รหัสลับของเล่น : TOY CODE MODEL เพื่อปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบของเด็กปฐมวัยชั้นที่ 1 (อายุ 3-4 ปี)
1.1 ความเป็นมาและสภาพของปัญหา
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยมุ่งเน้นให้เด็กมีพัฒนาการที่สมวัย มีทักษะชีวิตขั้นพื้นฐาน และสามารถดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของหลักสูตร คือ การส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเด็กให้เติบโตเป็น คนดี และ พลเมืองดี ในอนาคต โดยระบุชัดว่าเด็กควรได้รับการอบรมเลี้ยงดูและจัดประสบการณ์เรียนรู้ที่ส่งเสริมคุณธรรมตั้งแต่ในช่วงวัยปฐมวัย (กระทรวงศึกษาธิการ,2546)
จากแนวทางดังกล่าวการปลูกฝังคุณธรรมพื้นฐาน เรื่องวินัย ความรับผิดชอบ และความมีระเบียบ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรเริ่มตั้งแต่ช่วงปฐมวัย โดยผ่านกิจกรรมในชีวิตประจำวันและการเล่นของเด็ก ตามแนวทางการส่งเสริมพัฒนาการของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ถือว่าการเล่นเป็นงานของเด็ก เด็กควรได้รับการเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-based Learning) ผลจากการวิเคราะห์พัฒนาการและคุณลักษณะตามวัยของแบบสังเกตพฤติกรรมเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 เรื่องการเก็บของเล่นเข้าที่ ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นการสังเกตพฤติกรรมพื้นฐานที่สะท้อนวินัยและความรับผิดชอบต่อสิ่งของส่วนตัวและส่วนรวม พบว่าเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 34 ปี) ในภาคเรียนที่ 1 ของทุกปีการศึกษา เด็กส่วนใหญ่ยังขาดพฤติกรรมด้านความรับผิดชอบและระเบียบวินัย โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการเล่นของเล่นตามมุมประสบการณ์เรียนรู้ในชั้นเรียน เด็กมักจะวางของเล่นไม่เป็นที่ ไม่เก็บเข้ากล่องหลังจากเล่นสิ้นสุดกิจกรรม และขาดความร่วมมือในการจัดระเบียบมุมเรียนรู้ของห้องเรียน ส่งผลให้เกิดความไม่เป็นระเบียบ ความไม่ปลอดภัย
จากพฤติกรรมดังกล่าว สะท้อนถึงความจำเป็นในการส่งเสริม วินัย และ ความรับผิดชอบ ผ่านวิธีการที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กปฐมวัย ซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่เรียนรู้ได้ดีที่สุดจากการ เล่น การเลียนแบบ และการปฏิบัติจริง ดังนั้นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ควรอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม มีความสนุกสนาน และสอดคล้องกับวิถีชีวิตของเด็ก
1.2 แนวคิดหลักการสำคัญ
จากการสังเกตพฤติกรรมของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 34 ปี) พบว่า มีปัญหาด้านการขาดวินัยและความรับผิดชอบในชีวิตประจำวัน เรื่องพฤติกรรมการเก็บของเล่นเข้าที่ สะท้อนถึงการที่เด็กไม่ได้เห็นความสำคัญของการจัดเก็บ และการขาดโอกาสในการฝึกฝนพฤติกรรมที่เหมาะสมอย่างเป็นระบบและสม่ำเสมอ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ข้าพเจ้าจึงได้มีการออกแบบนวัตกรรม รหัสลับของเล่น : TOY CODE MODEL โดยยึดหลักการสำคัญที่สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กปฐมวัย และแนวคิดทางการศึกษาที่เน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงในการออกแบบได้ ดังนี้
1. กระบวนการเรียนรู้ Unplugged Coding เป็นแนวคิดการเรียนรู้พื้นฐานของการเขียนโปรแกรมโดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ดิจิทัล แต่ใช้ สัญลักษณ์ ภาพ คำสั่ง และลำดับขั้นตอน ในการจัดการหรือแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ หลักการนี้ถูกนำมาใช้ในการออกแบบ รหัสลับของเล่น โดยจัดทำสัญลักษณ์ภาพแทนคำสั่ง การสร้างภาพของเล่นประเภทต่าง ๆ จากการวางแผน ออกแบบ และสร้างภาพสัญลักษ์ด้วยตัวเด็ก ซึ่งช่วยให้เด็กสามารถเก็บของเล่นเข้าที่ได้ และฝึกวินัยผ่านกระบวนการโค้ดดิ้งอย่างง่าย ที่เด็กสามารถมีส่วนร่วมและปฏิบัติตามได้อย่างสนุกสนาน
