รายงานการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศ (Best Practice)
รางวัลเพชร สพม.ปราจีนบุรี นครนายก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปราจีนบุรี นครนายก
กลุ่มสถานศึกษา นโยบายพาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง
1. บทคัดย่อ
REACH Project: พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง เป็นแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ของโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา ที่มุ่งตอบสนองต่อนโยบาย Thailand Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนที่มีภาวะเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาจำนวน 78 คน ผ่านกระบวนการ 5 ขั้นตอนในรูปแบบ REACH Model ได้แก่ Reconnect (สร้างความสัมพันธ์ใหม่กับนักเรียนและครอบครัว) Engage (สำรวจความสมัครใจในการกลับมาเรียน) Adjust Learning (ปรับหน่วยการเรียนรู้ให้เหมาะสม) Connect (นำการเรียนไปหานักเรียน) Heal (ฟื้นฟูความมั่นใจผ่านกิจกรรมจิตอาสา) ดำเนินงานตามหลัก PDCA เพื่อความเป็นระบบและยั่งยืน ผลการดำเนินงานสามารถนำนักเรียนกลับเข้าสู่ระบบได้ 22 คน คิดเป็นร้อยละ 28.2 ในจำนวนนี้ กลับเข้ามาเรียนโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา 8 คน โดยนักเรียนทุกคนที่กลับมาเรียนที่โรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยาสามารถผ่านเกณฑ์การประเมินตามตัวชี้วัดที่เคยไม่ผ่านได้ครบถ้วน พร้อมทั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกด้านทัศนคติและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทั้งยังเสริมสร้างศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้เฉพาะราย และสร้างความร่วมมือกับครอบครัวและชุมชนอย่างเข้มแข็ง โครงการนี้จึงเป็นต้นแบบแนวทางการจัดการศึกษาทางเลือกที่สามารถนำไปขยายผลในระดับสถานศึกษาอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
2. ชื่อเรื่องวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice)
REACH Model ถึงบ้าน ถึงใจ ถึงห้องเรียน
3. ความเป็นมาและความสำคัญของผลงาน
จากนโยบายล่าสุดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ภายใต้โครงการ Thailand Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการลดจำนวนเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ด้วยแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียนแต่ละคน และเน้นการเข้าถึงนักเรียนเชิงรุก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น เด็กที่ขาดเรียนต่อเนื่อง มีผลการเรียนติด 0 ร มส หรือประสบปัญหาส่วนตัวและครอบครัว จนไม่สามารถศึกษาในระบบปกติได้อย่างต่อเนื่อง
โรงเรียนในฐานะหน่วยจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการออกแบบแนวทางการช่วยเหลือนักเรียนรายบุคคล เพื่อ ไม่ให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และเพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับนักเรียนทุกคน จากบริบทของโรงเรียน พบว่า นักเรียนบางส่วนประสบปัญหาการเรียนจนไม่สามารถผ่านตัวชี้วัด ส่งผลให้ติด 0 ร มส ซ้ำชั้น ขาดความมั่นใจ และในที่สุดหลุดออกจากระบบการศึกษาอย่างไม่ตั้งใจ จำนวนถึง 78 คน โรงเรียนจึงได้ออกแบบแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในชื่อ REACH Project ซึ่งย่อมาจาก Reconnect Engage Adjust Learning Connect Heal เป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงนโยบายของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กับการดำเนินงานของสถานศึกษาอย่างมีระบบ และมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะตอบสนองต่อความหลากหลายของผู้เรียน กระบวนการในโครงการนี้เริ่มจากการ เยี่ยมบ้าน เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และรับฟังปัญหาอย่างเข้าใจ (Reconnect) ตามด้วยการสำรวจความสมัครใจของนักเรียนในการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา (Engage) จากนั้นครูจะทำการวิเคราะห์ตัวชี้วัดที่นักเรียนไม่ผ่าน และออกแบบหน่วยการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับรายบุคคล (Adjust Learning) โดยใช้ช่องทางการสื่อสารทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในการส่งมอบใบงานและติดตามผลการเรียนรู้ (Connect) สุดท้ายคือการฟื้นฟูคุณค่าตนเองและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียน ผ่านกิจกรรมจิตอาสาในโรงเรียน (Heal)
