ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมความรู้ทั่วไป  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก
เคล็ดลับกินอย่างฉลาด ปราศจากโรค
ความรู้ทั่วไป 15 ก.ค. 2556 เปิดอ่าน : 9,584 ครั้ง
☰แชร์เลย >  
เพิ่มเพื่อน
Advertisement

เคล็ดลับกินอย่างฉลาด ปราศจากโรค
Advertisement

เคล็ดลับกินอย่างฉลาด ปราศจากโรค (สสส.)
โดย ชัชวรรณ ปัญญาพยัตจาติ


...ชายชราทรุดลง หายใจหอบถี่ มือเกร็งจิกหน้าอกคล้ายกับว่าการทำแบบนั้นจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ซึ่งเป็นผลพวงจากโรคหัวใจได้...

ฉากนี้เป็นได้ทั้งเรื่องเล่าในบทละคร และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในนาทีชีวิต ระหว่าง "ความเป็น" กับ "ความตาย" จากปัญหาสุขภาพคนในยุคปัจจุบัน

ซึ่งหากลงไปเจาะลึกถึงปัญหาการเจ็บป่วยทุกวันนี้จะพบว่า โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง ฯลฯ นับเป็นปัญหาสุขภาพของคนไทยอันดับต้น ๆ ที่มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเลือกรับประทานอาหารไม่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ คำถามจึงมีอยู่ว่า แล้วองค์ความรู้ที่สอนกันมาแต่เด็กให้กินอาหารครบ 5 หมู่ ในแต่ละมื้อนั้น เราทุกคนรู้กันดี แต่เป็นความรู้ ที่ "รู้" แล้ว "ไม่ทำ" หรือ "ทำ" แต่ "ไม่ถูกหลัก" กันแน่





เวลาผ่าน พฤติกรรมเปลี่ยน

นพ.ฆนัท ครุธกูล เลขาธิการเครือข่ายคนไทยไร้พุง ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยที่มีสาเหตุจากโภชนาการเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลุ่มคนที่มีปัญหาส่วนใหญ่ คือกลุ่มคนวัยทำงานที่มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย ทั้งจากการการเลือกรับประทานอาหารไม่ระวัง และสถานการณ์พาไป

"ต้องบอกว่า ปัจจุบันคนที่มีน้ำหนักมากหรืออ้วนนี่ ไม่ได้อ้วนเพราะกินจากความหิว แต่กินมากเพราะพฤติกรรม หรือบริบททางสังคมมันพาไป ทั้ง ๆ ที่ไม่หิว อาทิ การกินอาหารว่างระหว่างพักการประชุม หรืองานสัมมนา พอตกเย็นก็ต้องไปงานเลี้ยงของที่ทำงาน ฯลฯ นี่คือสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้คนในยุคปัจจุบัน "กิน" เกินพอดี เมื่อมาประกอบกับกิจกรรมทางกายที่มีการเคลื่อนไหวน้อยลง ทำให้ร่างกายต้องการอาหารน้อยลง แต่รูปแบบของอาหารยังเป็นแบบเดิม ปริมาณอาหารในจานเท่าเดิม ซึ่งให้พลังงานสูง เมื่อร่างกายใช้ไม่หมด ย่อมตกสะสมในร่างกาย กลายเป็นไขมันส่วนเกิน เกิดปัญหาโรคอ้วน และโรคอื่น ๆ ตามมา"

นอกจากนี้ คุณหมอกล่าวเสริมว่า ยังมีกลุ่มที่มีปัญหาเนื่องมาจากน้อยเกินไป ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากในวัยรุ่นที่อยากจะมีหุ่นสวย รูปร่างดีเหมือนนางแบบ เลยไปหาวิธีลดน้ำหนักด้วยวิธีต่าง ๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงปัญหาสุขภาพที่จะตามมา จึงทำให้เกิดภาวะโภชนาการบกพร่องด้วย





องค์ความรู้ ต้อง "รู้" ให้ถูก

คำกล่าวที่ว่า กินผลไม้มาก ๆ นั้นดีต่อสุขภาพ หารู้ไม่ว่า หากกินผิด ๆ กินมากเกินพอดี ก็เป็นโทษแก่ร่างกายได้เหมือนกัน แล้วกินอย่างไรถึงเรียกว่า "พอดี" เลขาธิการเครือข่ายคนไทยไร้พุง ตอบว่า ขึ้นอยู่กับชนิดของผลไม้ และน้ำหนักของแต่ละคน ถ้าน้ำหนักน้อยก็รับประทานได้มาก น้ำหนักมากก็รับประทานได้น้อย

