ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ เทค

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้รูปแบบการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ เทคนิค STAD เรื่อง เศษส่วน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

เรื่องเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยให้ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของผู้เรียนทั้งหมดมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป

กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนเทศบาลวัด-เนินสุทธาวาส (สุทธิพงษ์ประชานุกูล) สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองชลบุรี อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 24 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง

ปฏิบัติการได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 22 แผน 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติ ได้แก่ แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการสอนของครู แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการเรียนของผู้เรียน บันทึกผลหลังการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสัมภาษณ์ผู้เรียน ใบกิจกรรมและแบบฝึกทักษะ แบบทดสอบท้ายวงจรปฏิบัติการ

3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง เศษส่วน รูปแบบการวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ มีวงจรปฏิบัติการ 4 วงจร

การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และสรุปความเรียง

ผลการวิจัยพบว่า

1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบ

การสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ เทคนิค STAD เรื่องเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งมีขั้นตอนการจัดกิจกรรมดังนี้

1.1 การนำเสนอบทเรียนต่อทั้งชั้น มี 3 ขั้น ได้แก่

1) ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน –ขั้นนี้ครูจะจัดนักเรียนเข้ากลุ่ม เตรียมความพร้อมของนักเรียน โดยครูจะแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ ทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน เพื่อเตรียมความพร้อม และเร้าความสนใจของผู้เรียน ครูจะใช้กิจกรรม เช่น เกม การใช้การถาม ตอบ เพื่อทบทวนความรู้เดิมที่จำเป็นสำหรับเนื้อหาใหม่

2) ขั้นสอน เป็นขั้นที่นักเรียนได้ปฏิบัติกิจกรรม ครูจะใช้เทคนิค

ที่หลากหลาย เพื่อท้าทายให้ผู้เรียนสนใจ และอยากรู้อยากเห็น ครูนำเสนอเหตุการณ์ที่เป็นปัญหาโดยใช้สื่อที่เป็นรูปธรรมหรือกึ่งรูปธรรมจนผู้เรียนสามารถสรุปมโนมติของเนื้อหาได้ จึงนำเสนอเนื้อหาในรูปประโยคสัญลักษณ์ โดยเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน การฝึกทักษะที่หลากลาย

3) -ขั้นสรุป เป็นการสรุปเนื้อหา กระบวนการคิด กระบวนการ

แก้ปัญหาโดยนักเรียนมีการอภิปราย และเป็นผู้สรุปบทเรียนด้วยตนเอง

1.2 การศึกษากลุ่มย่อย เป็นการพัฒนาทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์

ผู้เรียนจะเข้ากลุ่มทำกิจกรรมร่วมกัน โดยการศึกษาใบความรู้ แล้วหาแนวทางในการแก้ปัญหาโดยผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ การคิด การแก้ปัญหา อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นวิธี

ที่ได้มาซึ่งคำตอบ มีการตรวจทานคำตอบร่วมกันโดยสมาชิกในกลุ่มสามารถอธิบาย ปรึกษาหารือ ช่วยเหลือเกื้อกูลให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มได้เรียนรู้จนมีความเข้าใจ

1.3 การทดสอบย่อย เป็นการประเมินความเข้าใจบทเรียนโดยการให้นักเรียนทำแบบทดสอบท้ายวงจรปฏิบัติการ เป็นรายบุคคล โดยที่ไม่มีการช่วยเหลือกัน

1.4 การคิดคะแนนความก้าวหน้า การคิดคะแนนความก้าวหน้า เป็นการหาผลต่างระหว่างคะแนนฐานกับคะแนนที่ทำแบบทดสอบท้ายวงจร แล้วนำไปเทียบกับคะแนนความก้าวหน้าเป็นรายบุคคลที่กำหนดไว้ นำคะแนนความก้าวหน้ารายบุคคลมาเป็นคะแนนกลุ่ม แล้วหาความก้าวหน้าเฉลี่ยของกลุ่ม

1.5 ทีมที่ได้รับการยกย่อง เป็นการนำคะแนนความก้าวหน้าของกลุ่มมาเทียบ

กับเกณฑ์ที่กำหนดไว้

ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ เทคนิค

STAD ทำให้ผู้เรียนเกิดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ได้แก่ ทักษะการทำงานเป็นทีม การช่วยเหลือ

ซึ่งกันและกัน ความสามัคคี ความรับผิดชอบ กล้าแสดงออก และมีความมั่นใจในตนเอง

2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 73.47 และมีนักเรียนจำนวน

ร้อยละ 75.00 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดได้คะแนนตั้งแต่ร้อยละ 70 ขึ้นไป