REACH Project จึงเป็นมากกว่าแค่การ พาน้องกลับมาเรียน แต่เป็นการวางระบบการฟื้นฟูโอกาสทางการศึกษาในระดับปฏิบัติการ ที่มีรากฐานอยู่บนแนวนโยบายเชิงคุณภาพของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมีการดำเนินงานที่ตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียน ชุมชน และบริบทของโรงเรียนได้อย่างแท้จริง
4. วัตถุประสงค์และเป้าหมายของผลงาน
4.1 เพื่อพัฒนาระบบการช่วยเหลือนักเรียนที่มีผลการเรียนติด 0 ร มส หรือมีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา ให้สามารถกลับเข้าสู่ระบบได้อย่างมีคุณภาพ
4.2 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนสามารถฟื้นฟูสมรรถนะทางวิชาการและทักษะชีวิต ผ่านกิจกรรมจิตอาสาและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
4.3 เพื่อสร้างรูปแบบการดำเนินงานที่เชื่อมโยงกับนโยบาย "Thailand Zero Dropout" ของ สพฐ. และสามารถขยายผลเป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ในระดับสถานศึกษาได้อย่างยั่งยืน
5. กระบวนการพัฒนาผลงานหรือขั้นตอนการดำเนินงาน
โครงการ "REACH Project: พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง" ได้รับการออกแบบและดำเนินงานโดยยึดแนวทางการบริหารงานคุณภาพตามวงจร PDCA (Plan Do Check Act) เพื่อให้การแก้ไขปัญหานักเรียนหลุดจากระบบการศึกษามีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบาย Zero Dropout ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และบริบทของโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา ดังนี้
P Plan (การวางแผน)
1. วิเคราะห์สภาพปัญหา
1.1 นักเรียนจำนวน 78 คน มีภาวะหลุดออกจากระบบการศึกษาเนื่องจากติด 0 ร มส ซ้ำชั้น ขาดเรียน และขาดแรงจูงใจในการเรียน
2. ตั้งเป้าหมาย
2.1 พานักเรียนกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างน้อย 20% โดยให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์
3. ตั้งคณะทำงานและจัดระบบสนับสนุน
3.1 แต่งตั้งทีม REACH Team ประกอบด้วยผู้บริหาร ครูแนะแนว ครูประจำวิชา ครูที่ปรึกษา และครูจิตอาสา
4. ออกแบบกระบวนการ REACH 5 ขั้นตอน
REACH Model ถึงบ้าน ถึงใจ ถึงห้องเรียน
R Reconnect สร้างความสัมพันธ์ใหม่กับนักเรียนและครอบครัว
E Engage สำรวจความสมัครใจในการกลับมาเรียน
A Adjust Learning ปรับหน่วยการเรียนรู้ให้เหมาะสม
C Connect นำการเรียนไปหานักเรียน
H Heal ฟื้นฟูความมั่นใจผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
D Do (การดำเนินการตามแผน)
1. ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านนักเรียน 78 คน และได้ความสมัครใจกลับเข้าสู่ระบบ 22 คน
2. ประเมินปัญหาและความพร้อมนักเรียนรายบุคคล
3. ออกแบบหน่วยการเรียนรู้และใบงานที่ตรงกับตัวชี้วัดที่นักเรียนไม่ผ่าน
4. ประชุมผู้ปกครองนักเรียนที่ประสงค์กลับเข้ามาเรียนโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา ชี้แจงแนวทางการเรียนรู้ผ่านบันทึกกิจกรรม ประสานการติดต่อและเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์
5. จัดกิจกรรมจิตอาสาในโรงเรียน เพื่อทดแทนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
6. นักเรียนกลับเข้ามาศึกษาต่อที่โรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา
C Check (การตรวจสอบ/ประเมินผล)
1. ติดตามและประเมินผลรายบุคคลผ่านการตรวจใบงานและสัมภาษณ์นักเรียน/ผู้ปกครอง
2. วัดผลสำเร็จของโครงการ
