การศึกษาในศตวรรษที่ 21 เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเพื่อตอบสนอง ต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและไม่แน่นอนในสังคม โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนในการเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ ในอนาคต ผู้เรียนจำเป็นต้องมีทักษะในการเรียนรู้และปรับตัว โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะตามแนวทางของการประเมิน PISA (OECD, 2019)
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดนโยบายในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) แผนการศึกษาชาติ (พ.ศ. 2560 - 2579) และแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ได้มีประกาศ เรื่อง นโยบายและจุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 - 2568 และนโยบายระยะเร่งด่วน (Quick Win) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยมีจุดเน้นในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 รวมถึงการประเมินนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (PISA) การยกระดับความฉลาดรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมของนักเรียนไทยสำหรับการประเมิน PISA ในปี 2025 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2566)
สอดคล้องกับนโยบายสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพัทลุงมีเป้าหมายการดำเนินงานตามนโยบายและจุดเน้นของสพฐ. ประจำปี 2568 คือ สถานศึกษามีกิจกรรมที่แสดงถึงการนำนโยบายการส่งเสริมสมรรถนะและความฉลาดรู้ของผู้เรียนตามแนวทางการประเมิน PISA สู่การปฏิบัติในสถานศึกษา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพัทลุง, 2568)
อย่างไรก็ตามโครงการประเมินนักเรียนนานาชาติ (PISA) โดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ผลการประเมินของประเทศไทย พบว่า นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยด้านคณิตศาสตร์ 394 คะแนน ซึ่งเมื่อเทียบกับ PISA 2018 พบว่า คะแนนเฉลี่ยทั้งสามด้านลดลง โดยด้านคณิตศาสตร์มีคะแนนเฉลี่ยลดลง 25 คะแนน ผลการประเมินของไทยตั้งแต่ PISA 2000 จนถึง PISA 2022 พบว่า คะแนนเฉลี่ยด้านคณิตศาสตร์มีแนวโน้มลดลง (PISA THAILAND สสวท., 2566)
โรงเรียนควนขนุนจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำนโยบายการส่งเสริมสมรรถนะและความฉลาดรู้ของผู้เรียนตามแนวทางการประเมินระดับนานาชาติ (PISA) เข้าสู่ห้องเรียน และจากการสอบวัดสมรรถนะความฉลาดรู้ของนักเรียนโรงเรียนควนขนุนในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ครั้งที่ 1 ปีการศึกษา 2568 พบว่า ร้อยละของนักเรียนที่ได้คะแนนเต็ม 4 เท่ากับ 0.00 และยังคงมีนักเรียนที่ได้คะแนน 0 ร้อยละ 96.43 จึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาอย่างเร่งด่วนที่สุด
ผลจากการสังเกตของครูแกนนำความฉลาดรู้ด้านคณิตศาสตร์ และครูผู้สอนคณิตศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนควนขนุน พบว่า นักเรียนอ่านโจทย์ไม่เข้าใจ ตีความและเชื่อมโยงสถานการณ์ปัญหากับแนวคิดคณิตศาสตร์ไม่ได้ ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์และให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์ ไม่สามารถตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบได้ และไม่สามารถประยุกต์ใช้ข้อมูลจากกราฟ ตาราง หรือข้อความได้ เพราะนักเรียนอาศัยแค่การท่องจำ
การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็นการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการทำงานร่วมกัน ผ่านกิจกรรมหลากหลายที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับผู้เรียน และระหว่างผู้เรียนด้วยกันเอง ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 (ทิศนา แขมมณี, 2555)
จากการศึกษาเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบเปิด (Open Approach) ที่เน้นกระบวนการคิดและแก้ปัญหามากกว่าการมุ่งเน้นเพียงผลลัพธ์หรือคำตอบเพียงอย่างเดียว ผู้เรียนจะได้ฝึกวิเคราะห์และแก้ปัญหาด้วยตัวเองผ่านการนําเสนอปัญหาปลายเปิด พร้อมกับให้เวลาในการคิดวิเคราะห์อย่างอิสระ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิด (วิลาวัลย์ สาโยธา, 2568) นอกจากนี้แนวคิดเกมมิฟิเคชัน (Gamification) เป็นการนําองค์ประกอบของเกมมาใช้กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิด ความสนใจ สร้างแรงจูงใจ ความสนุกสนาน ความท้าทายที่จะทำงานให้บรรลุตามเป้าหมาย และ มีส่วนร่วมในการแชร์ความคิด เกิดการสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้มากขึ้น (พัชรพล ชิดชม และอุบลวรรณ ส่งเสริม, 2568)
การบูรณาการโจทย์ PISA เข้าสู่การจัดการเรียนรู้ในห้องเรียนนั้นมีความสำคัญต่อการพัฒนาผู้เรียนให้มี สมรรถนะที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้และการดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 ดังที่ OECD (2019) ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของ PISA ในการประเมินความพร้อมของผู้เรียนในการนำความรู้และทักษะไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง กรอบการประเมิน PISA ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการวัดความรู้เชิงเนื้อหาที่ผู้เรียนท่องจำได้ แต่ให้ความสำคัญกับ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการให้เหตุผล ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการปรับตัวในสังคม (สสวท., 2566) การนำแนวคิดและรูปแบบโจทย์ของ PISA มาใช้ในการออกแบบการเรียนรู้ในชั้นเรียน จึงเป็นการยกระดับการศึกษาให้ตอบสนองต่อความต้องการของโลกอนาคต โดยเปลี่ยนจากการเรียนเพื่อท่องจำเป็นการเรียนเพื่อนำไปใช้จริง ซึ่งจะช่วยพัฒนาผู้เรียนให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ สามารถเผชิญหน้ากับความทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวทันพลวัตของเวทีโลก (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2561)
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ตั้งไว้และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั้นควรจะมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ซึ่งการวางแผนอย่างเป็นระบบนี้เราสามารถใช้รูปแบบจำลองที่เรียกว่าASSURE Model (OBEC Content Center, 2568) เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผน หรือการออกแบบการสอนโดยเน้นการใช้สื่อ ซึ่งจะช่วยให้การเลือกและนำสื่อเทคโนโลยีจาก OBEC Content Center มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนเป็นไปได้อย่างหลากหลายและ สอดคล้องกับตัวชี้วัดและมาตรฐานการศึกษาของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จากกรอบการวิเคราะห์ปัญหา แนวคิดและหลักการข้างต้น ผู้รายงานต้องการนำ PISA เข้าสู่ชั้นเรียนจึงได้พัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้แบบเปิด (Open Approach) เพื่อยกระดับสมรรถนะความฉลาดรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ โดยบูรณาการ PISA Gamification ผ่านแอปพลิเคชัน Quizizz และ ClassDojo ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วย ASSURE Model และสื่อเทคโนโลยี OBEC Content Center ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ทั้งความเข้าใจและประยุกต์ใช้อัตราส่วนสัดส่วนและร้อยละในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิตจริง เข้าใจและใช้ความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงเส้นในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิตจริง การใช้ทฤษฎีบทพีทาโกรัสและบทกลับในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิตจริง เข้าใจและใช้ความรู้เกี่ยวกับเซตและตรรกศาสตร์เบื้องต้นในการสื่อสารและสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์
โดยเน้นสถานการณ์ปัญหาตามโจทย์ PISA และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งข้าพเจ้าได้พัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง (ปีการศึกษา 2567 จนถึงปัจจุบัน)