ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

วิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนโดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3

รายงานการวิจัยในชั้นเรียน

ชื่อเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนโดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่าน สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3

ผู้วิจัย นางสาวมาธวี นุเสน

ปีที่วิจัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564

ความเป็นมาและความสำคัญ

เด็กอนุบาลปีที่ 3 ช่วงอายุระหว่าง 5-6 ปี ควรได้รับการส่งเสริมพัฒนาการ ทั้ง 4 ด้านไปพร้อมๆกัน คือ ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา เพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียนระดับสูงต่อไป การอ่านและการเขียนสามารถจัดประสบการณ์ บูรณาการให้เด็กได้ ในกิจกรรม สร้างสรรค์ กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมเสรี และ กิจกรรมเกมการศึกษา

ผู้วิจัยเห็นว่า การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ทำให้เด็กได้รับการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์จากการทำกิจกรรมที่เด็กริเริ่มและครูริเริ่ม สามารถส่งเสริม ด้านการอ่านได้จากผลงานทางศิลปะ ซึ่งเป็นรูปธรรมมากกว่า การเขียนตัวหนังสือ นอกจากนั้น การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ยังช่วยฝึกทักษะการใช้ กล้ามเนื้อเล็ก การประสานสัมพันธ์ ระหว่างมือกับตาจะสามารถ ช่วยให้ผู้เรียนมีกล้ามเนื้อมือที่แข็งแรง ส่งผลดีต่อ การเขียนภาพ เขียนสัญลักษณ์ ตัวหนังสือ ตัวเลขได้ดี

วัตถุประสงค์

1. เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3

2. เพื่อเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังการใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่าน

สมมุติฐาน

เมื่อจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่านแล้วความสามารถในทักษะด้านการอ่านและการเขียนก่อนและหลังมีความแตกต่างกัน

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1. นักเรียนมีทักษะการอ่านและการเขียนเพิ่มมากขึ้น

2. นักเรียนอ่านและเขียนได้ชัดเจนและถูกต้อง

ขอบเขตของการวิจัย

ประชากร / นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย

นักเรียนชาย–หญิง ชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านปรือพวงสำราญ ตำบลตาจง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 12 คน

กลุ่มตัวอย่าง

นักเรียนชาย–หญิง ชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านปรือพวงสำราญ ตำบลตาจง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มาโดยการคัดเลือก นักเรียนที่อ่านภาพจากงานศิลปะ แล้วออกเสียงได้ไม่ถูกต้องและเขียนไม่ได้ เพื่อนำมาเป็นกลุ่มทดลอง จำนวน 12 คน

ระยะเวลาในการทดลอง

ดำเนินการวิจัยในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ตั้งแต่ เดือน พฤศจิกายน – เดือน มีนาคม ทดลอง 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 40 นาที รวม 4 ครั้ง

เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง

1. กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์วาดภาพระบายสี

2. แบบทดสอบการอ่าน – การเขียน ก่อน และ หลัง

3. แบบประเมินพฤติกรรม พัฒนาการ การอ่าน การเขียน ก่อนและหลัง

ตัวแปรที่ศึกษา

ตัวแปรอิสระ การใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่าน

ตัวแปรตาม การอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3

วิธีดำเนินการวิจัย

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านปรือพวงสำราญ จำนวน 6 คน ได้มาโดยการเลือกนักเรียนที่อ่าน ภาพ จากงาน ศิลปะ แล้วออกเสียงได้ไม่ถูกต้องและเขียนไม่ได้โดยผู้วิจัยจะใช้เครื่องมือในการทดลอง คือ ศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่าน แบบทดสอบการอ่าน การเขียน แบบประเมินพฤติกรรมพัฒนาการการอ่าน การเขียน ก่อน – หลัง โดยนำไปทดลองใช้เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 40 นาที รวม 24 ครั้ง แล้ว นำมาวิเคราะห์ หาค่าเฉลี่ย ( X ) ค่าร้อยละ

และ นำมา เปรียบเทียบผล สัมฤทธิ์ก่อน และ หลัง การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์และสื่อการอ่าน

* ส่วนนักเรียนที่ไม่ได้ทำการทดลอง ผู้วิจัยจะจัดกิจกรรม ให้กับเด็กคือ กิจกรรมวาดภาพระบายสีตามจินตนาการ การเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับภาพโดยจะให้เด็กพูดเป็นประโยค