2. แนวคิด Active Learning การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ นวัตกรรมนี้ออกแบบให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการ ลงมือทำจริง (Learning by Doing) รสร้างสัญลักษ์ภาพ การสังเกตภาพ และจัดการเก็บของเล่นเข้าที่ ซึ่งเด็กเป็นผู้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองและมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ โดยครูมีบทบาทเป็นผู้จัดกิจกรรม ชี้แนะ และกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมาย การเรียนรู้แบบ Active Learning นี้ส่งผลให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืน ผ่านความเข้าใจและการทำซ้ำในบริบทจริง
3. แนวคิด HighScope การเรียนรู้ที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง เน้นการให้เด็ก เลือก วางแผน ปฏิบัติ และสะท้อนผล (Plan-Do-Review) ซึ่งสอดคล้องกับองค์ประกอบของรหัสลับของเล่น : TOY CODE MODEL โดยให้เด็กได้เลือกของเล่น วางแผนว่าจะเก็บอย่างไร ทำตามแผน และสะท้อนสิ่งที่ได้ทำ ส่งเสริมความคิดริเริ่ม ความรับผิดชอบต่อการกระทำ และทักษะการคิดอย่างมีระบบ
นวัตกรรมนี้สอดคล้องกับ ความต้องการกับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็กปฐมวัย ซึ่งเป็นวัยที่ต้องการการฝึกฝนซ้ำๆ ผ่านกิจกรรมที่เข้าใจง่าย และเกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน การเก็บของเล่นเข้าที่ คือพฤติกรรมพื้นฐานที่สะท้อนความรับผิดชอบ ความ
สำหรับสถานศึกษา โดยเฉพาะห้องเรียนอนุบาล นวัตกรรมนี้สามารถนำไปใช้ได้จริงในกิจวัตรประจำวัน โดยครูไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเพิ่มเติม สามารถนำองค์ประกอบ ที่ประยุกต์ของนวัตกรรมไปใช้ในห้องเรียน เพื่อปลูกฝังวินัย ช่วยลดภาระของครูในการสั่งซ้ำ และการส่งเสริมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและยั่งยืน
ในด้านชุมชนและครอบครัว นวัตกรรมนี้สามารถนำไปปรับใช้ในบ้านได้อย่างเหมาะสม ผู้ปกครองสามารถเด็กจดจำขั้นตอนการเก็บของเล่นได้เหมือนกันทั้งที่บ้านและโรงเรียน เป็นการเชื่อมโยงพฤติกรรมที่ดีจากโรงเรียนสู่บ้าน และส่งเสริมบทบาทของผู้ปกครองในการสร้างวินัยให้กับบุตรหลานอย่างต่อเนื่อง
นวัตกรรม รหัสลับของเล่น : TOY CODE MODEL สามารถเป็นแนวทางการปลูกฝังวินัยของเด็กปฐมวัยที่มีความสอดคล้องกับพัฒนาการของเด็ก ความต้องการของสถานศึกษา และบริบทของชุมชน
2.1 การจุดประสงค์ และเป้าหมาย
จุดประสงค์
1. เพื่อปลูกฝังวินัยของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) ในการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบ ด้วยกระบวนการเรียนรู้ Unplugged coding
2. เพื่อให้ผู้ปกครองเข้าใจ และสามารถมีส่วนร่วมในการปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่ให้กับเด็กอย่างเป็นระบบ
3. เพื่อพัฒนานวัตกรรม และขยายผลให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปลูกฝังวินัยเชิงสร้างสรรค์
เป้าหมาย
 เชิงปริมาณ
1. เด็กปฐมวัยชั้นปีที่ ๑ (อายุ 3-4 ปี) จำนวน 27 คน ที่ได้รับการปลูกฝังวินัยในการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบ ด้วยกระบวนการเรียนรู้ Unplugged coding มีผลการประเมินพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ระดับ ดีมาก ได้ร้อยละ ๑๐๐
2. ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ ๑ (อายุ 3-4 ปี) จำนวน 27 คน เข้าใจและสามารถมีส่วนร่วมในการปลูกฝังวินัยให้กับลูกอย่างเป็นระบบ ได้ร้อยละ 95.00
