3. กระบวนการหรือขั้นตอนการดำเนินงาน
3.1 การออกแบบผลงาน/นวัตกรรม
ผู้อำนวยการสถานศึกษาและครูได้ระดมความคิด ออกแบบนวัตกรรม ได้รูปแบบการบริหารชั้นเรียนคุณภาพเชิงรุก เพื่อส่งเสริมการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยโรงเรียนบ้านดอนแก้วด้วย CACIP DONKAEW MODEL
C = Change หมายถึง ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงสู่ห้องเรียน
ครูนำการเปลี่ยนแปลงสู่ห้องเรียนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ให้ความสำคัญกับการจัดทำและปรับปรุงหลักสูตรระดับปฐมวัยให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง การออกแบบการจัดการเรียนรู้อิงมาตรฐาน การใช้ ICT ช่วยในการจัดการเรียนการสอน การดูแลช่วยเหลือนักเรียนเน้นวินัยเชิงบวก และการวิจัยในชั้นเรียนเพื่อแก้ปัญหาและยกระดับคุณภาพผู้เรียน และให้ความสำคัญในเรื่องรอยเชื่อมต่อทางการศึกษาจากชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษา เป็นการสร้างพื้นฐานความรู้ให้กับผู้เรียน ซึ่งจะมีส่วนช่วยครูผู้สอนระดับชั้นประถมศึกษาปี่ที่ 1 ต่อยอดความรู้ได้เป็นอย่างมาก สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครอง ส่งผลให้ผู้เรียนเรียนรู้ในระดับชั้นประถมศึกษา อย่างมีความสุข มีระดับผลสัมฤทธิ์ตรงตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
A = Activity หมายถึง การออกแบบการจัดการเรียนรู้/การจัดการชั้นเรียน
ครูจัดประสบการณ์โดยใช้กระบวนการ Active Learning และใช้กระบวนการตามแนวทางของการจัดกิจกรรมบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย และการเรียนรู้แบบโครงงานโดยเน้นกระบวนการในการปฏิบัติ เพื่อช่วยให้เด็กสามารถ เชื่อมโยงความรู้ หรือสร้างความรู้ให้เกิดขึ้นในตนเอง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านสื่อหรือกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีครูเป็นผู้แนะนำ กระตุ้น หรืออำนวยความสะดวก ให้เด็กเกิดการเรียนรู้ขึ้น เปิดโอกาส ให้เด็กมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ สร้างองค์ความรู้และจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองมีการสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ร่วมมือกันมากกว่าการแข่งขัน เด็กเรียนรู้ความรับผิดชอบร่วมกัน การมีวินัย ในการทำงาน และการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ซึ่งกิจกรรมที่ครูใช้เหล่านี้เป็นกิจกรรมที่สะท้อน ความ ต้องการในการพัฒนาเด็กและเน้นการนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงของเด็ก ส่งผลให้เด็กเกิดการเรียนรู้ อย่างมีความสุข และเกิดแรงบันดาลใจอยากเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระบวนการดังที่ได้กล่าวมา จะสอดแทรกอยู่ในการจัดกิจกรรมทั้ง 20 หน่วย ครูส่งเสริมผู้เรียนโดยการปฏิบัติกิจกรรมผ่านมุมประสบการณ์ที่ได้เตรียมไว้เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความคิดใหม่ๆ การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ การใช้เกมส์การศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมตามโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย เป็นต้น
C = Classroom Action research หมายถึง การจัดทำวิจัยชั้นเรียนเพื่อแก้ปัญหา
ครูใช้วิธีการสังเกต การศึกษาสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นจริงของห้องเรียน เมื่อพบปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการจัดประสบการณ์ให้กับผู้เรียน จึงนำมาทำวิจัยในชั้นเรียน ซึ่งช่วยให้ครูสามารถค้นพบว่ามีอะไรเกิดขึ้นในห้องเรียนบ้างจะแก้ไขด้วยกระบวนการใด ที่จะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน และยังช่วยให้ครูทราบข้อมูลที่จะนำไปใช้เพื่อการพัฒนาการเรียนการสอน และทิศทางในการพัฒนาตนเองที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต เช่น 1. เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ 2. เพื่อพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน 3. เพื่อการพัฒนา ปรับปรุงหลักสูตร และนวัตกรรม 4. เพื่อพัฒนา ปรับปรุงเทคนิคการวัดและประเมินผล 5. เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการสอนของครู 6. เพื่อพัฒนาเทคนิคการเรียนการสอน อีกทั้งยังสามารถนำปัญหานั้นมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุ และเลือกใช้กระบวนการต่างๆในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้ตรงตามเป้าหมาย ในการนี้จะขอยกตัวอย่าง รายงานการวิจัยชั้นเรียนของคุณครูเรื่อง การเล่นเกมส์การศึกษาประกอบภาพเพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนบ้านดอนแก้ว เพื่อพัฒนาด้านสติปัญญาของผู้เรียนโดยมุ่งเน้นให้มีทักษะการคิดวิเคราะห์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเองอย่าเหมาะสม โดยการเปรียบเทียบทักษะการคิดวิเคราะห์ 5 ด้าน คือ ด้านการสังเกต ด้านการจำแนก ด้านการเปรียบเทียบ ด้านการคาดคะเน และด้านการเชื่อมโยง โดยใช้เครื่องมือ คือแบบทดสอบการคิดวิเคราะห์ 5 ด้าน โดยการทดสอบก่อน และหลังทำกิจกรรม และนำผลการทดสอบมาเปรียบเทียบ โดยใช้กลุ่มประชากร คือนักเรียนชั้นอนุบาล 3 จำนวน 12 คน โดยผลการวิจัยสรุปตามตารางผลการทดสอบ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทักษะการคิดวิเคราะห์ได้ดังนี้