สรุปผลการวิจัยในชั้นเรียน ปี 2564

ชื่อเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนโดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์

และสื่อการอ่านของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3

ชื่อผู้วิจัย นางสาวมาธวี นุเสน

โรงเรียนบ้านปรือพวงสำราญ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จากการศึกษาข้อมูลพบว่านักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ส่วนใหญ่มีปัญหาด้านการอ่านและการเขียน เช่น การออกเสียงไม่ชัดเจน และตามรอยประไม่ค่อยตรงรอย ซึ่งการอ่านออกเสียงและเขียนดังกล่าวเป็นพื้นฐานสำคัญที่นักเรียนจะต้องเรียนรู้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งเสริมหรือจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้นักเรียนได้ฝึกฝนการอ่านและการเขียนอยู่เป็นประจำ

ดังนั้นการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่านจึงเป็นวิธีหนึ่งที่มีความสำคัญและดึงดูดความสนใจของเด็กให้กลับมาอยากที่จะอ่านและเขียนและยังเป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กรู้สึกสนุกสนาน รักการอ่านการเขียน เกิดทัศนคติที่ดีต่อการอ่านและการเขียนในวิชาต่างๆ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

1. เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน ของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่าน

2. เพื่อเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังการใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่าน

สมมุติฐานของการวิจัย

นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 จำนวน 12 คน ที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ และสื่อการอ่าน มีความสามารถในทักษะด้านการอ่านและการเขียนก่อนและหลังแตกต่างกัน

ขอบเขตของการวิจัย

ประชากร / นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย

นักเรียนชาย – หญิงชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านปรือพวงสำราญ ตำบลตาจง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 12 คน

กลุ่มตัวอย่าง

นักเรียนชาย – หญิง ชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านปรือพวงสำราญ ตำบลตาจง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ได้มาโดยการ คัดเลือกนักเรียนที่อ่านภาพจากงานศิลปะแล้วออกเสียงได้ไม่ถูกต้องและเขียนไม่ได้ เพื่อนำมาเป็นกลุ่มทดลอง จำนวน 12 คน

ระยะเวลาในการวิจัย

การวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการทดลอง 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 40 นาทีรวม 24 ครั้ง

เนื้อหาที่ใช้ในการทดลอง

เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยเป็นการวิจัยเป็นการอ่านคำจากภาพงานศิลปะ เช่น ภาพสัตว์ ภาพผลไม้ ภาพของใช้ การระบายสีภาพ การเขียนตามรอยประ คำจากภาพแล้วอ่านออกเสียง เช่น ภาพสุนัขก็จะเขียนตามรอยประคำว่าสุนัขและอ่านออกเสียง คำว่าสุนัขพร้อมระบายสีภาพสุนัขแล้วนำมาสร้างเป็นแบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียง การระบายสีภาพ การเขียนตามรอยประ

ตัวแปรที่ศึกษา

ตัวแปรต้น การใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่าน

ตัวแปรตาม การอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3

วิธีดำเนินการวิจัย

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบ้านปรือพวงสำราญ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 จำนวน 12 คน โดยผู้วิจัยเป็นผู้สอนด้วยตนเอง เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองคือ

1. กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์วาดภาพระบายสี

2. แบบทดสอบการอ่าน – การเขียน ก่อนและหลัง

3. แบบประเมินพฤติกรรมพัฒนาการ การอ่าน การเขียน ก่อนและหลังโดยนำไปทดลองใช้เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 40 นาที รวม 24 ครั้ง แล้วนำมาวิเคราะห์ หาค่าเฉลี่ย และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการอ่าน และเขียน ก่อนและหลังการทดลองของกลุ่มทดลอง

ตารางที่ 1 ผลการพัฒนาการ การอ่าน การเขียน

เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับคุณภาพ

ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง

1 เด็กชายณภัทร อุปนันท์ 

2 เด็กชายกฤษกร สายเครือดำ 

3 เด็กชายธนภัทร คำผานุรัตน์ 

4 เด็กชายบุญรอด หมูสีโทน 

5 เด็กชายเมธพนธ์ รุ่งพิรุณ 

6 เด็กชายวิทวัส สุภผล 

7 เด็กหญิงกิ่งแก้ว เครื่องคว้าดำ 

8 เด็กหญิงเจนจิรา ทิวสมบูรณ์ 

9 เด็กหญิงเมธาทิพย์ กระแสเทพ 

10 เด็กหญิงวริษา นาคทอง 

11 เด็กหญิงสุภัทตา ผาสุข 

12 เด็กชายกฤตนัย เบ็ญจคุ้ม 

- การสะท้อนผล

ควรมีการสอดแทรกคุณลักษณะที่พึงประสงค์ด้านต่างๆ เช่น ทักษะและนิสัยการทำงาน ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการทำงาน

- ข้อเสนอแนะ

การวิจัยครั้งต่อไป ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางภาษาที่มีความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของนักเรียน

ก่อนการพัฒนา

เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับคุณภาพ

ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง

1 เด็กชายณภัทร อุปนันท์ 

2 เด็กชายกฤษกร สายเครือดำ 

3 เด็กชายธนภัทร คำผานุรัตน์ 

4 เด็กชายบุญรอด หมูสีโทน 

5 เด็กชายเมธพนธ์ รุ่งพิรุณ 

6 เด็กชายวิทวัส สุภผล 

7 เด็กหญิงกิ่งแก้ว เครื่องคว้าดำ 

8 เด็กหญิงเจนจิรา ทิวสมบูรณ์ 

9 เด็กหญิงเมธาทิพย์ กระแสเทพ 

10 เด็กหญิงวริษา นาคทอง 

11 เด็กหญิงสุภัทตา ผาสุข 

12 เด็กชายกฤตนัย เบ็ญจคุ้ม 

หลังการพัฒนา

เลขที่ ชื่อ – สกุล ระดับคุณภาพ

ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง

1 เด็กชายณภัทร อุปนันท์ 

2 เด็กชายกฤษกร สายเครือดำ 

3 เด็กชายธนภัทร คำผานุรัตน์ 

4 เด็กชายบุญรอด หมูสีโทน 

5 เด็กชายเมธพนธ์ รุ่งพิรุณ 

6 เด็กชายวิทวัส สุภผล 

7 เด็กหญิงกิ่งแก้ว เครื่องคว้าดำ 

8 เด็กหญิงเจนจิรา ทิวสมบูรณ์ 

9 เด็กหญิงเมธาทิพย์ กระแสเทพ 

10 เด็กหญิงวริษา นาคทอง 

11 เด็กหญิงสุภัทตา ผาสุข 

12 เด็กชายกฤตนัย เบ็ญจคุ้ม 

สรุปผลการวิจัย

ผลการวิจัยพบว่าการใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์และสื่อการอ่านส่งผลให้นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 จำนวน 12 คนมีประสิทธิ์ภาพในด้านการอ่านออกเสียงที่ถูกต้องชัดเจน การเขียนก็สามารถบังคับกล้ามเนื้อมือในการเขียนให้ตรงตามเส้นที่กำหนดให้ได้มากขึ้น เพิ่มสูงขึ้นจากเดิม ก่อนเรียน มีค่าเฉลี่ย ดี ร้อยละ 75.00 และหลังเรียน มีค่าเฉลี่ย ดีมาก ร้อยละ 83.33 ถือว่าการเรียนการสอนจัดอยู่ในระดับคุณภาพที่เพิ่มขึ้น

โพสต์โดย มาธวี : [14 ก.พ. 2568 (13:18 น.)]
อ่าน [97503] ไอพี : 1.20.88.65
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 9,526 ครั้ง
เทคนิคดูแลเด็กให้สนุกกับการเรียน
เทคนิคดูแลเด็กให้สนุกกับการเรียน

เปิดอ่าน 27,926 ครั้ง
ยก "ครู" เป็นอาชีพทรงเกียรติ เด็กจึงจะเรียนเก่ง ตอน1
ยก "ครู" เป็นอาชีพทรงเกียรติ เด็กจึงจะเรียนเก่ง ตอน1

เปิดอ่าน 14,861 ครั้ง
วิธีแก้เคราะห์ สะเดาะกรรมให้ร่ำรวย
วิธีแก้เคราะห์ สะเดาะกรรมให้ร่ำรวย

เปิดอ่าน 8,614 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาให้ได้ผล ต้องตั้งต้นจากผลการประเมิน
ปฏิรูปการศึกษาให้ได้ผล ต้องตั้งต้นจากผลการประเมิน

เปิดอ่าน 13,471 ครั้ง
"โดนัท เซลฟี่" เทรนด์ใหม่มาแรง คืออะไร ไปดูกันครับ
"โดนัท เซลฟี่" เทรนด์ใหม่มาแรง คืออะไร ไปดูกันครับ

