|
Advertisement
|
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในวิชาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในอาชีพ โดยใช้ การเรียนรู้แบบแบ่งกลุ่มสัมฤทธิ์ (Student Teams Achievement Divisions (STAD)) ซึ่งเป็นเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือที่เน้นการทำงานเป็นทีม และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บูรณาการร่วมกับการเรียนรู้แบบปฏิบัติงานจริง (Action Learning) ที่มุ่งเน้นให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติ แก้ปัญหา และเรียนรู้จากประสบการณ์จริง โดยมุ่งหวังเพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา และแก้ไขปัญหาการขาดความรับผิดชอบในเวลาเรียนของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 วิทยาลัยการอาชีพนครปฐม
ผลการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณพบว่า การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการดังกล่าวมีประสิทธิภาพสูงในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนอย่างเป็นรูปธรรม โดยพบว่านักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น 100% สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของวิธีการสอนที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังพบว่านักศึกษามีความพึงพอใจต่อวิธีการเรียนรู้ดังกล่าวในระดับที่สูงมาก โดยผลการประเมินจากแบบสอบถามความพึงพอใจโดยรวมพบว่าอยู่ในระดับ มากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 4.60) ซึ่งบ่งชี้ว่านักศึกษาให้การยอมรับและเห็นถึงประโยชน์ของกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดขึ้น
นอกจากนี้ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจยังชี้ให้เห็นถึงจุดเด่นที่สำคัญของกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น โดยนักศึกษามีความพึงพอใจสูงสุดในประเด็นที่วิธีการสอนสามารถ แก้ไขปัญหาการขาดความรับผิดชอบในเวลาเรียน (4.92) ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในกลุ่มนักศึกษาในระดับนี้ สะท้อนให้เห็นว่าการออกแบบกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบเป็นรายบุคคลและรายกลุ่มสามารถแก้ไขปัญหาเชิงพฤติกรรมได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ยังมีความพึงพอใจสูงในด้าน วิธีการประเมินผลที่เหมาะสมกับเนื้อหา (4.91) และ การเปิดโอกาสหรือกระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน (4.88)
ผลการวิจัยสรุปได้ว่า การบูรณาการเทคนิคการเรียนรู้แบบ STAD และ Action Learning เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพสูงในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนรู้เชิงบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการเรียนการสอนในสายอาชีพที่เน้นการปฏิบัติจริง การวิจัยนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเป็นแนวทางสำหรับครูผู้สอนและสถานศึกษาในการนำไปประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนได้อย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป
|
โพสต์โดย กฤษฎา รุ่งคูหา : [2 ก.ย. 2568 (18:22 น.)] อ่าน [57555] ไอพี : 1.20.220.62
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
Advertisement
|
|
| |
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
| |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 122,642 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 31,485 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,334 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 63,105 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 36,675 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,688 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,206 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 140,924 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,208 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,589 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 24,867 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 189,668 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,890 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 32,965 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 28,465 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 20,310 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 163,695 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 22,971 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 31,434 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,432 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|