3. มีการพัฒนานวัตกรรม และขยายผลให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปลูกฝังวินัยเชิงสร้างสรรค์ ทั้งในสถานศึกษา สถานศึกษาอื่น และช่องทางการศึกษาระบบออนไลน์
 เชิงคุณภาพ
1. เด็กปฐมวัยชั้นปีที่ ๑ (อายุ 3-4 ปี) ได้รับการปลูกฝังวินัยในการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบ ด้วยกระบวนการเรียนรู้ Unplugged coding และเกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์ เรื่องการมีวินัยต่อตนเองและสังคมที่ดีขึ้น
2. ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ ๑ (อายุ 3-4 ปี) เข้าใจ และแนวทางในการปลูกฝังวินัยให้กับเด็กอย่างเป็นระบบได้ง่ายๆ ที่บ้าน
3. นวัตกรรมได้รับการพัฒนาการดำเนินกิจจกรรมที่ยังยืนมากขึ้น และสถานศึกษา สถานศึกษาอื่น และช่องทางการศึกษาระบบออนไลน์ที่ได้รับการขยายผลสามารถนำนวัตกรรมไปประยุกต์ เพื่อปลูกฝังวินัย เชิงสร้างสรรค์ให้กับเด็กได้ต่อไป
3.2 การดำเนินงานตามกิจกรรม
นวัตกรรม รหัสลับของเล่น : TOY CODE MODEL เพื่อปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบของเด็กปฐมวัยชั้นที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) ได้ดำเนินการตามวงจรการบริหารคุณภาพ (Quality Management Cycle) PDCA ที่ใช้สำหรับ การวางแผน และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน ดังนี้
1 การวางแผน (Plan)
1.1 การระบุปัญหาหรือโอกาสในการพัฒนา ผ่านการสังเกตพฤติกรรมและวิเคราะห์ปัญหาของเด็กในสถานการณ์จริง ได้แก่ ช่วงเวลาเล่นอิสระ ช่วงเก็บของเล่น หรือเปลี่ยนกิจกรรม โดยสังเกตความร่วมมือ ความรับผิดชอบ ท่าทีของเด็กเมื่อเล่นเสร็จแล้ว โดยบันทึกพฤติกรรมรายบุคคล เพื่อจดข้อมูลอย่างเป็นระบบ
1.2 การศึกษา รวบรวมข้อมูลการปลูกวินัยการเก็บของเล่นที่ยั่งยืนสำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นปีที่ 1 (อายุ 3-4 ปี)
1.2.1 ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และหลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช 2566
1.2.2 ศึกษาการจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 3-4 ปี)
1.2.3 ศึกษาแนวคิดสำคัญสำหรับการปลูกฝังวินัยเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) 1.2.4 ศึกษาเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1.3 การประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น วางแผนและออกแบบปลูกฝังวินัยที่ยั่งยืนสำหรับเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) ร่วมกันกับผู้บริหารสถานศึกษา และคณะครู ระดับปฐมวัย ที่จะต้องพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น หรือมีระดับคุณภาพที่สูงขึ้น ตามลำดับที่ต้องการพัฒนาและส่งเสริม
1.4 การออกแบบนวัตกรรม รหัสลับของเล่น : TOY CODE MODEL เพื่อปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบของเด็กปฐมวัยชั้นที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์และเป้าหมายโดยมีแนวคิดรองรับ และนำแนวคิดมาเป็นพื้นฐานในการออกแบบกิจกรรม ให้มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน
1.5 การวางแผนการดำเนิน กำหนดขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างละเอียด เป็นระบบ และสอดคล้องกับจุดประสงค์ และพัฒนาการตามวัยของเด็ก
2 การปฏิบัติ (DO)