เปิดอ่าน 14,947 ครั้ง
นี่คือ 5 เหตุผล ทำไมผู้ใหญ่เล่นโซเชียล แล้วอันตรายกว่าวัยรุ่น
นี่คือ 5 เหตุผล ทำไมผู้ใหญ่เล่นโซเชียล แล้วอันตรายกว่าวัยรุ่น

เปิดอ่าน 30,341 ครั้ง
ความต่างของ วิวัฒนาการ vs พัฒนาการ ว่ามันต่างกันยังไง !!
ความต่างของ วิวัฒนาการ vs พัฒนาการ ว่ามันต่างกันยังไง !!

เปิดอ่าน 1,101 ครั้ง
การเรียนภาษาไทย พื้นฐานสำคัญการสื่อสาร และวัฒนธรรมไทย
การเรียนภาษาไทย พื้นฐานสำคัญการสื่อสาร และวัฒนธรรมไทย

เปิดอ่าน 21,001 ครั้ง
"ว่านธรณีสาร" คืออะไร มีประโยชน์ตามความเชื่ออย่างไร?
"ว่านธรณีสาร" คืออะไร มีประโยชน์ตามความเชื่ออย่างไร?

เปิดอ่าน 16,034 ครั้ง
ปรุง...ต้านมะเร็ง ด้วยเมนูโฮมเมด
ปรุง...ต้านมะเร็ง ด้วยเมนูโฮมเมด

เปิดอ่าน 2,830 ครั้ง
บริการเช่ารถหรู ที่จะช่วยเติมเต็มความฝันของคุณให้เป็นจริงในทันตา!
บริการเช่ารถหรู ที่จะช่วยเติมเต็มความฝันของคุณให้เป็นจริงในทันตา!

เปิดอ่าน 2,354 ครั้ง
CRM คืออะไร ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่คนทำธุรกิจต้องรู้จัก!
CRM คืออะไร ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่คนทำธุรกิจต้องรู้จัก!

เปิดอ่าน 53,594 ครั้ง
"แคนา แคทุ่ง แคอ่าว" มีดีอย่างไร ทำไมจึงนิยมปลูกในบ้านหรือปั๊มน้ำมันกันจังเลย
"แคนา แคทุ่ง แคอ่าว" มีดีอย่างไร ทำไมจึงนิยมปลูกในบ้านหรือปั๊มน้ำมันกันจังเลย

เปิดอ่าน 15,175 ครั้ง
ไม่อยากให้ตู้เย็นเหม็น ต้องทำอย่างไร
ไม่อยากให้ตู้เย็นเหม็น ต้องทำอย่างไร

เปิดอ่าน 12,612 ครั้ง
วิธีห่อของขวัญอย่างง่าย ต้อนรับ วันปีใหม่ 2558 ที่กำลังจะมาถึงนี้
วิธีห่อของขวัญอย่างง่าย ต้อนรับ วันปีใหม่ 2558 ที่กำลังจะมาถึงนี้

เปิดอ่าน 26,682 ครั้ง
อิทธิบาท 4
อิทธิบาท 4
เปิดอ่าน 31,156 ครั้ง
ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553
ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553
เปิดอ่าน 10,391 ครั้ง
ดื่มชาดำหรือเขียวประจำวันละ3ถ้วย ปัดเป่าอัมพาตไกลร้อยละ21
ดื่มชาดำหรือเขียวประจำวันละ3ถ้วย ปัดเป่าอัมพาตไกลร้อยละ21
เปิดอ่าน 15,124 ครั้ง
คนขับรถเมล์ เป็นลมขณะขับรถ ผู้โดยสารช่วยกันประคองรถวุ่น
คนขับรถเมล์ เป็นลมขณะขับรถ ผู้โดยสารช่วยกันประคองรถวุ่น
เปิดอ่าน 17,219 ครั้ง
ซักซ้อมความเข้าใจเรื่องอำนาจการอนุมัติสั่งซื้อสั่งจ้างตามระเบียบฯว่าด้วยการพัสดุ 2535 และที่แก้ไขฯ
ซักซ้อมความเข้าใจเรื่องอำนาจการอนุมัติสั่งซื้อสั่งจ้างตามระเบียบฯว่าด้วยการพัสดุ 2535 และที่แก้ไขฯ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