในและนอกสถานศึกษาเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ปัญหา
ด้าน Demand ไม่ลดลง เนื่องจากจำนวนผู้เสพ/ผู้ติดเกินครึ่งของผู้เสพติดที่เข้าบำบัดรักษาในแต่ละปีเป็นผู้เสพ
รายใหม่ กลุ่มผู้เข้าไปกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมีแนวโน้มเป็นกลุ่มเยาวชน โดยอายุของผู้เกี่ยวข้องมีแนวโน้มลดลงมาสู่กลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า ๒๐ปี ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีจึงกำหนดเป้าหมายสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันยาเสพติดให้กับเยาวชนก่อนวัยเสี่ยงอายุ ๗-๑๘ ปี กำหนดแผนการแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด กำหนดบำบัดรักษาในกลุ่มที่เป็นนักเรียน โดยให้แยกการบำบัดรักษาของนักเรียนเป็นการเฉพาะไม่ปะปนกับ
ผู้เสพทั่วไป เพื่อมิให้เกิดปัญหาการแพร่พฤติการณ์ โดยการจัดค่ายบำบัดหรือค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับกลุ่มนักเรียนโดยเฉพาะ หรืออาจบำบัดในโรงเรียนภายใต้การสนับสนุนช่วยเหลือจากหน่วยงานสาธารณสุข
รวมทั้งมีการจัดทำบันทึกข้อตกลงระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความร่วมมือในด้านการสร้างระบบป้องกัน เฝ้าระวังและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา การขจัดปัจจัยเสี่ยงรอบสถานศึกษา การสร้างวิทยากรป้องกันเด็กก่อนวัยเสี่ยง ได้แก่ ครู D.A.R.E (ครูตำรวจ ครูพระ ครูสอนศาสนา) การจัดตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานประจำสถานศึกษา การจัดตั้งศูนย์เครือข่ายและเจ้าพนักงานส่งเสริมความประพฤตินักเรียน/นักศึกษา การค้นหาและจัดค่ายบำบัดนักเรียน/นักศึกษา กลุ่มใช้/เสพยาเสพติดหรือการจัดทำจิตสังคมบำบัดในสถานศึกษา
โรงเรียนท่าเฟืองวิทยา ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดในอันดับต้น ๆ ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ส่งผลโดยตรงกับชุมชนและสถานศึกษา นักเรียนมีโอกาสได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดดังกล่าวนี้ได้ ทางโรงเรียนท่าเฟืองวิทยาได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญถึงโทษและ
พิษภัยของบุหรี่ ยาเสพติดและอบายมุขทั้งปวง ทางโรงเรียนจึงคิดค้นนวัตกรรมที่ยึดหลักความเข้าใจ ความเข้าถึง
และมุ่งพัฒนาคุณภาพผู้เรียนทุกด้าน พร้อมทั้งสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่นักเรียนเพื่อใช้ในการสร้างภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจ และเพื่อให้นักเรียนโรงเรียนท่าเฟืองวิทยาปลอดภัยจากยาเสพติดและอบายมุขทั้งปวง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดและอบายมุข
รวมทั้งการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนท่าเฟืองวิทยาได้อย่างทั่วถึงนั้น โรงเรียนจึงได้คิดค้นนวัตกรรมโดยมีชื่อผลงานหมู่บ้านกล้าแกร่ง สานต่อศาสตร์พระราชา ต้านยาเสพติดและอบายมุข ขึ้น ซึ่งหมู่บ้านกล้าแกร่ง สานต่อศาสตร์พระราชา ต้านยาเสพติดและอบายมุข เกิดขึ้นจากแนวคิดการใช้หลักการและแนวทางของศาสตร์พระราชา
ที่เน้นการพัฒนาอย่างรอบด้าน โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาครอบครัว (ห้องเรียน) ที่มีความแข็งแกร่งทั้งในด้านจิตใจ เศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการนำเทคโนโลยีและการคิดแบบดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาความคิดและการเรียนรู้
ของนักเรียนในสถานศึกษา การใช้แนวทาง "ครอบครัวฐานสอง ๓-๒-๒-๔" ซึ่งเป็นแนวทางที่เน้นการพัฒนาครอบครัว (ห้องเรียน) ให้มีความเข้มแข็งในมิติของการพึ่งพาตนเอง การมีการศึกษาและการมีจิตสำนึกที่ดี
รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะต่าง ๆ จะช่วยให้ชุมชนสามารถต่อต้านปัญหายาเสพติดและอบายมุขได้อย่างยั่งยืน ทางโรงเรียนได้จัดระบบโครงสร้างการป้องกันและแก้ปัญหา
ในลักษณะหมู่บ้านจำลอง กล่าวคือ ให้การดูแลช่วยเหลือนักเรียนทุกห้องเรียนทุกระดับชั้นแบบพ่อแม่ดูแลลูก
และมีผู้ใหญ่บ้านดูแลลูกบ้าน เพื่อให้สามารถดูแลนักเรียนได้อย่างทั่วถึงเป็นระบบและสามารถแก้ไข ยับยั้งปัญหา
ได้ทันท่วงที มุ่งเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันทางร่างกายและจิตใจให้แก่นักเรียนโรงเรียนท่าเฟืองวิทยาทุกคน
ภายใต้ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่เข้มแข็งและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งนวัตกรรมนี้ไม่เพียงแค่เป็นการต่อต้านยาเสพติดและอบายมุขในรูปแบบดั้งเดิม แต่เป็นการสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับสถานศึกษา โดยใช้หลักการจากศาสตร์พระราชาและเทคโนโลยี
ที่ทันสมัย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทั้งในด้านจิตใจและสังคมให้แก่นักเรียนในโรงเรียนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน