ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายใน เพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู
สู่คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนวัดท่าเสา(อาทรราษฎร์อุปถัมภ์)
ผู้วิจัย นางสิริรัชต์ แก้วงาม
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2567
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพที่พึงประสงค์ สภาพปัจจุบัน และความต้องการจำเป็น ในการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู สู่คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์) 2) พัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์) 3) ทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์) และ 4) ประเมินผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์) โดยดำเนินการวิจัย 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการจำเป็นในการนิเทศในโรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์) เก็บข้อมูลจากการวิเคราะห์ สังเคราะห์เอกสาร สอบถามและสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ
ขั้นตอนที่ 2 พัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์) ขั้นที่3ทดลองรูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์) และ ขั้นที่ 4 ประเมินผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์)กลุ่มผู้ให้ข้อมูล จำนวน 45 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คนรองผู้อำนวยการ จำนวน 1คน ครู จำนวน 26 คน ศึกษานิเทศก์ จำนวน 2 คน ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 3 คน เลือกกลุ่มผู้ให้ข้อมูลแบบเจาะจง(Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสังเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบ รายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน และแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่ามัธยฐาน ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาการศึกษาสภาพที่พึงประสงค์ สภาพปัจจุบันและความต้องการจำเป็นในการนิเทศภายใน พบว่า การดำเนินงานของโรงเรียนวัดท่าเสาอาทรราษฎร์อุปถัมภ์ในปีการศึกษา 2560-2565 มุ่งเน้นการพัฒนาครูโดยมีโครงการนิเทศภายในและยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โรงเรียนได้รับการยอมรับจากผู้ปกครองและชุมชนในด้านการศึกษา มีห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์และดนตรีไทย และได้รับความร่วมมือจากชุมชนในการพัฒนาโรงเรียน อย่างไรก็ตาม กระบวนการนิเทศยังขาดการร่วมมือจากทุกฝ่ายและการติดตามผล จำเป็นต้องพัฒนากระบวนการนิเทศที่มีประสิทธิภาพโดยครูมีบทบาทเป็นโค้ช และผู้บริหารต้องจัดระบบนิเทศที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
การนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู โรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์) มีสภาพที่พึงประสงค์อยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้านการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและความต้องการมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ส่วนสภาพปัจจุบันมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง โดยด้านการจัดสภาพบรรยากาศของสถานศึกษามีค่าเฉลี่ยสูงสุด ความต้องการจำเป็นสูงสุด คือ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและความต้องการ รองลงมาคือการวางแผนและสร้างเครื่องมือ ด้านออกแบบและลงมือปฏิบัติการนิเทศ ด้านการกำกับติดตามการนิเทศภายใน และด้านการส่งเสริมและสนับสนุนด้านขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
2. ผลการพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์) พบว่า รูปแบบการนิเทศภายใน มี 5 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) กระบวนของรูปแบบการนิเทศภายใน ประกอบด้วย การวิเคราะห์ (Analysis: A) การวางแผน(Planning) การออกแบบและลงมือปฏิบัติการนิเทศ (Design and Doing: D) การกำกับติดตาม (Monitoring : M) การส่งเสริมและสนับสนุนด้านขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน (Reforging : R) 4) การวัดและประเมินผลรูปแบบ และ 5) ปัจจัยในการนำไปใช้ให้เกิดผลสำเร็จ ผลการตรวจสอบรูปแบบ มีความตรงและมีความเหมาะสม ในระดับมากที่สุด และผลการประเมินความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศภายใน อยู่ในระดับ เหมาะสมมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์) พบว่า 1) ผลการประเมินความรู้ของครูในเรื่องสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกมีค่าเฉลี่ยเป็น 44.34 คะแนน การประเมินพฤติกรรมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ภาพรวม พบว่าอยู่ในระดับมาก 2) ผลการประเมินคุณภาพผู้เรียน ค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้ พบว่า รายวิชาที่มีค่าเฉลี่ย สูงสุดคือ วิชาคณิตศาสตร์ ร้อยละ 72.05 รองลงมา วิชาภาษาไทย ร้อยละ 71.08 วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ร้อยละ 71.61
วิชาคณิตศาสตร์ ร้อยละ 69.26 ต่ำสุดคือวิชาภาษาอังกฤษ ร้อยละ 68.34 ค่าเฉลี่ยร้อยละของจำนวนนักเรียนที่มีผลการประเมินสมรรถนะที่สำคัญ ในภาพรวม พบว่า มีค่าเฉลี่ย ร้อยละ 91.18 ค่าเฉลี่ยร้อยละของจำนวนนักเรียนที่มีผลการประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ในภาพรวม พบว่า มี ค่าเฉลี่ย ร้อยละ 96.67 3)ผลการประเมินความพึงพอใจ พบว่า รองผู้อำนวยการโรงเรียน ครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด
4. ผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูสู่คุณภาพผู้เรียนโรงเรียนวัดท่าเสา (อาทรราษฎร์อุปถัมภ์) พบว่า 1) ผลการประเมินความรู้ของครูในเรื่องสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกในระดับ มีค่าเฉลี่ยเป็น 45.27 คะแนน ผลการประเมินพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู พบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 2) ผลการประเมินคุณภาพผู้เรียน หลังจากการใช้รูปแบบ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ปีการศึกษา 2567 สูงกว่าค่าเฉลี่ย ในปีการศึกษา 2567ทุกรายวิชา ผลการประเมินสมรรถนะที่สำคัญ ระดับดีขึ้นไป ปีการศึกษา 2567 สูงกว่า ปีการศึกษา 2566 ร้อยละ 1.65 และ ผลการประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ระดับดีขึ้นไป ในปีการศึกษา 2567
สูงกว่า ปีการศึกษา 2566 ร้อยละ 2.58 3) ผลการประเมินความพึงพอใจของ รองผู้อำนวยการโรงเรียน ครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานตามรูปแบบการนิเทศภายใน ภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด
คำสำคัญ : การนิทศภายใน สมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู โรงเรียนวัดท่าเสา(อาทรราษฎร์อุปถัมภ์)
แนวทางการนำรูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสู่คุณภาพผู้เรียนประกอบด้วย กระบวนการนิเทศ 5 ขั้นตอน ที่โรงเรียนทุกโรงเรียนสามารถนำไปประกอบใช้เป็นแนวทางการนิเทศภายใน คือ