ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาความสามารถในการแต่งบทร้อยกรองประเภทกาพย์ฉบัง๑๖ โดยใช้ชุดกิจกรรมเสริมสร้างความสามารถในการแต่งบทร้อยกรองประเภทกาพย์ฉบัง๑๖กับการเรียนรู้แบบBackward Design ในรายวิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยม

รายงานการวิจัยในชั้นเรียน

ชื่อเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการแต่งบทร้อยกรองประเภทกาพย์ฉบัง๑๖ โดยใช้ชุดกิจกรรมเสริมสร้างความสามารถในการแต่งบทร้อยกรองประเภทกาพย์ฉบัง๑๖กับการเรียนรู้แบบBackward Design ในรายวิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา๒๕๖๔ โรงเรียนหนองสังข์วิทยายน

ชื่อผู้วิจัย นางสาวไพลิน แสงการ

สอนวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

การสอนภาษาไทยให้บรรลุวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องฝึกทักษะต่าง ๆ ให้สัมพันธ์กันทั้งการรับเข้ามา คือ การอ่านและการฟังกับทักษะการถ่ายทอดออกไป คือ การพูดและการเขียน ในด้านการเขียน ถือเป็นทักษะที่ยุ่งยากซับซ้อนและเป็นทักษะถ่ายทอดที่สำคัญต่อการสื่อสารอย่างยิ่ง

จากข้อมูลสภาพปัญหา ความสำคัญ และหลักการดังกล่าว ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวครูผู้สอน ควรจะมีการศึกษาหาวิธีปรับปรุงพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพ ให้ทั้งความรู้ทักษะการคิด ความสนุกสนานเพลิดเพลินไปพร้อม ๆ กัน มีเทคนิคการสอนที่หลากหลาย ทำให้เกิดการเรียนรู้ เกิดความแม่นยำ จดจำง่าย และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง จัดระบบเชื่อมโยงความคิดต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

ผู้รายงานได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยพร้อมทั้งวัดและประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๓ โรงเรียนหนองสังข์วิทยายน พบว่าในปีการศึกษา ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา นักเรียนมีปัญหาทางด้านทักษะกระบวนการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนต่ำและการที่นักเรียนขาดการพัฒนาด้านทักษะกระบวนการยังมีผลกระทบต่อไปในการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นอีกด้วย

ผู้รายงานได้คิดหาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว จึงได้ศึกษาหานวัตกรรมทั้งเก่าและใหม่นำมาแก้ปัญหา จึงพบว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเรื่อง การแต่งกาพย์ฉบัง๑๖ โดยใช้วิธีการสอนBackward Design ทำให้สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ผู้รายงานจึงได้ศึกษาแนวคิด ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแบบฝึกทักษะเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนและพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

๑. เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๓ จำนวน ๑๒ คน

๒. เพื่อพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนเรื่อง การแต่งกาพย์ฉบัง๑๖ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐

ขอบเขตของการวิจัย

๑. ประชากร ที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๓ จำนวน ๑๒ คน โรงเรียนหนองสังข์วิทยายน อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ภาคเรียนที่๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จำนวน ๑๒ คน

๒. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๓ จำนวน ๑๒ โรงเรียนหนองสังข์วิทยายน อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ ซึ่งได้มาโดยการเลือกสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling)

๓. ระยะเวลาในการศึกษา ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา คือ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จำนวน ๑๐ ชั่วโมง ทั้งนี้ไม่รวมเวลาที่ใช้ในการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน

๔. เนื้อหาที่ใช้ในการศึกษา เนื้อหาที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ เรื่อง การแต่งกาพย์ฉบัง ๑๖ โดยใช้วิธีการสอน Backward Design จำนวน ๘ แบบฝึก

วิธีดำเนินการวิจัย

๑. ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๓ โรงเรียนหนองสังข์วิทยายน ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จำนวน ๑๒ คน

ตัวแปรที่ศึกษา

- ตัวแปรต้น ได้แก่ ชุดแบบฝึกการแต่งกาพย์ฉบัง๑๖ โดยใช้วิธีการสอนแบบBackward Design กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๓

- ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๓

๒. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย/นวัตกรรม

๑.แบบทดสอบวัดความสามารถในการเรียน

๒.แบบฝึกการแต่งกาพย์ฉบัง๑๖

๓. การเก็บรวบรวมข้อมูล

๑.ทดสอบก่อนเรียนโดยใช้แบบทดสอบวัดความสามารถในการเรียนทดลองใช้ชุดแบบฝึกการแต่งกาพย์ฉบัง๑๖ จำนวน ๘ ครั้ง ครั้งละ ๔๐ นาที เป็นเวลา ๔ สัปดาห์

๒.ทดสอบหลังเรียนโดยใช้แบบทดสอบวัดความสามารถในการเรียนเรื่อง การแต่งกาพย์ฉบัง๑๖ โดยใช้วิธีการสอนแบบBackward Design

๔. การวิเคราะห์ข้อมูล/สถิติที่ใช้ในการวิจัย

วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างในการใช้ชุดแบบฝึกการแต่งกาพย์ฉบัง๑๖ โดยใช้วิธีการสอนฺBackward Design โดยสถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย (Mean) และ ร้อยละ (Percentage)

ผลการวิจัย

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นของนักเรียน โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ชุดแบบฝึกการแต่งกาพย์ฉบัง๑๖ โดยใช้วิธีการสอนฺBackward Design ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๓ ปฏิบัติตามแบบฝึก ๘ แบบฝึก จำนวน ๑๒ คน ปรากฏผลคือ คะแนนหลังทดลองใช้แบบฝึกเท่ากับ ๑๖๐ คะแนน เฉลี่ยหลังใช้แบบฝึกเท่ากับ ๑๓.๓๓ คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๘๙ ดังนั้นนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ๘.๕ แสดงให้เห็นว่า หลังจากทดลองใช้ชุดแบบฝึกการแต่งกาพย์ฉบัง๑๖ โดยใช้วิธีการสอนแบบBackward Design นักเรียนพัฒนาความสามารถในการเรียนสูงขึ้นกว่าเดิม

อภิปรายผลวิจัย

จากการที่นักเรียนได้รับการฝึกกิจกรรมการเรียน โดยใช้วิธีการสอน แบบBackward Design รวมทั้งสิ้น ๘ ครั้ง เป็น ครั้งละ ๔๐ นาที พบว่า นักเรียนจำนวน ๑๒ คน อยู่ในเกณฑ์การประเมินที่น่าพอใจ โดยมีคะแนนเฉลี่ย จากร้อยละ ๓๒.๒๒ เพิ่มขึ้นเป็น คะแนนเฉลี่ยร้อยละ ๘๘.๘๙ ทั้งนี้เป็นเพราะว่านักเรียนได้รับการเรียนรู้เป็นรายบุคคล อย่างต่อเนื่อง โดยมีสื่อการเรียนรู้ที่ตรงกับความต้องการความสนใจของนักเรียนการใช้ชุดแบบฝึกการแต่งกาพย์ฉบัง ๑๖ หลังจากได้ทดลองใช้ชุดแบบฝึกการแต่งกาพย์ฉบัง๑๖ โดยใช้วิธีการสอนแบบBackward Design ทำให้ได้รับการพัฒนาการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๓ ให้ดีขึ้น

ข้อเสนอแนะ

๑.นักเรียนควรได้รับการส่งเสริม หรือได้รับการพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

๒.นักเรียนที่มีข้อบกพร่อง หรือความก้าวหน้าช้าต้องให้เวลาการฝึกเพิ่มขึ้น

๓.นำแนวทางในการพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ ไปใช้กับสภาพปัญหาอื่น ๆที่คล้ายกัน

โพสต์โดย ครูเดียว : [11 พ.ค. 2565 เวลา 12:58 น.]
อ่าน [2443] ไอพี : 27.145.208.108
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 15,535 ครั้ง
ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะจักรวาลที่มีลักษณะเหมือนโลก
ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะจักรวาลที่มีลักษณะเหมือนโลก

