ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1

การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารเพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบและปรับปรุงรูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods research) แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารเพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ขั้นตอน 1.1 การศึกษาข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง แหล่งข้อมูล ได้แก่ เอกสารรายงานผลการประเมินผลการพัฒนาความสามารถด้านการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 18 เล่ม ขั้นตอนที่ 1.2 การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการ ผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 70 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 รวม 70 คน ผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 รวม 70 คน จากสถานศึกษา 35 แห่ง โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ขั้นตอนที่ 1.3 การศึกษากระบวนการบริหารที่ดี (Best Practices) แหล่งผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นแบบและประสบความสำเร็จด้านการพัฒนาการอ่านและการเขียน จำนวน 3 เขตพื้นที่การศึกษา และ ขั้นตอนที่ 1.4 การศึกษากลยุทธ์ ผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 10 คน ครูผู้สอนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 10 คน จากสถานศึกษาที่มีผลการประเมินคุณภาพการอ่าน (RT : Reading Test) ปีการศึกษา 2566 สูงกว่าระดับประเทศ จำนวน 10 แห่ง และต่ำกว่าระดับประเทศ จำนวน 10 แห่ง และศึกษานิเทศก์ จำนวน 5 คน รวม 25 คน ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์ ผู้ให้ข้อมูล ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 11 คน ระยะที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์ ประชากร ได้แก่ สถานศึกษา จำนวน 117 แห่ง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ สถานศึกษาจำนวน 9 แห่ง โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ผู้ให้ข้อมูลจากสถานศึกษากลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาทุกคน จำนวน 9 คน ครูผู้สอนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทุกคน จำนวน 17 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทุกคน และผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 27 คน และระยะที่ 4 การประเมินรูปแบบและปรับปรุงรูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์ ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ บุคคคลจากสถานศึกษากลุ่มทดลองใช้รูปแบบ ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 9 คน ครูผู้สอนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 14 คน และผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 9 คน รวม 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ดังนี้ 1) แบบบันทึกและแบบวิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศ 2) แบบสัมภาษณ์สภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการเกี่ยวกับการบริหารเพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 4 ฉบับ 3) แบบสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) เกี่ยวกับกระบวนการบริหารที่ดี (Best Practices) 4) แบบบันทึกสัมภาษณ์แบบกลุ่ม (Group interview) เกี่ยวกับการกำหนด กลยุทธ์ 5) (ร่าง) รูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์ 6) (ร่าง) คู่มือการใช้รูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์ 7) แนวคำถามการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ (Connoisseurship) เพื่อประเมิน (ร่าง) รูปแบบและ (ร่าง) คู่มือการใช้รูปแบบ 8) แบบสัมภาษณ์ความพร้อมของสถานศึกษาก่อนทดลองใช้รูปแบบ 9) แบบทดสอบการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (RWT: Reading Writing Test) 10) แบบบันทึกผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน (RT: Reading Test) และความสามารถด้านการเขียนของผู้เรียน (WT: Writing Test) 11) แบบประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนำกลยุทธ์สู่การปฏิบัติของผู้บริหารสถานศึกษา 12) แบบประเมินความรู้ความเข้าใจการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ของครูผู้สอน 13) แบบนิเทศการใช้รูปแบบ การบริหารเชิงกลยุทธ์ 14) แบบประเมินการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา 15) แบบประเมินการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 16) แบบสอบถามความพึงพอใจ/ความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 3 ฉบับ และ 17) แบบสอบถามการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองนักเรียนและภาคีเครือข่าย และ 18) แบบประเมินคุณภาพของรูปแบบ ผลการตรวจสอบเครื่องมือ ทุกฉบับมีค่า IOC ระหว่าง 0.60 ถึง 1.00 ค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคของแบบนิเทศ แบบประเมินการบริหารและการจัดการเรียนการสอน แบบประเมินความพึงพอใจ แบบสอบถามการมีส่วนร่วม และแบบประเมินคุณภาพของรูปแบบ อยู่ระหว่าง 0.700 ถึง 0.983 แบบทดสอบการอ่านและการเขียน และแบบประเมินความรู้ของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน ทุกฉบับมีค่าความยากง่ายระหว่าง 0.21 ถึง 0.90 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.20 ถึง 0.69 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน-มาตรฐาน t-test และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

ผลการวิจัย พบว่า

1. ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารเพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 ดังนี้ 1) สภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการ ได้แก่ นักเรียนส่วนมากอ่านไม่ออก เขียนผิดพลาด กลุ่มชาติพันธุ์ การเลี้ยงดู ปัญหาร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และจิตใจ ติดโทรศัพท์ ไม่มีนิสัยรักกการอ่าน ขาดการเตรียมความพร้อมในระดับปฐมวัย ขาดแคลนครู ครูขาดความเชี่ยวชาญและเทคนิคในการสอนการอ่านและการเขียน ผู้บริหารสถานศึกษาขาดสมรรถนะการบริหารในสถานการณ์ที่ขาดแคลน ขาดความชัดเจนในการนำนโยบายและแนวทางการพัฒนาสู่การปฏิบัติที่เป็นระบบ ระบบ/โครงสร้างการบริหารจัดการไม่เหมาะสม งบประมาณไม่เพียงพอ การจัดสรรทรัพยากรจำกัด ขาดแคลนสื่อ/สื่อดิจิทัลและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่มีคุณภาพ สภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการเรียนรู้ หลักสูตรไม่ตอบสนองต่อความแตกต่างของผู้เรียน การนิเทศไม่เป็นระบบ ผู้ปกครองนักเรียนส่วนหนึ่งฐานะยากจน ไม่ได้ส่งเสริมการอ่านและการเขียนเท่าที่ควร ครอบครัวคนต่างด้าวไม่รู้ภาษาไทย ขาดกิจกรรมเชื่อมโยงระหว่างบ้าน โรงเรียนและชุมชน การระดมทรัพยากรยังมีน้อย ต้องการให้มีการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน มีนโยบายด้านการอ่านและการเขียนชัดเจน พัฒนาสื่อทันสมัย พัฒนาแหล่งเรียนรู้ พัฒนาการเรียนการสอนและกิจกรรมพัฒนาการอ่านและการเขียนพัฒนาการนิเทศอย่างเป็นระบบ จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและภาคีเครือข่าย 2) กระบวนการบริหารที่ดี (Best Practices) ของสำนักงานเขตพื้นที่ต้นแบบ พบว่า เขตพื้นที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน มีการสำรวจข้อมูลพื้นฐานของนักเรียน สนับสนุนสื่อ จัดกลุ่มโรงเรียนตามระดับการพัฒนา จัดตั้งทีมวิชาการเฉพาะด้าน และนิเทศ ติดตาม ให้คำปรึกษา ผู้บริหารสถานศึกษากำหนดนโยบายอ่านออกเขียนได้ภายในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ส่งเสริมการพัฒนาครูผู้สอน ครูจัดการเรียนรู้ตามความสามารถของนักเรียน สอนด้วยวิธีการหลากหลาย สร้างแรงจูงใจ นิเทศ ติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน และ 3) การศึกษากลยุทธ์เพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้ 4 กลยุทธ์ ดังนี้ (1) พัฒนาความสามารถด้านการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (2) พัฒนาสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนในการพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (3) พัฒนาระบบบริหารจัดการเพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ (4) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองนักเรียนและภาคีเครือข่ายเพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

2. การพัฒนารูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พบว่า รูปแบบดังกล่าว ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) ระบบและกลไกลของรูปแบบ 4) กระบวนการดำเนินงานของรูปแบบ 4 ขั้นตอน ได้แก่ (1) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม (2) การกำหนดกลยุทธ์ (3) การนำกลยุทธ์สู่การปฏิบัติ และ (4)การควบคุมกลยุทธ์ และ 5) เงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้

3. การทดลองใช้รูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 1 พบว่า 1) สถานศึกษาก่อนทดลองใช้รูปแบบมีความพร้อมระดับปานกลาง 2) การนำกลยุทธ์สู่การปฏิบัติของสถานศึกษา มีผลการดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ดังนี้ (1) การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านและการเขียนได้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อยู่ในระดับเพิ่มขึ้น (2) การพัฒนาสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนใการพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 อยู่ในระดับเพิ่มขึ้น (3) ความพึงพอใจต่อระบบบริหารจัดการเพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ของผู้เกี่ยวข้องอยู่ในระดับมากขึ้นไป และ (4) ผู้ปกครองนักเรียนและภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เพิ่มขึ้น และ 3) การนิเทศ กำกับ และติดตามของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 พบว่า สถานศึกษากลุ่มทดลองสามารถดำเนินการตามกระบวนการบริหารเชิงกลยุทธ์ได้ในระดับมากขึ้นไป

3. ผลการประเมินรูปแบบและปรับปรุงรูปแบบ พบว่า (ร่าง) รูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 มาตรฐานโดยรวม รายด้าน ประกอบด้วย ด้านความแหมาะสม ด้านความเป็นไปได้ ด้านความเป็นประโยชน์ และด้านความถูกต้อง และรายข้อ อยู่ในระดับมากที่สุดทุกรายการ ได้นำข้อแสนอแนะและความคิดเห็นไปปรับปรุงได้รูปแบบที่สมบูรณ์ และขยายผลต่อสถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดรวมทั้งผู้สนใจต่อไป

โพสต์โดย Kanyamas : [9 ก.ค. 2568 (21:47 น.)]
อ่าน [57460] ไอพี : 182.52.237.190
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 14,720 ครั้ง
9 สถานที่ท่องเที่ยว สุดประทับใจ คุณไปมารึยัง?
9 สถานที่ท่องเที่ยว สุดประทับใจ คุณไปมารึยัง?