2.1 ดำเนินการปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบกับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็กปฐมวัยชั้นที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) ตามการออกแบบนวัตกรรม รหัสลับของเล่น : TOY CODE MODEL โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ 4 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : การสร้างความตระหนัก (Create Awareness) เป็นกระบวนการส่งเสริม และกระตุ้นให้เด็กเกิดความเข้าใจ ยอมรับ และเห็นความสำคัญของการเก็บของเล่นอย่างเป็นระเบียบ จนสามารถเชื่อมโยงความรู้ ความรู้สึก และพฤติกรรมเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เด็กเกิดความสนใจ ตั้งใจ และพร้อมที่จะแสดงพฤติกรรมหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางที่เหมาะสม เป็น ความเข้าใจจากภายใน ที่จะต้องส่งผลให้เด็กพร้อมจะ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อย่างมีเหตุผลและยั่งยืน ซึ่งองค์ประกอบสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้ ได้แก่ การให้ข้อมูล ความรู้: เพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาหรือสิ่งที่ควรปรับปรุง และการกระตุ้นความคิดและความรู้สึก ผ่านกิจกรรมและคำถามที่ให้เด็กคิดและเชื่อมโยงกับตนเอง
ขั้นตอนที่ 2 : การสร้างสัญลักษณ์ภาพ (Code) เป็นกระบวนการเรียนรู้ Unplugged Coding ที่เด็กจะได้ฝึกทักษะด้านลอจิก (Logic), การจัดลำดับขั้นตอน (Sequencing), การวางแผน (Planning), และการแก้ปัญหา (Problem Solving) ผ่านกิจกรรมสัญลักษณ์ภาพ (Pictorial Symbols) ซึ่งเด็กจะได้วางแผน ออกแบบ และสื่อสารด้วยภาพแทนคำพูด เพื่อการจัดเก็บของเล่นเข้าที่เข้าที่ให้เรียบร้อยตามหมวดหมู่หรือประเภทของของเล่นในชั้นเรียน
3. การตรวจสอบ/ประเมินผล (Check)
ขั้นตอนที่ 3 : การสร้างเครื่องมือและประเมินพฤติกรรม (Check to Real Life)
3.1 ศึกษาเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผล
3.2 สร้างเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผล ดังนี้
3.2.1 การสังเกตพฤติกรรม
- แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลของเด็กขณะจัดเก็บของเล่นที่โรงเรียน
3.2.2 การติดตามความต่อเนื่อง
- แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลของเด็กขณะจัดเก็บของเล่นที่บ้าน - แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ปกครอง
3.2.2 การรายงานความสำเร็จของการพัฒนานวัตกรรม และขยายผลให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปลูกฝังวินัยเชิงสร้างสรรค์
4. การตรวจสอบ/ประเมินผล (Check)
ขั้นตอนที่ 4 : สร้างพฤติกรรมที่ยั่งยืน (Creating sustainable behavior) เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง มีการกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงพฤติกรรมที่พึงประสงค์ และฝึกฝนซ้ำๆ จนกลายเป็นนิสัย กระบวนการนี้เรียกว่า การสะท้อนผลและทำซ้ำ (Reflect & Repeat) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนพฤติกรรมจากการกระทำชั่วคราวให้กลายเป็นความยั่งยืน
การสะท้อนผล (Reflect) สังเกตผลลัพธ์ของพฤติกรรมจากครูและผู้ปกครอง การให้เด็กได้ทบทวนสิ่งที่ตนเองได้ทำไป สังเกตผลลัพธ์ของการกระทำนั้น ทั้งในด้านบวกและด้านลบ ผ่านคำถามกระตุ้นการคิด การแสดงความรู้ของเด็กต่อพฤติกรรม
การทำซ้ำ (Repeat) เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้ฝึกฝนพฤติกรรมเดิมอีกครั้งในบริบทใหม่หรือสถานการณ์ที่คล้ายคลึง เพื่อเสริมความมั่นใจ ความคล่องแคล่ว และการยึดถือพฤติกรรมเป็นส่วนหนึ่งของตน ยิ่งเด็กได้ทำซ้ำมากเท่าไร พฤติกรรมนั้นก็จะฝังลึกยิ่งขึ้น และกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในที่สุด
การสร้างความเชื่อมโยง เป็นการขยายกิจกรรมจากห้องเรียนไปสู่บ้าน เพื่อสร้างความต่อเนื่องและความมั่นคงทางพฤติกรรมในชีวิตของเด็ก โดยเฉพาะเด็กปฐมวัยซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่การเรียนรู้เกิดขึ้นผ่านการเลียนแบบ และการทำซ้ำ พฤติกรรมที่เด็กฝึกฝนและปฏิบัติในโรงเรียน และเมื่อได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องที่บ้าน จะทำให้พฤติกรรมนั้น ฝังลึกเป็นนิสัยถาวร และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติ
การพัฒนานวัตกรรม และขยายผลให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปลูกฝังวินัยเชิงสร้างสรรค์ การนำของการปลูกฝังวินัยการเก็บของเล่นเข้าที่อย่างเป็นระบบของเด็กปฐมวัยชั้นที่ 1 (อายุ 3-4 ปี) สถานศึกษา สถานศึกษาอื่น และช่องทางการศึกษาระบบออนไลน์
6.1 การระบุข้อมูลที่ได้รับจากการผลิตและการนำเสนอผลงานใช้
1. เด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 1 (อายุ 34 ปี) สามารถเรียนรู้วินัยผ่านกระบวนการเล่น และภาพสัญลักษณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการพัฒนานวัตกรรมและนำไปใช้จริง พบว่าเด็กสามารถเรียนรู้ลำดับขั้นตอนการเก็บของเล่นจาก รหัสลับของเล่น (Toy Code) ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถจดจำ และปฏิบัติตามขั้นตอนได้อย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ ส่งผลพฤติกรรมการเก็บของเล่นเข้าที่โดยไม่ต้องเตือนซ้ำ และเริ่มมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองมากขึ้น
2. การออกแบบและผลิตนวัตกรรมด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ ทำให้เกิดความคุ้มค่าและยั่งยืนในกระบวนการผลิตนวัตกรรม ได้ใช้วัสดุเหลือใช้ เช่น กระดาษสี ฝาขวดพลาสติก และ ออกแบบรหัสลับของเล่น (Toy Code) ให้มีความทนทาน เช่น เคลือบพลาสติก พิมพ์ลงกระดาษแข็ง เพื่อยืดอายุการใช้งาน และสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เด็กๆ มีส่วนร่วมในการสร้าง รหัสลับของเล่น (Toy Code) ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ และดูแลรักษาสื่ออย่างดี
3. กระบวนการ Unplugged Coding ช่วยส่งเสริมทักษะพื้นฐานด้านลำดับเหตุการณ์และการคิดเป็นระบบ การให้เด็กได้ใช้รหัสภาพ เพื่อวางแผนการเก็บของเล่นตามลำดับขั้นตอน ส่งผลให้เด็กมีทักษะด้าน การคิดเชิงลำดับ (Sequential Thinking) และ การแก้ปัญหาเบื้องต้น เช่น หากลืมว่าต้องเก็บของเล่นแต่ละประเภทตรงไหม เด็กก็สามารถสังเกตได้จากสัญลักษณ์ภาพที่เด็กช่วยกันสร้างขึ้นด้วยตัวเองได้
4. บรรยากาศในห้องเรียนเปลี่ยนแปลงไปในทางบวก เด็กมีความสุขกับการเรียนรู้วินัย จากการสังเกตพฤติกรรม พบว่าเด็กมีความสนุกและเต็มใจในการทำกิจกรรมเก็บของเล่น เมื่อใช้รูปแบบ TOY CODE MODEL ในการเก็บของไม่ใช่ หน้าที่ที่น่าเบื่อ แต่กลายเป็น กิจกรรมที่มีเป้าหมายชัดเจนและสนุกเหมือนเล่นเกม
5. การนำเสนอผลงานนวัตกรรมช่วยให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่องและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากการนำเสนอนวัตกรรมต่อผู้บริหาร ครูปฐมวัย และผู้ปกครอง ได้รับข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ดังนี้
ข้อสังเกตจากการใช้นวัตกรรม
เด็กบางคนที่มีพัฒนาการช้าหรือเพิ่งเข้าเรียนใหม่ ต้องการการช่วยเหลือเป็นรายบุคคลในช่วงแรก โดยครูมอบหมายให้นักเรียนในชั้นเรียนที่เข้าใจสัญลักษณ์เป็นคนช่วยแนะนำ
ข้อเสนอแนะ
ควรมีคู่มือการใช้ รหัสลับของเล่น (Toy Code) สำหรับครูและผู้ปกครอง เพื่อให้การใช้งานสอดคล้อง และต่อเนื่องทั้งที่โรงเรียนและบ้าน
ข้อควรระวังในการนำผลงานไปประยุกต์ใช้
หลีกเลี่ยงการใช้สัญลักษณ์แบบ สั่ง หรือ ควบคุม เด็กเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความรู้สึกถูกบังคับ ควรเน้นการเรียนรู้เชิงบวก
แนวทางการพัฒนาเพิ่มเติม
สร้างชุดการเรียนรู้แบบบูรณาการ TOY CODE MODEL ที่สามารถนำไปใช้กับพฤติกรรมอื่น เช่น การเข้าห้องน้ำ, การรับประทานอาหาร ฯลฯ