2.1 นักเรียน 22 คนกลับเข้าสู่ระบบ คิดเป็น 28.2%
2.2 นักเรียน 8 คนกลับมาเรียนในโรงเรียนตนเอง
2.3 นักเรียนที่ส่งใบงานครบ ได้ผลการประเมินผ่านเกณฑ์ 100%
3. ประชุมทีม REACH Team เพื่อวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดควรปรับปรุง
A Act (การปรับปรุงพัฒนา)
1. สังเคราะห์แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) เพื่อนำเสนอและขยายผล
2. พัฒนาแบบฟอร์มและแนวทางสำหรับครูในการฟื้นฟูผลการเรียนแบบยืดหยุ่น
3. ประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อสร้างความร่วมมือกับชุมชนและผู้ปกครองมากยิ่งขึ้น
4. เตรียมปรับปรุงแผน REACH ให้เหมาะสมกับปีถัดไป เช่น เพิ่มช่องทางเรียนรู้ผ่านคลิป
 
6. ผลการดำเนินงาน/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชน์ที่ได้รับ
6.1. ผลสัมฤทธิ์เชิงปริมาณ
6.1.1 จากนักเรียนกลุ่มเป้าหมายจำนวน 78 คน ที่มีภาวะเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษา โรงเรียนสามารถนำกลับเข้าสู่ระบบได้จำนวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 28.2% ของกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด
6.1.2 ในจำนวนนี้ มีนักเรียนจำนวน 8 คน ที่กลับเข้ามาศึกษาต่อในโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นที่น่าพอใจ
6.1.3 นักเรียนทุกคนในกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับใบงานเฉพาะราย ส่งผลงานการเรียนครบ และสามารถผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัดที่เคยติด 0 ร มส. ได้ครบ 100%
6.2 ผลสัมฤทธิ์เชิงคุณภาพ
6.2.1 นักเรียนที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา มีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อการเรียน มีความภาคภูมิใจและความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น ผ่านกิจกรรมจิตอาสาที่ช่วยฟื้นฟูคุณลักษณะอันพึงประสงค์
6.2.1 ครูผู้สอนสามารถออกแบบใบงานและจัดการเรียนรู้แบบยืดหยุ่นที่เหมาะกับนักเรียนรายบุคคลได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงเฉพาะรายของครู
6.2.2 เกิดระบบความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น ในการติดตาม ช่วยเหลือ และสนับสนุนนักเรียนที่มีความเสี่ยง
6.3 ประโยชน์ที่ได้รับ
6.3.1 โรงเรียนมีต้นแบบแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับนักเรียนในปีการศึกษาต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
6.3.2 นักเรียนกลุ่มเปราะบางได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
6.3.3 และนโยบาย เด็กทุกคนต้องได้เรียน ของสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
6.3.4 ช่วยลดอัตราการหลุดจากระบบการศึกษา (Dropout Rate) และลดปัญหาการซ้ำชั้นอย่างมีนัยสำคัญ
6.3.5 ชุมชนมีความเข้าใจและเห็นความสำคัญของการศึกษามากยิ่งขึ้น เกิดความภาคภูมิใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมของโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรม
 
จำนวนนักเรียนที่ติดตาม "OZD - พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง" (OBEC Zero Dropout)
จำนวน 78 คน พบตัว 78 คน กลับเข้าสู่ระบบ 21 คน
สรุปรายละเอียดนักเรียนที่กลับเข้าสู่ระบบ 21 คน
1. เรียนต่อโรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา 8 คน
2. เรียนต่อโรงเรียนบ้านเขาไม้ไผ่ 1 คน
3. เรียนต่อโรงเรียนช่างฝีมือทหาร 1 คน
4. เรียนต่อโรงเรียนมาลาสวรรค์พิทยา 1 คน
5. เรียนต่อสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (เขาเพิ่ม) 4 คน
6. เรียนต่อสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ชะอม) 2 คน
7. เรียนต่อสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ศรีกะอาง) 3 คน
8. เรียนต่อสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สงชลา) 1 คน
7. ปัจจัยความสำเร็จ
7.1 การบริหารจัดการของผู้บริหารสถานศึกษา
7.2 การทำงานเป็นทีมของครูในโรงเรียน
7.3 ความร่วมมือจากผู้ปกครองและครอบครัว
7.4 การสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก
7.5 การมีระบบติดตามและประเมินผลที่เป็นระบบ
7.6 การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการกลับมาเรียน
8. บทเรียนที่ได้รับ (Lesson Learned)
การดำเนินโครงการ REACH Project: พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง ทำให้โรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยาได้เรียนรู้ถึงแนวทางการจัดการศึกษาทางเลือกและการดูแลช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มเปราะบางอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการวางแผนเชิงนโยบาย การปฏิบัติงานเชิงระบบ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน บทเรียนสำคัญที่ได้รับจากการดำเนินงานมีดังนี้
8.1 ข้อสรุปจากการดำเนินงาน
8.1.1 การเยี่ยมบ้านและพูดคุยแบบเข้าใจ เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดในการเชื่อมโยงนักเรียนกลับสู่ระบบการศึกษา เพราะสร้างความไว้ใจ และช่วยให้โรงเรียนเข้าใจสภาพจริงของนักเรียน
8.1.2 ใบงานเฉพาะรายที่ออกแบบโดยครูผู้สอน มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูผลการเรียน และควบคุมคุณภาพการประเมินผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นธรรม
8.1.3 กิจกรรมจิตอาสาช่วยฟื้นฟูคุณค่าทางจิตใจของนักเรียน ทำให้ไม่รู้สึกด้อยหรือถูกตีตราจากการเคยหลุดจากระบบมาก่อน
8.2 ข้อสังเกต
8.2.1 นักเรียนที่กลับมาเรียนส่วนใหญ่มักมีความตั้งใจและต้องการโอกาส แต่ยังขาดระบบสนับสนุนในครอบครัว เช่น เวลาเรียน สื่อการเรียนรู้ หรือคนดูแล
8.2.2 ความต่อเนื่องในการติดตามผลหลังกลับเข้าสู่ระบบ ถือเป็นจุดที่ต้องวางระบบเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้เกิด กลับมาแล้วหลุดซ้ำ
8.2.3 ครูบางคนยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบใบงานแบบรายบุคคล จำเป็นต้องมีเวทีแลกเปลี่ยนหรืออบรมเพิ่มเติม
8.3 ข้อเสนอแนะ
8.3.1 ควรพัฒนาระบบ แผนการเรียนรายบุคคล (ILP: Individual Learning Plan) ที่เชื่อมโยงกับระบบคะแนน ตัวชี้วัด และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนอย่างครบวงจร
8.3.2 ควรมีช่องทางการเรียนรู้ที่หลากหลายมากขึ้น เช่น คลิปสอนสั้น ช่อง YouTube ของโรงเรียน หรือ Podcast สำหรับนักเรียนที่เรียนผ่านมือถือ
8.3.3 ควรสร้างระบบ เพื่อนช่วยเพื่อน หรือ พี่ติวน้อง สำหรับนักเรียนที่กลับมาเรียน เพื่อสร้างกำลังใจและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
8.3 ข้อควรระวัง
8.3.1 ต้องระมัดระวังไม่สร้างความกดดันให้นักเรียนกลับเข้าสู่ระบบ หากยังไม่มีความพร้อม เพราะอาจทำให้เกิดการต่อต้านหรือผลกระทบทางจิตใจ
8.3.2 หลีกเลี่ยงการสื่อสารเชิงตำหนิ เช่น คำว่า เด็กหลุด หรือ ซ้ำชั้น ซึ่งอาจลดคุณค่าในตนเองของนักเรียน
8.3.3 ต้องระวังไม่ให้ครูแบกรับภาระมากเกินไป โดยไม่มีระบบสนับสนุน เช่น เวลาลดภาระงานประจำ หรือแบ่งงานออกแบบใบงานอย่างเท่าเทียม
9. บรรณานุกรม
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2566). แนวทางการดำเนินงานตามนโยบาย Thailand Zero Dropout: เด็กทุกคนต้องได้เรียน. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.
โรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา. (2567). รายงานแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice): โครงการ REACH Project พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง. นครนายก: โรงเรียนเขาเพิ่มนารีผลวิทยา.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2566). แนวทางการดำเนินงาน Thailand Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน. กรุงเทพฯ: สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2566). คู่มือการดำเนินงานโครงการพาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง (OBEC Zero Dropout). กรุงเทพฯ: สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สพฐ.