ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ผู้วิจัย นางสาวกฤตยา ชาญเชี่ยว

ปีที่วิจัย 2567

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน

เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้วิธีดำเนินการวิจัยในลักษณะของการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) มี 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและตรวจสอบรูปแบบ ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบ และขั้นตอนที่ 4 การประเมินรูปแบบ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนบ้านตาแตรวทัพดัด อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบวิเคราะห์เอกสาร 2) ประเด็นการสนทนากลุ่ม 3) แบบสอบถามความคิดเห็น 4) คู่มือการใช้รูปแบบการเรียนการสอน 5) แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบที่พัฒนาขึ้น 6) แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ 7) แบบประเมินมาตรฐานของรูปแบบการจัดการเรียนการสอน และ 8) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t - test) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับนำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ พบว่า สภาพปัจจุบันในการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ มีระดับปฏิบัติในระดับปานกลาง (x̄= 3.47, S.D = 0.71) และครูมีความต้องการในการจัดการเรียนการสอน ในระดับมาก (x̄= 4.33, S.D = 0.64) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ครูต้องการให้มีการพัฒนาด้านกิจกรรมการเรียนการสอนในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านสื่อและแหล่งเรียนรู้ และด้านการวัดและประเมินผล ตามลำดับ

2. ผลการสร้างและตรวจสอบรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนการสอน มี 4 องค์ประกอบหลัก คือ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) ขั้นการเรียนการสอน และ 4) การวัดและประเมินผล ผลการตรวจสอบรูปแบบการจัด การเรียนการสอนโดยผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้ในระดับมาก และผลการหาประสิทธิภาพ พบว่า การจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนการสอน มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.85/80.11 ถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและ การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ พบว่า

3.1 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอน มีคะแนนทักษะการคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3.2 ผลการหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน มีประสิทธิภาพ เท่ากับ85.70/83.75 ถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด

4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ พบว่า

4.1 ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ตามมาตรฐานการประเมิน 4 ด้าน มีผลการประเมินในระดับมากที่สุด (x̄= 4.52, S.D = 0.54)

4.2 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด (x̄= 4.54, S.D = 0.50)

โพสต์โดย ลัก : [17 พ.ค. 2568 (10:11 น.)]
อ่าน [57633] ไอพี : 27.145.211.8
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,214 ครั้ง
ข้อคิดจากเศรษฐีในประเทศไทย
ข้อคิดจากเศรษฐีในประเทศไทย

เปิดอ่าน 12,100 ครั้ง
มันมากับ กาแฟ ไม่ใช่คาเฟอีน!!
มันมากับ กาแฟ ไม่ใช่คาเฟอีน!!

เปิดอ่าน 111,256 ครั้ง
จรรยาบรรณของวิชาชีพ 5 ด้าน 9 ข้อ ที่ครูและผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องจำขึ้นใจ
จรรยาบรรณของวิชาชีพ 5 ด้าน 9 ข้อ ที่ครูและผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องจำขึ้นใจ

เปิดอ่าน 13,694 ครั้ง
พ่อแม่ควรแอด เฟซบุ๊ก Facebook ลูกไหม
พ่อแม่ควรแอด เฟซบุ๊ก Facebook ลูกไหม

เปิดอ่าน 73,271 ครั้ง
ลูกชิดกับลูกจาก มาจากไหน
ลูกชิดกับลูกจาก มาจากไหน

เปิดอ่าน 35,481 ครั้ง
กินเจ-มังสวิรัติ ต่างกันอย่างไร
กินเจ-มังสวิรัติ ต่างกันอย่างไร

เปิดอ่าน 21,080 ครั้ง
ตู้เก็บของจำเป็นต้องมีสำหรับโรงเรียนบ้านนอกหรือไม่
ตู้เก็บของจำเป็นต้องมีสำหรับโรงเรียนบ้านนอกหรือไม่

เปิดอ่าน 18,943 ครั้ง
เปลือกไข่ช่วยให้ผ้าขาว
เปลือกไข่ช่วยให้ผ้าขาว

เปิดอ่าน 53,584 ครั้ง
10 อันดับของผลไม้ที่มี "วิตามินอี" สูง
10 อันดับของผลไม้ที่มี "วิตามินอี" สูง

เปิดอ่าน 23,857 ครั้ง
จำนวนเต็ม (Integer) คืออะไร
จำนวนเต็ม (Integer) คืออะไร

เปิดอ่าน 10,701 ครั้ง
ซูฮก! ครูมะกันพิการแขน ใช้เท้าต่างมือสอนนักเรียน
ซูฮก! ครูมะกันพิการแขน ใช้เท้าต่างมือสอนนักเรียน

เปิดอ่าน 65,525 ครั้ง
ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือบน E-Learning
ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือบน E-Learning

เปิดอ่าน 184,001 ครั้ง
วิธีทำ ส้มตำข้าวโพด เมนูสุขภาพ
วิธีทำ ส้มตำข้าวโพด เมนูสุขภาพ

เปิดอ่าน 14,458 ครั้ง
หลับไม่ลง-ตื่นยาก! นาฬิกานอนเคลื่อน
หลับไม่ลง-ตื่นยาก! นาฬิกานอนเคลื่อน

เปิดอ่าน 96,429 ครั้ง
การใช้ปุ๋ยไนโตรเจนอย่างพอเหมาะกับพืช
การใช้ปุ๋ยไนโตรเจนอย่างพอเหมาะกับพืช

เปิดอ่าน 9,197 ครั้ง
ชาวเน็ตแชร์คลิปเสียดสีสังคม ไทยเท ไทยฮุบ ไทยผีเข้า ไทยหัวสูง
ชาวเน็ตแชร์คลิปเสียดสีสังคม ไทยเท ไทยฮุบ ไทยผีเข้า ไทยหัวสูง
เปิดอ่าน 18,975 ครั้ง
ดาวหาง "โฮล์มส" ระเหิดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์แล้ว
ดาวหาง "โฮล์มส" ระเหิดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์แล้ว
เปิดอ่าน 15,319 ครั้ง
ตัวอย่างแนววินิจฉัยของ ก.พ.ค. 24 กรณี
ตัวอย่างแนววินิจฉัยของ ก.พ.ค. 24 กรณี
เปิดอ่าน 16,579 ครั้ง
สุดยอดจอดรถขั้นเทพ ทุบสถิติสไลด์เข้าที่จอดแคบที่สุด
สุดยอดจอดรถขั้นเทพ ทุบสถิติสไลด์เข้าที่จอดแคบที่สุด
เปิดอ่าน 27,125 ครั้ง
รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง
รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา 4.0 ที่มีประสิทธิผลต่อการเป็นองค์กรคุณภาพของสถานศึกษาเข้มแข็ง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