ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

REACH Model ถึงบ้าน ถึงใจ ถึงห้องเรียน รายงานการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศ (Best Practice) โรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา

 

รายงานการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศ (Best Practice)

รางวัลเพชร สพม.ปราจีนบุรี นครนายก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปราจีนบุรี นครนายก

กลุ่มสถานศึกษา นโยบายพาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง

1. บทคัดย่อ

“REACH Project: พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง” เป็นแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ของโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา ที่มุ่งตอบสนองต่อนโยบาย “Thailand Zero Dropout – เด็กทุกคนต้องได้เรียน” ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนที่มีภาวะเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาจำนวน 78 คน ผ่านกระบวนการ 5 ขั้นตอนในรูปแบบ REACH Model ได้แก่ Reconnect (สร้างความสัมพันธ์ใหม่กับนักเรียนและครอบครัว) – Engage (สำรวจความสมัครใจในการกลับมาเรียน) – Adjust Learning (ปรับหน่วยการเรียนรู้ให้เหมาะสม) – Connect (นำการเรียนไปหานักเรียน) – Heal (ฟื้นฟูความมั่นใจผ่านกิจกรรมจิตอาสา) ดำเนินงานตามหลัก PDCA เพื่อความเป็นระบบและยั่งยืน ผลการดำเนินงานสามารถนำนักเรียนกลับเข้าสู่ระบบได้ 22 คน คิดเป็นร้อยละ 28.2 ในจำนวนนี้ กลับเข้ามาเรียนโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา 8 คน โดยนักเรียนทุกคนที่กลับมาเรียนที่โรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยาสามารถผ่านเกณฑ์การประเมินตามตัวชี้วัดที่เคยไม่ผ่านได้ครบถ้วน พร้อมทั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกด้านทัศนคติและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทั้งยังเสริมสร้างศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้เฉพาะราย และสร้างความร่วมมือกับครอบครัวและชุมชนอย่างเข้มแข็ง โครงการนี้จึงเป็นต้นแบบแนวทางการจัดการศึกษาทางเลือกที่สามารถนำไปขยายผลในระดับสถานศึกษาอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

2. ชื่อเรื่องวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)

REACH Model ถึงบ้าน ถึงใจ ถึงห้องเรียน

3. ความเป็นมาและความสำคัญของผลงาน

จากนโยบายล่าสุดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ภายใต้โครงการ “Thailand Zero Dropout – เด็กทุกคนต้องได้เรียน” ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการลดจำนวนเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ด้วยแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียนแต่ละคน และเน้นการเข้าถึงนักเรียนเชิงรุก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น เด็กที่ขาดเรียนต่อเนื่อง มีผลการเรียนติด 0 ร มส หรือประสบปัญหาส่วนตัวและครอบครัว จนไม่สามารถศึกษาในระบบปกติได้อย่างต่อเนื่อง

โรงเรียนในฐานะหน่วยจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการออกแบบแนวทางการช่วยเหลือนักเรียนรายบุคคล เพื่อ ไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และเพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับนักเรียนทุกคน จากบริบทของโรงเรียน พบว่า นักเรียนบางส่วนประสบปัญหาการเรียนจนไม่สามารถผ่านตัวชี้วัด ส่งผลให้ติด 0 ร มส ซ้ำชั้น ขาดความมั่นใจ และในที่สุดหลุดออกจากระบบการศึกษาอย่างไม่ตั้งใจ จำนวนถึง 78 คน โรงเรียนจึงได้ออกแบบแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในชื่อ “REACH Project” ซึ่งย่อมาจาก Reconnect – Engage – Adjust Learning – Connect – Heal เป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงนโยบายของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กับการดำเนินงานของสถานศึกษาอย่างมีระบบ และมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะตอบสนองต่อความหลากหลายของผู้เรียน กระบวนการในโครงการนี้เริ่มจากการ “เยี่ยมบ้าน” เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และรับฟังปัญหาอย่างเข้าใจ (Reconnect) ตามด้วยการสำรวจความสมัครใจของนักเรียนในการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา (Engage) จากนั้นครูจะทำการวิเคราะห์ตัวชี้วัดที่นักเรียนไม่ผ่าน และออกแบบหน่วยการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับรายบุคคล (Adjust Learning) โดยใช้ช่องทางการสื่อสารทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในการส่งมอบใบงานและติดตามผลการเรียนรู้ (Connect) สุดท้ายคือการฟื้นฟูคุณค่าตนเองและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน ผ่านกิจกรรมจิตอาสาในโรงเรียน (Heal)

