|
Advertisement
|
บทคัดย่อ
การวิจัย เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 วัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อศึกษาความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4) เพื่อศึกษาผลการปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น มีกลุ่มตัวอย่างตามวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 1) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 84 คน ขั้นตอนที่ 2 ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาชาญ จำนวน 7 ท่าน ซึ่งคัดเลือกโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยจำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) ครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษที่มีผลงานการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) จำนวน 3 คน (2) ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอน จำนวน 2 คน และ (3) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดและประเมินผลทางการศึกษา จำนวน 2 คน ขั้นตอนที่ 3 ได้แก่ 1) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนเทศบาลเลิงนกทา อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร จำนวน 30 คน ซึ่งได้จากการสุ่มแบแบกลุ่ม (Cluster Random Sampling ขั้นตอนที่ 4 ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 ท่าน ซึ่งเป็นชุดเดียวกับขั้นตอนที่ 2 ในการประเมินรับรองรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความเหมาะสมมากที่สุด (X=4.78, S.D.=0.21) 2) แผนการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสมมากที่สุด (X=4.64, 5.D.=0.18) 3) แบบวัดความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ประกอบด้วย ฉบับที่ 1 ข้อสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก ฉบับที่ 2 ข้อสอบแบบถูก-ผิด และฉบับที่ 3 ข้อสอบแบบตอบสั้น ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.93, 0.87 และ 0.82 ตามลำดับ สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน สถิติทดสอบที
ผลการวิจัย พบว่า 1) ข้อมูลพื้นฐานของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ (1) สภาพการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ (2) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่มีลักษณะของการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning) การเรียนรู้แบบ KWL-Plus และการเรียนรู้แบบ SQ4R รูปแบบการเรียนรู้ มีองค์ประกอบดังนี้ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) เนื้อหาสาระ 4) ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ (SPARE Model) ได้แก่ ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นสมอง (Start Thinking) ขั้นที่ 2 ขั้นอ่าน (Peruse Text) ขั้นที่ 3 ขั้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Ask and Talk) ขั้นที่ 4 ขั้นทบทวนจัดระเบียบให้ดีขึ้น (Review and organize) และขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluate) 5) การวัดและประเมินผล (3) ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ พบว่า 1) นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง Loeng Nok Tha is a special place หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 2) นักเรียนมีความพึงพอใจโดยใช้รูปแบบการจัดการรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ในระดับมาก (X = 4.44 และ S.D.=0.50) (4) ประเด็นที่จะต้องปรับปรุงการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพิ่มเติมในบางส่วน ให้หลักสูตรมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ได้แก่ ด้านภาษา ด้านเนื้อหา และด้านสื่อการจัดการเรียนรู้
|
โพสต์โดย หนึ่ง : [21 ก.ย. 2568 (20:23 น.)] อ่าน [57320] ไอพี : 223.205.225.50
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
Advertisement
|
|
| |
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
| |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 14,624 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 22,030 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,332 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 102,136 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 2,109 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,190 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 19,889 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 104,565 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 25,443 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 26,687 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,807 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 7,669 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 22,023 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 35,527 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 15,924 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 12,521 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 64,744 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 21,825 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 386,932 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 18,132 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|