ลำดับ ทักษะการคิดวิเคราะห์ ก่อนการทดลอง หลังการทดลอง ร้อยละการเปลี่ยนแปลง
1 ด้านการสังเกต 5.50 7.29 31.45
2 ด้านการจำแนก 5.64 7.64 34.22
3 ด้านการเปรียบเทียบ 6.71 8.43 25.78
4 ด้านการคาดคะเน 5.29 7.29 31.81
5 ด้านการเชื่อมโยง 4.29 6.21 44.99
รวม 27.43 36.93 33.98
ดังจะเห็นได้ว่าโรงเรียนบ้านดอนแก้วส่งเสริมให้ครูผู้สอนให้ความสำคัญกับการจัดทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนอย่างเหมาะสม
I = ICT หมายถึง การนำสื่อเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนรู้
ครูนำสื่อ เทคโนโลยี มาใช้ในการสนับสนุนการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น การส่งเสริมผู้เรียนในด้านคุณธรรมโดยใช้นิทานคุณธรรมจาก You tube เปิดให้เด็กๆ ได้ดูสลับสับเปลี่ยนกับการเล่านิทานโดยคุณครู การใช้ช่องทางติดต่อสื่อสาร ออนไลน์ เพื่อสื่อสารกับผู้ปกครองในการจัดกิจกรรม หรือมอบหมายกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาดต่างๆ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การใช้คลิปการสอนเพิ่มเติม เนื่องด้วยในบางเรื่อง บางกิจกรรม หรือบางเนื้อหาที่ครูผู้สอนไม่มีความถนัด หรือ ต้องการเสริมประสบการณ์ให้กับผู้เรียนเป็นการเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน รวมไปถึงการใช้แหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษา รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ โดยสร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้แสวงหาความรู้อย่างหลากหลาย
P = Positive discipline หมายถึง การสร้างวินัยเชิงบวก
โรงเรียนมีรูปแบบ นวัตกรรมสร้างสรรค์คนดี สร้างเด็กดี มีวินัย ด้วยนวัตกรรม 5 ว โรงเรียนบ้านดอนแก้ว เป็นนวัตกรรมการด้านการบริหารและจัดการ สถาน ศึกษา พัฒนากิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม ด้านความมีวินัยตามคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียน ( มีวินัย ) นำมาเป็นแนวปฏิบัติ และได้เพิ่มเติมรายละเอียดบางประการ เนื่องจากต้องปรับบางกิจกรรมให้เหมาะกับช่วงวัยของผู้เรียนระดับปฐมวัย ซึ่งครูผู้สอนได้ร่วมกันกำหนดเพิ่มเติม ดังนี้
1. จัดทำข้อตกลงในการปฏิบัติตนภายในห้องเรียน
2. เมื่อมีพฤติกรรมที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นศึกษาปัญหาให้ชัดเจน แล้วช่วยกันคิดหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ให้ตรงจุด
3. ครูเป็นแบบอย่างให้กับเด็ก
4. มีความสม่ำเสมอในการปฏิบัติต่อเด็กทุกคนโดยเท่าเทียมกัน มีความยุติธรรม ในการวินิจฉัยปัญหาต่างๆ ด้วยเหตุผลหลักการ
5. ปรับเปลี่ยนเทคนิค ในการจัดการเรื่องวินัยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ของแต่ละวัย เพราะเด็กแต่ละวัยมีความแตกต่างกัน เทคนิคเดิมที่เคยใช้มาแล้ว อาจจะใช้ไม่ได้ ในอีกวัยหนึ่ง
6. ให้เด็กรู้แผนงานในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ เพื่อเด็กจะได้รู้สึกมั่นคง เพราะได้รู้ว่าจะต้องทำกิจกรรมอะไรบ้างในวันนั้น สัปดาห์นั้น ช่วยให้ได้เตรียมตัวเตรียมใจ รู้ควบคุมตนเองในการเข้าไปร่วมมือทำกิจกรรมต่างๆ ตามแผนงานที่กำหนด
7. เมื่อมีพฤติกรรมต่างๆ เกิดขึ้นที่เรียกร้องความสนใจจากครูตลอดเวลา ครูอาจจะต้องใช้วิธีการเมินเฉยไม่สนใจ ถ้าครูทราบว่าพฤติกรรมนั้นไม่มีอันตรายใดๆ บางครั้งก็ช่วยหยุดพฤติกรรมนั้นๆ ได้ ในทำนองเดียวกัน ถ้ามีพฤติกรรมอะไรที่ครูคิดว่าเป็นอันตรายต่อเด็ก ต่อบุคคลอื่น ก็ต้องเข้าไปจัดการทันที หยุดพฤติกรรมนั้น เมื่อเด็กสงบแล้วจึงพูดด้วย สอบถามสาเหตุ และช่วยกันคิดหาแนวทาง ในการแก้ปัญหานั้นๆ
8. สิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยการจัดการกับวินัยได้ สภาพแวดล้อมภายในห้องที่อบอุ่น เต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จะช่วยทำให้เด็กมีจิตที่สงบ ทำงานต่างๆ ผ่านไปด้วยดี
๙. มีมุมเด็กดีให้เด็กได้มีเวลาไปนั่งสงบจิตสงบใจ เมื่อเกิดอารมณ์เสีย ไม่พอใจ หรือเป็นต้นเหตุทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในห้อง โดยมุมนี้ ไม่ใช่มุมทำโทษแต่เป็นมุมที่จะให้เด็กเข้าไปนั่งทำใจให้สงบ โดยไม่มีใครเข้าไปรบกวนสมาธิ