เปิดอ่าน 11,298 ครั้ง
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม

เปิดอ่าน 8,919 ครั้ง
องค์กรของคุณใช้เครื่องมืออัตโนมัติด้านไอทีที่เหมาะสมหรือไม่
องค์กรของคุณใช้เครื่องมืออัตโนมัติด้านไอทีที่เหมาะสมหรือไม่

เปิดอ่าน 15,768 ครั้ง
การปรับชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษ
การปรับชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษ

เปิดอ่าน 52,521 ครั้ง
ที่มาของ "กรุงเทพมหานคร" และ "บางกอก"
ที่มาของ "กรุงเทพมหานคร" และ "บางกอก"

เปิดอ่าน 7,885 ครั้ง
เล่นหมากล้อม สามารถพัฒนาผลการเรียนคณิตศาสตร์ได้!
เล่นหมากล้อม สามารถพัฒนาผลการเรียนคณิตศาสตร์ได้!

เปิดอ่าน 16,092 ครั้ง
รวมผักกินยากแสนอร่อยแต่เปี่ยมคุณค่า
รวมผักกินยากแสนอร่อยแต่เปี่ยมคุณค่า

เปิดอ่าน 10,030 ครั้ง
สีแดงกับสมอง ความเชื่อมโยงอันน่าอัศจรรย์ที่คุณไม่เคยรู้
สีแดงกับสมอง ความเชื่อมโยงอันน่าอัศจรรย์ที่คุณไม่เคยรู้

เปิดอ่าน 20,120 ครั้ง
แรงบันดาลใจ ถ่ายรูปให้ลูกมุมเดิม 14 ปี ตั้งแต่เด็กจนโต ชมคลิป
แรงบันดาลใจ ถ่ายรูปให้ลูกมุมเดิม 14 ปี ตั้งแต่เด็กจนโต ชมคลิป

เปิดอ่าน 17,165 ครั้ง
กินอาหารจากไมโครเวฟบ่อย ๆ อันตรายไหมนะ?
กินอาหารจากไมโครเวฟบ่อย ๆ อันตรายไหมนะ?

เปิดอ่าน 14,875 ครั้ง
ลายมือคนใจมีเมตตาธรรม
ลายมือคนใจมีเมตตาธรรม

เปิดอ่าน 118,506 ครั้ง
เอกสารประกอบการอบรมการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC
เอกสารประกอบการอบรมการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC

เปิดอ่าน 28,483 ครั้ง
บทบาทของสื่อมัลติมีเดีย
บทบาทของสื่อมัลติมีเดีย

เปิดอ่าน 56,894 ครั้ง
ระบบการสอนของเคมพ์ (Jerrold/Kemp)
ระบบการสอนของเคมพ์ (Jerrold/Kemp)

เปิดอ่าน 10,137 ครั้ง
การดูแลสุขภาพหน้าฝน ทำได้ง่ายๆ
การดูแลสุขภาพหน้าฝน ทำได้ง่ายๆ

เปิดอ่าน 24,434 ครั้ง
ปลูกข่าข้างบ่อปลา สร้างรายได้ถึง 400,000 บาท/ไร่
ปลูกข่าข้างบ่อปลา สร้างรายได้ถึง 400,000 บาท/ไร่
เปิดอ่าน 10,233 ครั้ง
อะโวคาโด
อะโวคาโด
เปิดอ่าน 50,563 ครั้ง
jobsDB แนะ 7 แนวทางการรักษาคนเก่ง ดึงดูดคนที่ใช่ ให้อยู่ในองค์กร
jobsDB แนะ 7 แนวทางการรักษาคนเก่ง ดึงดูดคนที่ใช่ ให้อยู่ในองค์กร
เปิดอ่าน 31,432 ครั้ง
พระวิษณุ(พระนารายณ์)
พระวิษณุ(พระนารายณ์)
เปิดอ่าน 9,995 ครั้ง
จัดสวนสวย..เสริมฮวงจุ้ยบ้าน
จัดสวนสวย..เสริมฮวงจุ้ยบ้าน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