การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษารูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพ ปัญหาและความต้องการในการพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) 2) เพื่อสร้างรูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ 1) ศึกษาสภาพ ปัญหาและความต้องการในการพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียน
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) โดยมีผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 คนและบุคลากรผู้เกี่ยวข้องในโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) จำนวน 40 คน 2) สร้างรูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยการวิเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน และตรวจสอบความตรงของรูปแบบ โดยการจัดประชาพิจารณ์ (Public Hearing) จากผู้เกี่ยวข้อง 3) ทดลองใช้รูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยการจัดประชุมสรุปผลการทดลองใช้รูปแบบและเก็บข้อมูลโดยการตอบแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง และ 4) ประเมินผลการใช้รูปแบบและความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) โดยใช้แบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 3 ฉบับ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารและครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน สถิติที่ใช้ในการ
วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาสภาพ ปัญหาและความต้องการในการพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) พบว่า สภาพปัญหาภายในโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) ได้มีการดำเนินงานในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยมีความตระหนักและมีความพยายามในการจัดทำแผนงาน โครงการ/กิจกรรม กำหนดบทบาทผู้รับผิดชอบการดำเนินงาน บริหารจัดการ ติดตาม ตรวจสอบ ปรับปรุงพัฒนา เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา แต่ยังขาดความครบถ้วนสมบูรณ์ในบางขั้นตอน บางกิจกรรมที่ต้องได้รับการพัฒนาและปรับปรุงวิธีการบริหารจัดการและการดำเนินงาน เพื่อให้ผลการดำเนินงานบรรลุตามเป้าหมาย นั่นคือ คุณภาพครู คุณภาพผู้เรียน อันเกิดจากการวางระบบการดำเนินงานในสถานศึกษาที่สอดคล้องกับสภาพและปัญหา รวมถึงความต้องการจำเป็นในการพัฒนา จึงควรมีการเสริมสร้างความตระหนักและความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน ให้ครอบคลุมบุคลากรทุกกลุ่มเป้าหมายและเน้นให้สามารถนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติจริงในสถานศึกษาจนกลายเป็นวัฒนธรรมคุณภาพ และจากการสนทนากลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ในด้านสภาพการบริหารของโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) สภาพการบริหารใช้การบริหารตามระบบราชการ แบ่งการบริหารงานเป็น 4 กลุ่มงานใหญ่ ตามรูปแบบการบริหารของโรงเรียนมัธยมศึกษา เนื่องจากเน้นการบริหารตามระบบราชการและสนองนโยบายขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย และผู้อำนวยการโรงเรียน ทำให้ขาดการมีส่วนร่วมในการบริหาร การทำงานเป็นการรับคำสั่งและปฏิบัติตามคำสั่ง ทำให้ขาดพลวัตรในการทำงาน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้ร่วมกำหนดเป้าหมาย และวิธีการในการดำเนินงาน ทำให้การจัดการศึกษาไม่สอดคล้องกับสภาพความต้องการของท้องถิ่นและนักเรียน ในด้านสภาพปัญหาของนักเรียนมีปัญหา คือ 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยเฉพาะคะแนนการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (ONET) 2) การใช้สื่อและเทคโนโลยีที่
ไม่เหมาะสมและไม่เกิดประโยชน์ 3) พฤติกรรมด้านชู้สาว 4) การติดเกม 5) ขาดความรับผิดชอบด้านการเรียน และ 6) การใช้เวลาว่างไม่เกิดประโยชน์
2. รูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) พบว่ารูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ทั้ง 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การเสริมสร้างภาวะผู้นำ 2) กระบวนการจัดการความรู้ 3) การสนับสนุนส่งเสริมความเข้มแข็งในการดำเนินงาน 4) แนวทางการดำเนินงานพัฒนาศักยภาพทางวิชาการ 5) เป้าหมายความสำเร็จ มีความตรงและความเหมาะสมระดับมาก
3. ผลการทดลองการใช้รูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) พบว่า องค์ประกอบที่ 1 การส่งเสริมภาวะผู้นำ พบว่า มีผลการดำเนินงาน ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก องค์ประกอบที่ 2 กระบวนการจัดการความรู้ พบว่า มีผลการดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด องค์ประกอบที่ 3 การสนับสนุนส่งเสริมความเข้มแข็งในการดำเนินงาน พบว่า มีผล
การดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด องค์ประกอบที่ 4 การดำเนินงานพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน พบว่ามีผลการดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด องค์ประกอบที่ 5 เป้าหมาย ความสำเร็จ ด้านทักษะการเรียนรู้ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานของนักเรียน พบว่า มีผลการดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านคุณภาพนักเรียนตามมาตรฐานสถานศึกษาและการทดสอบระดับชาติ พบว่า มีผลการดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านความพึง
พอใจที่มีต่อรูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน พบว่า มีผลการดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
4. ผลการใช้รูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม)
ปรากฎผลดังต่อไปนี้
4.1 ทักษะการเรียนรู้ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานของผู้เรียน เมื่อได้นำผลต่างทางด้านทักษะการเรียนรู้ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน รวมกันในปีที่มีการทดลองใช้รูปแบบกับปีที่มีการนำรูปแบบที่ปรับปรุงแล้วไปใช้งานจริงส่งผลให้ทักษะของนักเรียนตามประเด็นที่พิจารณาเพิ่มขึ้นอยู่ร้อยละ 6.21
4.2 คุณภาพของผู้เรียนตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนโดยเทียบกับเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนดในปีการศึกษา 2567 โรงเรียนกำหนดเป้าหมาย ร้อยละของนักเรียนต้องได้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเกรดเฉี่ย (GPA) ร้อยละ 65 เมื่อนำรูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) มาใช้ พบว่า โรงเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเกรดเฉลี่ย (GPA) สูงกว่าค่าเป้าหมายที่โรงเรียนกำหนดทั้งหมด 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และด้านผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียน มีผลการประเมินอยู่ในระดับยอดเยี่ยม ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนโดยเทียบกับเกณฑ์ ในปีการศึกษา 2566 เปรียบเทียบกับปีการศึกษา 2567 พบว่าทุกข้อมีผลการประเมินสูงกว่าค่าเป้าหมายของโรงเรียนกำหนดและมีค่าร้อยละของนักเรียนที่มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามเกณฑ์เพิ่มขึ้นทุกข้อ และในปีการศึกษา 2567 โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) มีผลการประเมิน ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนอยู่ในระดับยอดเยี่ยม และด้านผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (ONET) เมื่อนำผลการเปรียบเทียบค่าคะแนนเฉลี่ยกับค่าเป้าหมายของปีการศึกษา 2566 กับปีการศึกษา 2567 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยของปีการศึกษา 2567 เมื่อเทียบกับค่าเป้าหมายที่โรงเรียนกำหนดสูงกว่าของปีการศึกษา 2566 ทุกรายวิชาส่วนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่าจำนวน 3 รายวิชา คือ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์และวิชาภาษาต่างประเทศ
4.3 ประสิทธิผลการพัฒนาศักยภาพทางวิชาการ ด้านผู้เรียน ด้านครู และสถานศึกษามีผลงานและรางวัลที่ภาคภูมิใจ ได้แก่ รางวัลและผลงานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรมวิชาการ และเทคโนโลยีของนักเรียนระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ
4.4 ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน เจ้าหน้าที่โรงเรียนคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาของโรงเรียนตามรูปแบบการบริหารเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย ๑ (เหมืองแบ่งวิทยาคม) ในภาพรวม พบว่า ผู้เกี่ยวข้องมีความพึงพอใจต่อการจัดการศึกษาของโรงเรียนตามรูปแบบการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาอยู่ในระดับมากที่สุด รายการที่มีระดับความพึงพอใจสูงสุด ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้องเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินงานพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน โดยมีค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ ครูมีการดำเนินงานพัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน ในระดับชั้นเรียนตามขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนรายการที่มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจต่ำสุด ได้แก่
โรงเรียนมีการนำผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่ผ่านมา เพื่อเป็นฐานในการปรับปรุงและพัฒนาการทำงาน โดยมีค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก