ชื่อเรื่อง การพัฒนากลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหาร
เชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียนโรงเรียนสายบุรี แจ้งประชาคาร
ผู้วิจัย นฤษร อโนทัยสถาพร
รองผู้อำนวยการโรงเรียนสายบุรี แจ้งประชาคาร
ปีที่วิจัย 2565-2566
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้ เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและแนวทางในการพัฒนากลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียน 2) เพื่อสร้างกลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียน 3) เพื่อทดลองใช้กลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียน และ 4) เพื่อประเมินกลยุทธ์ การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครูผู้สอน จำนวน 28 คน ได้มาโดย การเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามสภาพปัจจุบันและปัญหาของการบริหาร 2) แบบสัมภาษณ์ 3) แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม 4) แบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ 5) คู่มือการใช้กลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียน 6) แบบประเมินผลการดำเนินงานตามกลยุทธ์ 7) แบบประเมินทักษะอาชีพ 8) แบบประเมินความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมและความถูกต้องและ 8) แบบประเมินความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูลวิเคราะห์โดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x̄) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและแนวทางในการพัฒนากลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียนโรงเรียนสายบุรี แจ้งประชาคาร พบว่า สภาพปัจจุบันของการบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภาพรวม มีการปฏิบัติในระดับปานกลาง (x̄ = 3.45, S.D.= 0.85) สภาพปัญหาในระดับมาก (x̄ = 4.40, S.D. = 0.61) และแนวทางการพัฒนากลยุทธ์การบริหารกิจกรรม คือ ด้านการวางแผน ผู้บริหารมีการเตรียมพร้อมด้านบุคลากร การจัดสรรงบประมาณให้ครอบคลุมการจัดกิจกรรม ด้านการลงมือปฏิบัติ สร้างความตระหนักให้ครูและนักเรียนเห็นความสำคัญของกิจกรรม สร้างความหลากหลายของกิจกรรมให้ครอบคลุมสอดคล้องกับชีวิตจริง และสามารถกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนได้ พัฒนาครูในด้านการบริหารเวลา เพื่อให้สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ กำกับติดตามการนำผลการปฏิบัติกิจกรรมมาปรับปรุงหรือพัฒนา สร้างเครือข่ายและประสานความร่วมมือกับผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรม
2. ผลการสร้างกลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิด การบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียนโรงเรียนสายบุรี แจ้งประชาคาร พบว่า
2.1 กลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหาร เชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียน ประกอบด้วย 1) หลักการ 2) กลยุทธ์การบริหารกิจกรรม มี 5 กลยุทธ์หลัก ดังนี้ 2.1) การสร้างความตระหนัก 2.2) การส่งเสริมและสนับสนุน การบริหารกิจกรรม เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ 2.3) การพัฒนาครูด้านกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นการคิด ตัดสินใจและแก้ปัญหา 2.4) การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และ 2.5) สร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพ 3) การดำเนินงานตามกลยุทธ์ มี 4 ขั้นตอน ภายใต้ชื่อ SGOM Model ดังนี้ ขั้นการสำรวจและเตรียมความพร้อม (Survey and Preparation : S) ขั้นการกำหนดเป้าหมาย (Goal setting : G) ขั้นการดำเนินการ (Operation : O) และขั้นการติดตามและประเมิน (Monitoring : M) และ 4) การประเมินผลกลยุทธ์
2.2 ผลการประเมินกลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียน โดยผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า มีความเหมาะสมมากที่สุดและมีความเป็นไปได้ ในระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้กลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิด การบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียนโรงเรียนสายบุรี แจ้งประชาคาร พบว่า
3.1 โรงเรียนมีระดับปฏิบัติงานในการนำกลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียน ภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.61, S.D.= 0.62) เมื่อพิจารณาแต่ละขั้นตอน พบว่า ขั้นการสรุปและรายงานผล (Act) มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ขั้นลงมือปฏิบัติ (Do) ขั้นการวางแผน (Plan) และขั้นการตรวจสอบและติดตามผล (Check) ตามลำดับ
3.2 ผลการประเมินทักษะอาชีพของนักเรียนโรงเรียนสายบุรี แจ้งประชาคาร พบว่า โดยรวมในระดับดีมาก (x̄ = 3.59, S.D.= 0.59) โดยทักษะที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ทักษะแสวงหาความรู้ รองลงมา คือ ทักษะการทำงานร่วมกัน ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการสื่อสาร และมนุษยสัมพันธ์ และทักษะการจัดการ ตามลำดับ
3.3 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพื้นฐานและเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ
ของนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับดีเยี่ยม (คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 82.84) ผลสัมฤทธิ์สูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 80
4. ผลการประเมินกลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิด การบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียนโรงเรียนสายบุรี แจ้งประชาคาร พบว่า
4.1 ผลการประเมินกลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียน โดยผู้ทรงคุณวุฒิและครูผู้สอน พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.55, S.D.= 0.62) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า กลยุทธ์ มีความเป็นไปได้ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ความเป็นประโยชน์ ความเหมาะสม และความถูกต้อง ตามลำดับ
4.2 ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและนักเรียนมีความพึงพอใจต่อ การดำเนินงานตามกลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหาร เชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียน ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.51, S.D.= 0.50)
4.3 ผลการประเมินผลลัพธ์ด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของนักเรียน พบว่า ภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.57, S.D.= 0.61)
4.4 ผลงานรางวัลที่นักเรียน ครูผู้สอน ผู้บริหารและโรงเรียนได้รับจากการดำเนินงานตามกลยุทธ์การบริหารกิจกรรมอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวคิดการบริหารเชิงระบบ เพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียน ตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป ในปีการศึกษา 2566-2567 ได้รับรางวัล จำนวน 13 รายการ เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดคือไม่น้อยกว่า 10 รายการ