โพสต์โดย ครูเกดใจดีมาก : [22 ม.ค. 2559 เวลา 15:25 น.]
อ่าน [4599] ไอพี : 1.47.10.85
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 11,420 ครั้ง
ทำตัวเตี้ย เทรนด์ฮา จากเกาหลี บอกเลยกำลังฮิตสุดๆ
ทำตัวเตี้ย เทรนด์ฮา จากเกาหลี บอกเลยกำลังฮิตสุดๆ

เปิดอ่าน 225,737 ครั้ง
Adjectives ( คำคุณศัพท์ ) Types (ชนิดของคุณศัพท์)
Adjectives ( คำคุณศัพท์ ) Types (ชนิดของคุณศัพท์)

เปิดอ่าน 34,686 ครั้ง
“ไมโครกรีน” ผักจิ๋ว แต่คุณประโยชน์สูง...ทางเลือกใหม่ของผู้รักสุขภาพ “ทานน้อยแต่ได้ประโยชน์มาก”
“ไมโครกรีน” ผักจิ๋ว แต่คุณประโยชน์สูง...ทางเลือกใหม่ของผู้รักสุขภาพ “ทานน้อยแต่ได้ประโยชน์มาก”

เปิดอ่าน 23,721 ครั้ง
สรรพคุณทางยาของ "บวบหอม"
สรรพคุณทางยาของ "บวบหอม"

เปิดอ่าน 12,909 ครั้ง
เปลี่ยนผิวหน้าพังให้กลับมาสวยปังกับ 4 การรักษาฝ้าอย่างถูกวิธี
เปลี่ยนผิวหน้าพังให้กลับมาสวยปังกับ 4 การรักษาฝ้าอย่างถูกวิธี

เปิดอ่าน 12,462 ครั้ง
10 เหตุผลที่ทำให้คุณกลายเป็นคนอ้วน
10 เหตุผลที่ทำให้คุณกลายเป็นคนอ้วน

เปิดอ่าน 8,847 ครั้ง
ระวัง! ใช้ Wi-Fi ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ เสี่ยงโดนแฮ็ค
ระวัง! ใช้ Wi-Fi ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ เสี่ยงโดนแฮ็ค

เปิดอ่าน 11,173 ครั้ง
ใช้คอมมากระวัง.. โรควุ้นในตาเสื่อม !!
ใช้คอมมากระวัง.. โรควุ้นในตาเสื่อม !!

เปิดอ่าน 16,256 ครั้ง
เชื่อหรือไม่? ดื่มน้ำวันละ 3ลิตรแล้วหน้าเด็ก
เชื่อหรือไม่? ดื่มน้ำวันละ 3ลิตรแล้วหน้าเด็ก

เปิดอ่าน 29,411 ครั้ง
ประโยชน์ของการเลี้ยงสัตว์
ประโยชน์ของการเลี้ยงสัตว์

เปิดอ่าน 18,655 ครั้ง
เผยวิธีหุงข้าว ที่กินแล้วไม่อ้วน
เผยวิธีหุงข้าว ที่กินแล้วไม่อ้วน

เปิดอ่าน 34,710 ครั้ง
จำนวนตรรกยะ
จำนวนตรรกยะ

เปิดอ่าน 20,302 ครั้ง
ต้นกำเนิดของปลา
ต้นกำเนิดของปลา

เปิดอ่าน 16,071 ครั้ง
ชำยอดอ่อนควบแน่น เคล็ดวิชาปราชญ์ชาวบ้าน
ชำยอดอ่อนควบแน่น เคล็ดวิชาปราชญ์ชาวบ้าน

เปิดอ่าน 26,411 ครั้ง
สำนักวิชาการฯ สพฐ. เปิดให้ดาวน์โหลด "แบบฝึกคิดเลขในใจ"
สำนักวิชาการฯ สพฐ. เปิดให้ดาวน์โหลด "แบบฝึกคิดเลขในใจ"

เปิดอ่าน 113,772 ครั้ง
การทำเทียนหอมกันยุง
การทำเทียนหอมกันยุง
เปิดอ่าน 36,205 ครั้ง
แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 สพฐ.
แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 สพฐ.
เปิดอ่าน 11,766 ครั้ง
5 พฤติกรรมทำร้ายดวงตา
5 พฤติกรรมทำร้ายดวงตา
เปิดอ่าน 33,726 ครั้ง
กินยาแรงเกินไปทำให้เบลอได้
กินยาแรงเกินไปทำให้เบลอได้
เปิดอ่าน 12,408 ครั้ง
สังเกตมะเร็งชนิดต่างๆ ก่อนชีวิตจะเสี่ยง
สังเกตมะเร็งชนิดต่างๆ ก่อนชีวิตจะเสี่ยง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