REACH Project จึงเป็นมากกว่าแค่การ “พาน้องกลับมาเรียน” แต่เป็นการวางระบบการฟื้นฟูโอกาสทางการศึกษาในระดับปฏิบัติการ ที่มีรากฐานอยู่บนแนวนโยบายเชิงคุณภาพของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมีการดำเนินงานที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียน ชุมชน และบริบทของโรงเรียนได้อย่างแท้จริง

4. วัตถุประสงค์และเป้าหมายของผลงาน

4.1 เพื่อพัฒนาระบบการช่วยเหลือนักเรียนที่มีผลการเรียนติด 0 ร มส หรือมีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา ให้สามารถกลับเข้าสู่ระบบได้อย่างมีคุณภาพ

4.2 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนสามารถฟื้นฟูสมรรถนะทางวิชาการและทักษะชีวิต ผ่านกิจกรรมจิตอาสาและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

4.3 เพื่อสร้างรูปแบบการดำเนินงานที่เชื่อมโยงกับนโยบาย "Thailand Zero Dropout" ของ สพฐ. และสามารถขยายผลเป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ในระดับสถานศึกษาได้อย่างยั่งยืน

5. กระบวนการพัฒนาผลงานหรือขั้นตอนการดำเนินงาน

โครงการ "REACH Project: พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง" ได้รับการออกแบบและดำเนินงานโดยยึดแนวทางการบริหารงานคุณภาพตามวงจร PDCA (Plan – Do – Check – Act) เพื่อให้การแก้ไขปัญหานักเรียนหลุดจากระบบการศึกษามีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบาย Zero Dropout ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และบริบทของโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา ดังนี้

P – Plan (การวางแผน)

1. วิเคราะห์สภาพปัญหา

1.1 นักเรียนจำนวน 78 คน มีภาวะหลุดออกจากระบบการศึกษาเนื่องจากติด 0 ร มส ซ้ำชั้น ขาดเรียน และขาดแรงจูงใจในการเรียน

2. ตั้งเป้าหมาย

2.1 พานักเรียนกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างน้อย 20% โดยให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์

3. ตั้งคณะทำงานและจัดระบบสนับสนุน

3.1 แต่งตั้งทีม REACH Team ประกอบด้วยผู้บริหาร ครูแนะแนว ครูประจำวิชา ครูที่ปรึกษา และครูจิตอาสา

4. ออกแบบกระบวนการ REACH 5 ขั้นตอน

REACH Model ถึงบ้าน ถึงใจ ถึงห้องเรียน

R – Reconnect สร้างความสัมพันธ์ใหม่กับนักเรียนและครอบครัว

E – Engage สำรวจความสมัครใจในการกลับมาเรียน

A – Adjust Learning ปรับหน่วยการเรียนรู้ให้เหมาะสม

C – Connect นำการเรียนไปหานักเรียน

H – Heal ฟื้นฟูความมั่นใจผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

D – Do (การดำเนินการตามแผน)

1. ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านนักเรียน 78 คน และได้ความสมัครใจกลับเข้าสู่ระบบ 22 คน

2. ประเมินปัญหาและความพร้อมนักเรียนรายบุคคล

3. ออกแบบหน่วยการเรียนรู้และใบงานที่ตรงกับตัวชี้วัดที่นักเรียนไม่ผ่าน

4. ประชุมผู้ปกครองนักเรียนที่ประสงค์กลับเข้ามาเรียนโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา ชี้แจงแนวทางการเรียนรู้ผ่านบันทึกกิจกรรม ประสานการติดต่อและเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์

5. จัดกิจกรรมจิตอาสาในโรงเรียน เพื่อทดแทนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

6. นักเรียนกลับเข้ามาศึกษาต่อที่โรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา

C – Check (การตรวจสอบ/ประเมินผล)

1. ติดตามและประเมินผลรายบุคคลผ่านการตรวจใบงานและสัมภาษณ์นักเรียน/ผู้ปกครอง

2. วัดผลสำเร็จของโครงการ

2.1 นักเรียน 22 คนกลับเข้าสู่ระบบ คิดเป็น 28.2%

2.2 นักเรียน 8 คนกลับมาเรียนในโรงเรียนตนเอง

2.3 นักเรียนที่ส่งใบงานครบ ได้ผลการประเมินผ่านเกณฑ์ 100%

3. ประชุมทีม REACH Team เพื่อวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดควรปรับปรุง

A – Act (การปรับปรุงพัฒนา)

1. สังเคราะห์แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) เพื่อนำเสนอและขยายผล

2. พัฒนาแบบฟอร์มและแนวทางสำหรับครูในการฟื้นฟูผลการเรียนแบบยืดหยุ่น

3. ประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อสร้างความร่วมมือกับชุมชนและผู้ปกครองมากยิ่งขึ้น

4. เตรียมปรับปรุงแผน REACH ให้เหมาะสมกับปีถัดไป เช่น เพิ่มช่องทางเรียนรู้ผ่านคลิป

 

6. ผลการดำเนินงาน/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชน์ที่ได้รับ

6.1. ผลสัมฤทธิ์เชิงปริมาณ

6.1.1 จากนักเรียนกลุ่มเป้าหมายจำนวน 78 คน ที่มีภาวะเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา โรงเรียนสามารถนำกลับเข้าสู่ระบบได้จำนวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 28.2% ของกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด

6.1.2 ในจำนวนนี้ มีนักเรียนจำนวน 8 คน ที่กลับเข้ามาศึกษาต่อในโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นที่น่าพอใจ

6.1.3 นักเรียนทุกคนในกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับใบงานเฉพาะราย ส่งผลงานการเรียนครบ และสามารถผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัดที่เคยติด 0 ร มส. ได้ครบ 100%

6.2 ผลสัมฤทธิ์เชิงคุณภาพ

6.2.1 นักเรียนที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา มีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อการเรียน มีความภาคภูมิใจและความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น ผ่านกิจกรรมจิตอาสาที่ช่วยฟื้นฟูคุณลักษณะอันพึงประสงค์

6.2.1 ครูผู้สอนสามารถออกแบบใบงานและจัดการเรียนรู้แบบยืดหยุ่นที่เหมาะกับนักเรียนรายบุคคลได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงเฉพาะรายของครู

6.2.2 เกิดระบบความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น ในการติดตาม ช่วยเหลือ และสนับสนุนนักเรียนที่มีความเสี่ยง

6.3 ประโยชน์ที่ได้รับ

6.3.1 โรงเรียนมีต้นแบบแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับนักเรียนในปีการศึกษาต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

6.3.2 นักเรียนกลุ่มเปราะบางได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน

6.3.3 และนโยบาย “เด็กทุกคนต้องได้เรียน” ของสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน

6.3.4 ช่วยลดอัตราการหลุดจากระบบการศึกษา (Dropout Rate) และลดปัญหาการซ้ำชั้นอย่างมีนัยสำคัญ

6.3.5 ชุมชนมีความเข้าใจและเห็นความสำคัญของการศึกษามากยิ่งขึ้น เกิดความภาคภูมิใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมของโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรม

 

จำนวนนักเรียนที่ติดตาม "OZD - พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง" (OBEC Zero Dropout)

จำนวน 78 คน พบตัว 78 คน กลับเข้าสู่ระบบ 21 คน

สรุปรายละเอียดนักเรียนที่กลับเข้าสู่ระบบ 21 คน

1. เรียนต่อโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา 8 คน

2. เรียนต่อโรงเรียนบ้านเขาไม้ไผ่ 1 คน

3. เรียนต่อโรงเรียนช่างฝีมือทหาร 1 คน

4. เรียนต่อโรงเรียนมาลาสวรรค์พิทยา 1 คน

5. เรียนต่อสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (เขาเพิ่ม) 4 คน

6. เรียนต่อสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ชะอม) 2 คน

7. เรียนต่อสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ศรีกะอาง) 3 คน

8. เรียนต่อสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สงชลา) 1 คน

7. ปัจจัยความสำเร็จ

7.1 การบริหารจัดการของผู้บริหารสถานศึกษา

7.2 การทำงานเป็นทีมของครูในโรงเรียน

7.3 ความร่วมมือจากผู้ปกครองและครอบครัว

7.4 การสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก

7.5 การมีระบบติดตามและประเมินผลที่เป็นระบบ

7.6 การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการกลับมาเรียน

8. บทเรียนที่ได้รับ (Lesson Learned)

การดำเนินโครงการ REACH Project: พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง ทำให้โรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยาได้เรียนรู้ถึงแนวทางการจัดการศึกษาทางเลือกและการดูแลช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มเปราะบางอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการวางแผนเชิงนโยบาย การปฏิบัติงานเชิงระบบ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน บทเรียนสำคัญที่ได้รับจากการดำเนินงานมีดังนี้

8.1 ข้อสรุปจากการดำเนินงาน

8.1.1 การเยี่ยมบ้านและพูดคุยแบบเข้าใจ เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการเชื่อมโยงนักเรียนกลับสู่ระบบการศึกษา เพราะสร้างความไว้ใจ และช่วยให้โรงเรียนเข้าใจสภาพจริงของนักเรียน

8.1.2 ใบงานเฉพาะรายที่ออกแบบโดยครูผู้สอน มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูผลการเรียน และควบคุมคุณภาพการประเมินผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นธรรม

8.1.3 กิจกรรมจิตอาสาช่วยฟื้นฟูคุณค่าทางจิตใจของนักเรียน ทำให้ไม่รู้สึกด้อยหรือถูกตีตราจากการเคยหลุดจากระบบมาก่อน

8.2 ข้อสังเกต

8.2.1 นักเรียนที่กลับมาเรียนส่วนใหญ่มักมีความตั้งใจและต้องการโอกาส แต่ยังขาดระบบสนับสนุนในครอบครัว เช่น เวลาเรียน สื่อการเรียนรู้ หรือคนดูแล

8.2.2 ความต่อเนื่องในการติดตามผลหลังกลับเข้าสู่ระบบ ถือเป็นจุดที่ต้องวางระบบเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เกิด “กลับมาแล้วหลุดซ้ำ”

8.2.3 ครูบางคนยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบใบงานแบบรายบุคคล จำเป็นต้องมีเวทีแลกเปลี่ยนหรืออบรมเพิ่มเติม

8.3 ข้อเสนอแนะ

8.3.1 ควรพัฒนาระบบ แผนการเรียนรายบุคคล (ILP: Individual Learning Plan) ที่เชื่อมโยงกับระบบคะแนน ตัวชี้วัด และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนอย่างครบวงจร

8.3.2 ควรมีช่องทางการเรียนรู้ที่หลากหลายมากขึ้น เช่น คลิปสอนสั้น ช่อง YouTube ของโรงเรียน หรือ Podcast สำหรับนักเรียนที่เรียนผ่านมือถือ

8.3.3 ควรสร้างระบบ “เพื่อนช่วยเพื่อน” หรือ พี่ติวน้อง สำหรับนักเรียนที่กลับมาเรียน เพื่อสร้างกำลังใจและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

8.3 ข้อควรระวัง

8.3.1 ต้องระมัดระวังไม่สร้างความกดดันให้นักเรียนกลับเข้าสู่ระบบ หากยังไม่มีความพร้อม เพราะอาจทำให้เกิดการต่อต้านหรือผลกระทบทางจิตใจ

8.3.2 หลีกเลี่ยงการสื่อสารเชิงตำหนิ เช่น คำว่า “เด็กหลุด” หรือ “ซ้ำชั้น” ซึ่งอาจลดคุณค่าในตนเองของนักเรียน

8.3.3 ต้องระวังไม่ให้ครูแบกรับภาระมากเกินไป โดยไม่มีระบบสนับสนุน เช่น เวลาลดภาระงานประจำ หรือแบ่งงานออกแบบใบงานอย่างเท่าเทียม

9. บรรณานุกรม

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2566). แนวทางการดำเนินงานตามนโยบาย Thailand Zero Dropout: เด็กทุกคนต้องได้เรียน. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.

โรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา. (2567). รายงานแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice): โครงการ REACH Project – พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง. นครนายก: โรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2566). แนวทางการดำเนินงาน Thailand Zero Dropout – เด็กทุกคนต้องได้เรียน. กรุงเทพฯ: สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2566). คู่มือการดำเนินงานโครงการพาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง (OBEC Zero Dropout). กรุงเทพฯ: สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สพฐ.

โพสต์โดย ครูแพรว : [14 ก.ค. 2568 (14:59 น.)]
อ่าน [58633] ไอพี : 203.172.241.30
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 22,112 ครั้ง
ไผ่บงหวาน..บ้านนาทุ่ม สร้างรายได้เดือนละแสน
ไผ่บงหวาน..บ้านนาทุ่ม สร้างรายได้เดือนละแสน

เปิดอ่าน 11,370 ครั้ง
วิธีรักษามะเร็ง แบบธรรมชาติ
วิธีรักษามะเร็ง แบบธรรมชาติ

เปิดอ่าน 195,597 ครั้ง
20 บุคคลสำคัญของไทยที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก
20 บุคคลสำคัญของไทยที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก

เปิดอ่าน 12,960 ครั้ง
จากหัวใจดวงน้อยๆ ที่อยากบอกรักพ่อหลวง ผ่านบทเพลง "เล่าสู่หลานฟัง"
จากหัวใจดวงน้อยๆ ที่อยากบอกรักพ่อหลวง ผ่านบทเพลง "เล่าสู่หลานฟัง"

เปิดอ่าน 10,334 ครั้ง
ความพร้อมด้านไอซีทีของประเทศไทย แค่อันดับสามของอาเซียน
ความพร้อมด้านไอซีทีของประเทศไทย แค่อันดับสามของอาเซียน

เปิดอ่าน 17,086 ครั้ง
เกร็ดควรรู้สำหรับผู้ที่จะสมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วย
เกร็ดควรรู้สำหรับผู้ที่จะสมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วย

เปิดอ่าน 16,017 ครั้ง
วิธีการชมฝนดาวตกเจมินิดส์
วิธีการชมฝนดาวตกเจมินิดส์

เปิดอ่าน 17,908 ครั้ง
น้ำเปล่า ช่วยให้คุณสวยได้ยังไง
น้ำเปล่า ช่วยให้คุณสวยได้ยังไง

เปิดอ่าน 25,538 ครั้ง
ก้อนอะไรกลมๆ บนดาวอังคาร?
ก้อนอะไรกลมๆ บนดาวอังคาร?

เปิดอ่าน 21,498 ครั้ง
แค่กินน้อย ๆ แต่ไม่ออกกำลัง แล้วน้ำหนักจะลดได้ไหมนะ?
แค่กินน้อย ๆ แต่ไม่ออกกำลัง แล้วน้ำหนักจะลดได้ไหมนะ?

เปิดอ่าน 24,888 ครั้ง
"แกรนด์ แคนยอน" ฟ้าผ่าปีละหลายหมื่นครั้ง! อยู่ที่แจ้ง รู้เอาตัวรอด
"แกรนด์ แคนยอน" ฟ้าผ่าปีละหลายหมื่นครั้ง! อยู่ที่แจ้ง รู้เอาตัวรอด

เปิดอ่าน 13,344 ครั้ง
ขอบพระคุณคอลัมน์ "คลิกเฮียร์" หนังสือพิมพ์"เดลินิวส์"
ขอบพระคุณคอลัมน์ "คลิกเฮียร์" หนังสือพิมพ์"เดลินิวส์"

เปิดอ่าน 19,271 ครั้ง
สุดทึ่ง นักโบราณคดีอึ้ง รูปปั้นนักรบเฝ้าสุสานจีน 7 พันตัว ถูกปั้น"ตามใบหน้าจริงแต่ละคน
สุดทึ่ง นักโบราณคดีอึ้ง รูปปั้นนักรบเฝ้าสุสานจีน 7 พันตัว ถูกปั้น"ตามใบหน้าจริงแต่ละคน

เปิดอ่าน 16,626 ครั้ง
เคล็ดลับเด็ด "ลดหน้าท้อง"
เคล็ดลับเด็ด "ลดหน้าท้อง"

เปิดอ่าน 36,391 ครั้ง
กลยุทธ์ในการเรียนภาษาให้ดี
กลยุทธ์ในการเรียนภาษาให้ดี

เปิดอ่าน 7,020 ครั้ง
10 อันดับเทรนด์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมการเกษตร ปี 2022
10 อันดับเทรนด์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมการเกษตร ปี 2022
เปิดอ่าน 7,669 ครั้ง
พระเจ้าแผ่นดิน
พระเจ้าแผ่นดิน
เปิดอ่าน 13,671 ครั้ง
อ้วนลงพุงกินอย่างไรให้เหมาะสม
อ้วนลงพุงกินอย่างไรให้เหมาะสม
เปิดอ่าน 22,253 ครั้ง
เทคนิคปลดหนี้ที่ควรรู้ หมดหนี้สินไว ๆ ต้องทำตามนี้
เทคนิคปลดหนี้ที่ควรรู้ หมดหนี้สินไว ๆ ต้องทำตามนี้
เปิดอ่าน 96,458 ครั้ง
"สมุยหอม หรือ หมุย" พืชสารพัดประโยชน์
"สมุยหอม หรือ หมุย" พืชสารพัดประโยชน์

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