เปิดอ่าน 18,355 ครั้ง
ใช้ข้อสอบเดียวกันตัดสินเด็กทั้งประเทศ ยุติธรรมแล้วหรือ!
ใช้ข้อสอบเดียวกันตัดสินเด็กทั้งประเทศ ยุติธรรมแล้วหรือ!

เปิดอ่าน 7,935 ครั้ง
เช็คด่วน! 13 แอปฯ อันตราย "ดูดเงิน-สอดแนม" มีอะไรบ้าง ลบทิ้งทันที
เช็คด่วน! 13 แอปฯ อันตราย "ดูดเงิน-สอดแนม" มีอะไรบ้าง ลบทิ้งทันที

เปิดอ่าน 14,558 ครั้ง
ชมคลิป ตำรวจไทยโชว์เต้นบีบอย งานกีฬากองทัพไทย
ชมคลิป ตำรวจไทยโชว์เต้นบีบอย งานกีฬากองทัพไทย

เปิดอ่าน 11,106 ครั้ง
ขนาดเด็กน้อยยังต้องฟัง กังนัม สไตล์ กินข้าว
ขนาดเด็กน้อยยังต้องฟัง กังนัม สไตล์ กินข้าว

เปิดอ่าน 5,612 ครั้ง
10 เรื่องที่ประชาชนต้องรู้เกี่ยวกับ PDPA
10 เรื่องที่ประชาชนต้องรู้เกี่ยวกับ PDPA

เปิดอ่าน 27,546 ครั้ง
วิธีลดต้นขา แบบญี่ปุ่น ง่ายๆ ไม่เสียตังค์
วิธีลดต้นขา แบบญี่ปุ่น ง่ายๆ ไม่เสียตังค์

เปิดอ่าน 6,142 ครั้ง
เผยเด็กไทยเจนวายหวังรวยทางลัด หันเล่นหุ้นเหมือนเด็กจีน
เผยเด็กไทยเจนวายหวังรวยทางลัด หันเล่นหุ้นเหมือนเด็กจีน

เปิดอ่าน 30,468 ครั้ง
ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ?
ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ?

เปิดอ่าน 13,313 ครั้ง
รู้ทันแก๊งบัตรเครดิต ขโมยง่ายกว่า ATM
รู้ทันแก๊งบัตรเครดิต ขโมยง่ายกว่า ATM

เปิดอ่าน 27,805 ครั้ง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาวิทยาศาสตร์ไทย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาวิทยาศาสตร์ไทย

เปิดอ่าน 27,315 ครั้ง
ลายมือคนที่บั้นปลายของชีวิตมีเงินทอง มีหลักฐานมั่นคง
ลายมือคนที่บั้นปลายของชีวิตมีเงินทอง มีหลักฐานมั่นคง

เปิดอ่าน 20,297 ครั้ง
10 คำพูดดีๆที่ลูกอยากได้ยินจากพ่อแม่
10 คำพูดดีๆที่ลูกอยากได้ยินจากพ่อแม่

เปิดอ่าน 28,560 ครั้ง
แมงมุม
แมงมุม

เปิดอ่าน 15,508 ครั้ง
วิธีทำให้ความจำดีขึ้น
วิธีทำให้ความจำดีขึ้น

เปิดอ่าน 11,931 ครั้ง
โซเชียลทำพิษ... 5 โรคฮิตของคนติดจอ
โซเชียลทำพิษ... 5 โรคฮิตของคนติดจอ
เปิดอ่าน 21,345 ครั้ง
หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense
หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense
เปิดอ่าน 6,259 ครั้ง
พระรัตนตรัย
พระรัตนตรัย
เปิดอ่าน 47,910 ครั้ง
ทำไมหยดน้ำจึงกลิ้งบนใบบัวได้
ทำไมหยดน้ำจึงกลิ้งบนใบบัวได้
เปิดอ่าน 13,631 ครั้ง
ภาพรวมวันหยุดราชการประจำปี และ การกำหนดให้วันที่ 4 พฤษภาคม เป็นวันฉัตรมงคล
ภาพรวมวันหยุดราชการประจำปี และ การกำหนดให้วันที่ 4 พฤษภาคม เป็นวันฉัตรมงคล

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