ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

รายงานผลการวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22105 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนภูเขียว

รายงานวิจัยในชั้นเรียน

ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เอกสารประกอบการเรียนรู้ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22105 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนภูเขียว

ชื่อผู้วิจัย นางขนิษฐา นกแก้ว ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ

รายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ระดับชั้น ม.2/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568

1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

จากผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ที่ผ่านมาพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของนักเรียนโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับ ดี ข้าพเจ้าจึงมีความสนใจในการศึกษาและจัดทำงานวิจัย เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที 2/3 จำนวน 36 คน รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 รหัสวิชา ว22105 เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มาประยุกต์ใช้ร่วมกับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ระยะเวลา 21 ชั่วโมง หากการวิจัยในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายจะส่งผลให้นักเรียน คือ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ ที่สูงขึ้น และส่งผลต่อผู้ทำวิจัย คือ ได้นำไปปรับใช้พัฒนาต่อยอดในรุ่นต่อ ๆ ไป จึงทำให้เกิดงานวิจัยนี้

2. วัตถุประสงค์ของการวิจัย

2.1 เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22105 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนภูเขียว

2.2 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ก่อนและหลังใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22105 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนภูเขียว

3. ขอบเขตของการวิจัย

3.1 กลุ่มเป้าหมาย

- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนภูเขียว อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 36 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจงจำนวน 1 ห้องเรียน

3.2 ตัวแปรต้น คือ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ และตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของนักเรียนก่อนและหลังเรียน โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ ที่สูงขึ้น

3.3 เนื้อหา/รายวิชาที่นักเรียนต้องได้รับการแก้ไข

- สาระการเรียนรู้ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้น ม.2

- มาตรฐาน ว1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์ และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์

- ตัวชี้วัด 1. ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะที่เกี่ยวข้องในระบบหายใจ (K)

2. อธิบายกลไกการหายใจเข้าและออก โดยใช้แบบจำลอง รวมทั้งอธิบายกระบวนการ

แลกเปลี่ยนแก๊ส (K)

3. ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหายใจโดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษา

อวัยวะในระบบหายใจให้ทำงานเป็นปกต (P)

4. ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบขับถ่ายในการกำจัดของเสีย

ทางไต (K)

5. ตระหนักถึงความสำคัญของระบบขับถ่ายในการกำจัดของเสียทางไต โดยการบอก

แนวทางในการปฏิบัติตนที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำหน้าที่ได้อย่างปกติ (P)

6. บรรยายโครงสร้างและหน้าที่ของหัวใจ หลอดเลือด และเลือด (K)

7. อธิบายการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดโดยใช้แบบจำลอง (P)

8. ออกแบบการทดลองและทดลอง ในการเปรียบเทียบอัตราการเต้นของหัวใจ

ขณะปกติและหลังทำกิจกรรม (A)

9. ตระหนักถึงความสำคัญของระบบหมุนเวียนเลือดโดยการบอกแนวทางในการดูแล

รักษาอวัยวะในระบบหมุนเวียนเลือดให้ทำงานเป็นปกติ (P)

10. ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาทส่วนกลางในการควบคุม

การทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย (K)

11. ตระหนักถึงความสำคัญของระบบประสาทโดยการบอกแนวทางในการดูแลรักษา

รวมถึงการป้องกันการกระทบกระเทือนและอันตรายต่อสมองและไขสันหลัง (P)

12. ระบุอวัยวะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ของเพศชายและเพศหญิง

โดยใช้แบบจำลอง (P)

13. อธิบายผลของฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิงที่ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว (K)

14. ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว โดยการดูแลรักษา

ร่างกายและจิตใจของตนเองในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง (P)

15. อธิบายการตกไข่การมีประจำเดือน การปฏิสนธิและการพัฒนาของไซโกต จนคลอด

เป็นทารก (P)

16. เลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำหนด (K)

17. ตระหนักถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร โดยการประพฤติตน

ให้เหมาะสม (A)

3.4 ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการแก้ไขปัญหา/พัฒนาผู้เรียน

ทดลองในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 ใช้เวลาในการทดลอง 21 ชั่วโมง

4. นวัตกรรมที่นำมาใช้แก้ปัญหา/พัฒนาผู้เรียน

- ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ ใช้แก้ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

- แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ จำนวน 9 แผน

5. วิธีดำเนินการวิจัย

5.1 กลุ่มเป้าหมาย

- นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนภูเขียว อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 36 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจงจำนวน 1 ห้องเรียน

5.2 เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้

- แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ จำนวน 9 แผน แผนละ 2-3 ชั่วโมง รวมจำนวน

21 ชั่วโมง

5.3 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล

- แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ก่อนเรียน (Pre-test) และ หลังเรียน

(Posttest) เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น

5.4 การวิเคราะห์ข้อมูล

- ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล โดยวิเคราะห์ค่าสถิตพื้นฐาน ได้แก่

ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ของคะแนนที่ได้จากคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์

6. สรุปผลการวิจัย

ผู้วิจัยได้สรุปผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ ดังนี้ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ว22105 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนภูเขียว สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 คะแนน

ของแบบทดสอบก่อนเรียน มีค่าเฉลี่ย 2.67 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.93 คิดเป็น ร้อยละ 40.33 คะแนนของแบบทดสอบหลังเรียน มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 9.47 จากคะแนนเต็ม 10 ส่วนเบี่ยงเบนเฉลี่ยเท่ากับ 0.65 คิดเป็นร้อยละ 59.67 ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 47.97

7. อภิปรายผล

จากผลการวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้สามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้

7.1 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนได้ฝึกความสามารถในการแก้ปัญหาเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ นักเรียนต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานการณ์นั้น ๆ โดยอาศัยความรู้เดิม เพื่อให้ได้คำตอบของปัญหา ซึ่งผู้แก้ปัญหาจะต้องใช้ความรู้ ความคิด และประสบการณ์เดิม ประมวลเข้ากับสถานการณ์ใหม่ที่กำหนดในปัญหา

7.2 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง ระบบในร่างกายมนุษย์ ช่วยให้นักเรียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ที่สูงขึ้น และสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เพราะนักเรียนมีความรู้ความเข้าใจที่คงทน ทำให้สามารถจดจำได้นาน และนำไปใช้สถานการณ์ใหม่อีกด้วย

8. ข้อเสนอแนะ ประกอบด้วย

8.1 ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้

- การจัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกจากจะช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้นแล้ว

ยังส่งเสริมให้นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น

- การจัดกิจกรรมการเรียนรู้นี้เป็นการสอนที่ยึดนักเรียนเป็นสำคัญ เมื่อให้นักเรียนทำกิจกรรม

ต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ความพร้อม ด้านความรู้พื้นฐานเดิมของนักเรียนแต่ละคน ก่อนการแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม

8.2 ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป

- ควรทดลองใช้กับกลุ่มเป้าหมายหลายห้องเรียน และสร้างนวัตกรรมหลายรูปแบบมาใช้แก้ปัญหา

โพสต์โดย กาเหว่า : [5 พ.ย. 2568 (13:57 น.)]
อ่าน [56966] ไอพี : 184.22.223.63
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 27,382 ครั้ง
ความสำคัญของการศึกษาปฐมวัย
ความสำคัญของการศึกษาปฐมวัย

เปิดอ่าน 7,064 ครั้ง
ผลการสอบไม่สามารถบอกได้ทุกอย่าง
ผลการสอบไม่สามารถบอกได้ทุกอย่าง

เปิดอ่าน 15,281 ครั้ง
"พ่อแม่รังแกฉัน"(ใครกันจะรังแกลูกได้เท่าพ่อแม่)
"พ่อแม่รังแกฉัน"(ใครกันจะรังแกลูกได้เท่าพ่อแม่)

