ชื่อเรื่อง การศึกษาการใช้รูปแบบการสอน BE3L ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริม
การอ่านและการเขียนคำที่ประสมด้วยสระที่ไม่มีตัวสะกด เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน
และการเขียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
ชื่อผู้รายงาน นางดาวรรณ์ ยาวิชัย
ปีที่ศึกษาค้นคว้า 2567
บทคัดย่อ
การศึกษาการใช้รูปแบบการสอน BE3L ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการอ่านและการเขียนคำที่ประสมด้วยสระที่ไม่มีตัวสะกด เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบการสอน BE3L 2) เพื่อศึกษาหาค่าประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการอ่านและการเขียนคำที่ประสมด้วยสระที่ไม่มีตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยหาค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) และค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) โดยคำนวณจากค่าสถิติร้อยละมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80 ฃ 3) เพื่อศึกษา เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการสอน BE3L ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการอ่านและการเขียนคำที่ประสมด้วยสระที่ไม่มีตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้จากคะแนนที่ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนนำมาทดสอบนัยสำคัญโดยใช้การแจกแจงของที (t test Dependent)
4) เพื่อศึกษาหาค่าความพึงพอใจของครูผู้สอน และผู้ปกครองที่มีต่อทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 5) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยคำนวณจากค่าสถิติร้อยละ (x̄) กลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านห้วยสิงห์ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 19 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า รูปแบบการสอน BE3L ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการอ่านและการเขียนคำที่ประสมด้วยสระที่ไม่มีตัวสะกด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบสอบถามความพึงพอใจ และแบบประเมินทักษะการอ่านและการเขียนฉบับครูผู้สอนและผู้ปกครอง เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง โดยให้เด็กทำแบบทดสอบก่อนเรียน และเรียนรู้ตามกิจกรรมที่กำหนดในแผนการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบการสอน BE3L และทำแบบทดสอบหลังเรียน ค่าสถิติที่ใช้ในการรายงาน ในครั้งนี้เป็น ค่าเฉลี่ย
(x̄) ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D.และการทดสอบค่าที (t test Dependent) ค่าประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่าลงความคิดเห็น ผลการศึกษา พบว่า
1. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบการสอน BE3L ค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้มีค่าคะแนนอยู่ที่ 0.6607 หรือ
ร้อยละ 66.07
2. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการอ่านและการเขียนคำที่ไม่มีตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดทำขึ้นนั้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่คะแนนเฉลี่ย 86.47/85.00 และสามารถนำมาพัฒนานักเรียนและใช้กับนักเรียนได้จริง
3. คะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนปรากฏว่าคะแนนหลังเรียนมากกว่าคะแนนก่อนเรียนซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอน BE3L ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการอ่านและการเขียนคำที่ไม่มีตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 นั้นสามารถพัฒนานักเรียนได้จริง มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
4. ครูผู้สอน และผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อทักษะการอ่านและการเขียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนด้วยรูปแบบการสอน BE3L ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการอ่านและการเขียนคำที่ไม่มีตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 20 คน มีค่า = 4.68 เมื่อเทียบกับค่าคะแนนมาตราส่วนประมาณค่าแล้ว มีความพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
5. คะแนนก่อนและหลังการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนด้วยแบบทดสอบทักษะการอ่านและการเขียน หลังการใช้รูปแบบการสอน BE3L ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการอ่านและการเขียนคำที่ไม่มีตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปรากฏว่าคะแนนหลังการพัฒนามากกว่าก่อนพัฒนา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอน BE3L ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ส่งเสริมการอ่านและการเขียนคำที่ไม่มีตัวสะกด
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่สามารถนำไปพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนได้ดีและมีประสิทธิภาพจนสามารถทำให้การพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนมีค่าคะแนนพัฒนาเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.90