การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษาเพื่อส่งเสริม ทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 แบ่งออกเป็น 5 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษาแนวทางการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 ในการวิจัยระยะนี้ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 128 คน และสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษาและหัวหน้าฝ่ายวิชาการ จำนวน 10 คน ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน ระยะที่ 3 ทดลองใช้รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 ในการวิจัยระยะนี้ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 574 คน ระยะที่ 4 การประเมินรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 ในการวิจัยระยะนี้ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 574 คน ระยะที่ 5 การขยายผลรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 ในการวิจัยระยะนี้ศึกษากลุ่มตัวอย่าง จำนวน 569 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษา แบบสอบถามแนวทางการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ แบบสัมภาษณ์แนวทางการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษา แบบบันทึก การสนทนากลุ่ม แบบประเมินรูปแบบ แบบประเมินคู่มือการใช้รูปแบบ แบบสอบถามทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ แบบสอบถามความพึงพอใจ และแบบสอบถามความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และความถูกต้องของรูปแบบ การวิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาความถี่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการศึกษาแนวการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 พบว่า สภาพปัจจุบัน อยู่ ่ในระดับปานกลาง สภาพที่พึงประสงค์ อยู่ในระดับมากที่สุด และลำดับความต้องการจำเป็นสูงสุดคือด้านการร่วมวางแผน (Co-Planning)
2. ผลการสร้างรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษาส่งเสริมทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 พบว่า มีองค์ประกอบที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการดำเนินงานตามวงจร 4C Model ปขั้นที่ 1 ร่วมวางแผน (Co-Planning) ขั้นที่ 2 ร่วมปฏิบัติ (Co-Implementation) ขั้นที่ 3 ร่วมรับผลประโยชน์ (Co-Benefits) ขั้นที่ 4 ร่วมประเมินผล (Co-Evaluation) และการประเมินผล ผลประเมินรูปแบบ โดยภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้การบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 พบว่า ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับมากที่สุดและทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด
4. ผลการประเมินรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษาเพื่อส่งเสริมทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 พบว่า ความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และความถูกต้องของรูปแบบอยู่ในระดับมากที่สุด และความพึงพอใจหลังการใช้รูปแบบ อยู่ในระดับมากที่สุด
5. ผลการขยายผลรูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายการศึกษส่งเสริมทักษะอาชีพของนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 พบว่า ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับมากที่สุด ทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการของนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด และและความพึงพอใจหลังการใช้รูปแบบ อยู่ในระดับมากที่สุด