เปิดอ่าน 10,717 ครั้ง
ผลิต ใช้ และพัฒนาครูอย่างไร จึงจะนำไปสู่การเพิ่มคุณภาพผู้เรียน
ผลิต ใช้ และพัฒนาครูอย่างไร จึงจะนำไปสู่การเพิ่มคุณภาพผู้เรียน

เปิดอ่าน 14,969 ครั้ง
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่าด้วยกองทุนสานพลังประชารัฐ:โรงเรียนประชารัฐ พ.ศ.2559
ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่าด้วยกองทุนสานพลังประชารัฐ:โรงเรียนประชารัฐ พ.ศ.2559

เปิดอ่าน 15,842 ครั้ง
โกรธบ่อยโรคเพียบแน่ สุขภาพแย่ชัวร์ !
โกรธบ่อยโรคเพียบแน่ สุขภาพแย่ชัวร์ !

เปิดอ่าน 30,859 ครั้ง
Nanmeebooks Reading Club ปีที่ 9
Nanmeebooks Reading Club ปีที่ 9

เปิดอ่าน 26,687 ครั้ง
ความหมายของตัวเลขบนตั๋วรถเมล์
ความหมายของตัวเลขบนตั๋วรถเมล์

เปิดอ่าน 11,266 ครั้ง
7 วิธี เอาชนะริ้วรอย
7 วิธี เอาชนะริ้วรอย

เปิดอ่าน 11,696 ครั้ง
วิธีแต่งหน้าใส ๆ สวยสบายผิวหน้า
วิธีแต่งหน้าใส ๆ สวยสบายผิวหน้า

เปิดอ่าน 38,586 ครั้ง
กินแอปเปิ้ล ลดไข้
กินแอปเปิ้ล ลดไข้

เปิดอ่าน 13,366 ครั้ง
ลูกหมาเดินวนกินนม แบบกังหัน น่ารักมากครับ
ลูกหมาเดินวนกินนม แบบกังหัน น่ารักมากครับ

เปิดอ่าน 917 ครั้ง
เลือกปิ่นโตญี่ปุ่นอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน !
เลือกปิ่นโตญี่ปุ่นอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน !

เปิดอ่าน 8,572 ครั้ง
Single Gateway กับสังคมไทย "เมื่อกล่องแพนดอร่าเปิดแล้ว"
Single Gateway กับสังคมไทย "เมื่อกล่องแพนดอร่าเปิดแล้ว"

เปิดอ่าน 83,530 ครั้ง
วิธีการสอนนกแก้ว นกขุนทองพูด
วิธีการสอนนกแก้ว นกขุนทองพูด

เปิดอ่าน 122,395 ครั้ง
อย่างเทพ! มาดูคลิปที่ใครดูต้องอมยิ้ม เมื่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นเตรียมตัวไปโรงเรียนให้ลูกตอนเช้า
อย่างเทพ! มาดูคลิปที่ใครดูต้องอมยิ้ม เมื่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นเตรียมตัวไปโรงเรียนให้ลูกตอนเช้า
เปิดอ่าน 2,061 ครั้ง
ต้นไม้สำหรับวางบนโต๊ะทำงาน ช่วยให้สดชื่นและมีพลังในการทำงาน
ต้นไม้สำหรับวางบนโต๊ะทำงาน ช่วยให้สดชื่นและมีพลังในการทำงาน
เปิดอ่าน 28,202 ครั้ง
เรื่องของเหรียญบาท
เรื่องของเหรียญบาท
เปิดอ่าน 10,604 ครั้ง
"นิทานก่อนนอน"กิจกรรมยามดึกที่หนูๆชื่นชอบ
"นิทานก่อนนอน"กิจกรรมยามดึกที่หนูๆชื่นชอบ
เปิดอ่าน 18,465 ครั้ง
ร่ม ประโยชน์ที่มากกว่าการกันฝน
ร่ม ประโยชน์ที่มากกว่าการกันฝน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