"หลักทั่วไปก็ประมาณ 5-8 คำ ต่อมื้อ ซึ่งไม่ควรกินซ้ำชนิดกันบ่อย ๆ หรือมีรสหวานมาก เพราะการที่กินผลไม้ปริมาณมาก ๆ เป็นครึ่งกิโลหรือหนึ่งกิโล นอกจากจะเป็นปัจจัยที่ทำให้น้ำหนักมากแล้ว ยังทำให้ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้นได้ด้วย อีกทั้งผักหรือผลไม้บางชนิดที่เข้าใจว่า "กินได้" เมื่อเลือกกินไม่ถูก ก็ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินความต้องการ อย่าง มันเทศ ข้าวโพด จัดเป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงาน จึงไม่ควรกินพร้อมกับอาหารมื้อหลักที่ได้คาร์โบไฮเดรตจากข้าวอยู่แล้ว

สำหรับคนที่ชอบกินหวาน แม้จะใช้น้ำตาลเทียมเพื่อให้ความหวานแทนน้ำตาล ก็สามารถใช้ได้ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป เพราะแม้จะใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่ผลในระยะยาวจากการกินน้ำตาลเทียมไปนาน ๆ ยังไม่มีผลที่ชัดเจน ฉะนั้นการใช้น้ำตาลเทียมจึงแค่เป็นทางเลือกเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ พยายามปรับพฤติกรรมการทานอาหารจะดีกว่า เพราะการใช้น้ำตาลเทียมจะยังทำให้มีความรู้สึกติดรสหวานอยู่ ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้เกิดความอยากอาหารมากขึ้น"

โดยหลักในการเลือกรับประทานอาหาร นอกจากองค์ความรู้กินให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้อแล้ว ยังต้องเลือกให้พอเหมาะกับร่างกาย

"ต้องรู้ร่างกายตัวเองก่อนว่า ต้องการพลังงานจากอาหารมากหรือน้อยแค่ไหน การที่จะรู้ว่า "พอดี" หรือไม่ ให้ดูที่รูปร่างของตัวเอง หรือใช้เกณฑ์ดัชนีมวลกายมาเป็นตัวกำหนด เพราะถ้ารูปร่างอ้วนหรือมีดัชนีมวลกายเกินค่ามาตรฐานคือ 18-23 แสดงว่าร่างกายต้องการพลังงานน้อยลง ก็ควรจะรับประทานให้น้อยลง แต่ถ้าน้ำหนักน้อยไป ก็ควรจะต้องกินให้มากขึ้น จัดสัดส่วนของปริมาณอาหารให้เหมาะสม บางคนที่อ้วนมาก เมื่อลดน้ำหนัก แทนที่จะไปลดคาร์โบไฮเดรต กลายเป็นไปลดโปรตีนลง ซึ่งเป็นการลดผิดประเภท ส่งผลให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่พอเพียง อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยหรือเพลียง่าย

การรับประทานที่ถูกต้อง จึงควรแบ่งออกเป็นกลุ่มอาหารที่ให้พลังงานและไม่ให้พลังงาน สารอาหารที่ให้พลังงานตัวหลัก ๆ ก็คือ แป้ง ไขมัน โปรตีน ถ้าน้ำหนักตัวมาก ก็ควรที่จะไปลดพลังงานของแป้ง เลี่ยงไขมัน โดยคงที่ของปริมาณโปรตีนไว้ กินผักให้เพียงพอเพื่อให้ได้เกลือแร่และวิตามิน แต่ถ้าน้ำหนักคงที่ ไม่มากหรือน้อยเกินไป ก็พยายามรักษาปริมาณการกินโดยคงสัดส่วนการกินให้เหมาะสมไว้ เน้นโปรตีน ลดพวกไขมัน แล้วเลือกกินคาร์โบไฮเดรตที่มีเส้นใย เช่น ข้าวซ้อมมือ หรือธัญพืชต่าง ๆ เพื่อทำให้การทำงานของลำไส้ดีขึ้น" คุณหมอกล่าว





อยากสุขภาพดี ต้องปรับพฤติกรรม

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการให้ความรู้เพียงอย่างเดียว โดยมากแล้วยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะคนส่วนใหญ่ "รู้" ว่าอะไรควรทำ แต่ยังทำไม่ได้

นพ.ฆนัท อธิบายว่า เรื่องของการปรับพฤติกรรม ก้าวแรกคือ ต้องมี "ความรู้" ก่อน สองคือสร้าง "ความตระหนัก" ว่า เมื่อกินผิดเข้าไปแล้วจะมีผลอย่างไร ทำให้เกิดความระมัดระวังในการบริโภคอาหารมากยิ่งขึ้น สามคือ "พยายามปรับสิ่งแวดล้อม" เปลี่ยนขนมเค้ก กาแฟ ระหว่างพักประชุม เป็นผลไม้ได้หรือไม่ สุดท้ายคือต้อง "สร้างแรงจูงใจ" ในการปรับพฤติกรรม เพราะหากไม่มีแรงจูงใจในการปรับพฤติกรรม ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ

สำหรับการใช้เกณฑ์หลักการคิดแคลอรี่ในการคุมน้ำหนักก็ไม่ได้ผลเสมอไป เพราะแต่ละคนต้องการพลังงานไม่เหมือนกัน และในคนที่ไม่ออกกำลังกาย ร่างกายก็ต้องการแคลอรี่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ ซึ่งเกณฑ์การคิดแคลอรี่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นค่าเฉลี่ยในอดีตที่กำหนดไว้ในตอนที่คนเรายังมีกิจกรรมให้ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย แต่ปัจจุบันเรามีกิจกรรมลดลง แนวโน้มในอนาคตจึงน่าจะต้องมีการปรับค่าเฉลี่ยแคลอรี่ด้วย

หากการ "กินผิด" คือตัวการสำคัญสาเหตุหนึ่งที่เป็นอันตรายก่อโรค "ความรู้ผิด" ก็คงเป็นปัจจัยเร่งให้ป่วยเร็วขึ้น เมื่อแก้ไขและพร้อมที่จะหันมา "กินดี" ถูกหลัก "ปฏิบัติ" ถูกต้อง การเป็นเจ้าของสุขภาพดีไร้โรคภัยเบียดเบียนก็เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนทำได้

 

 

ขอบคุณที่มาจาก สสส.


Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

"มิเชล โอบามา" สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกา มีวันนี้ได้เพราะความเสียสละของแม่

"มิเชล โอบามา" สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกา มีวันนี้ได้เพราะความเสียสละของแม่
เปิดอ่าน 9,270 ครั้ง
3 กุมภาพันธ์ ... วันทหารผ่านศึก

3 กุมภาพันธ์ ... วันทหารผ่านศึก
เปิดอ่าน 8,873 ครั้ง
อยากได้งาน ตกงานต้องอ่าน? เทคนิคหางานแบบเซียนตัดเซียน

อยากได้งาน ตกงานต้องอ่าน? เทคนิคหางานแบบเซียนตัดเซียน
เปิดอ่าน 9,631 ครั้ง
อึ้ง!! สมุนไพรไทย 2,000 ตำรับ รักษามะเร็งได้จริง เตรียมเผยแพร่ผ่านหมอพื้นบ้านกันต่างชาติขโมยสูตร

อึ้ง!! สมุนไพรไทย 2,000 ตำรับ รักษามะเร็งได้จริง เตรียมเผยแพร่ผ่านหมอพื้นบ้านกันต่างชาติขโมยสูตร
เปิดอ่าน 22,133 ครั้ง
6 หนทางสู่ความร่ำรวยตั้งแต่อายุยังน้อย

6 หนทางสู่ความร่ำรวยตั้งแต่อายุยังน้อย
เปิดอ่าน 16,117 ครั้ง
คนแห่ขอยา "เบญจอำมฤตย์" รักษามะเร็งฟรี ยอดพุ่ง 30 เท่าต่อวัน

คนแห่ขอยา "เบญจอำมฤตย์" รักษามะเร็งฟรี ยอดพุ่ง 30 เท่าต่อวัน
เปิดอ่าน 12,962 ครั้ง
คุณหมอญี่ปุ่นแนะนำ! วิธีสร้างนิสัยการนอนหลับที่ดีเพื่อป้องกันโรคสมองเสื่อม

คุณหมอญี่ปุ่นแนะนำ! วิธีสร้างนิสัยการนอนหลับที่ดีเพื่อป้องกันโรคสมองเสื่อม
เปิดอ่าน 3,677 ครั้ง
ทายใจจากอักษรท้ายชื่อ

ทายใจจากอักษรท้ายชื่อ
เปิดอ่าน 16,478 ครั้ง
ทำไมหนอ ผู้หญิงถึงชอบรองเท้าส้นสูง

ทำไมหนอ ผู้หญิงถึงชอบรองเท้าส้นสูง
เปิดอ่าน 10,306 ครั้ง
อะไรที่กินคลายเครียดได้จริงบ้าง

อะไรที่กินคลายเครียดได้จริงบ้าง
เปิดอ่าน 11,290 ครั้ง
โรคภูมิแพ้ที่กิดจากอาหาร

โรคภูมิแพ้ที่กิดจากอาหาร
เปิดอ่าน 8,791 ครั้ง
การดูแลรักษาตนเองเมื่อเจ็บคอ

การดูแลรักษาตนเองเมื่อเจ็บคอ
เปิดอ่าน 15,063 ครั้ง
ผมสวยด้วยผักสวนครัว

ผมสวยด้วยผักสวนครัว
เปิดอ่าน 19,594 ครั้ง
7 รายชื่อ นวนิยายเข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ 2552

7 รายชื่อ นวนิยายเข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ 2552
เปิดอ่าน 13,829 ครั้ง
ทำความรู้จัก Mosaic กันก่อน

ทำความรู้จัก Mosaic กันก่อน
เปิดอ่าน 11,676 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

4 อาหารสลายพุง
4 อาหารสลายพุง
เปิดอ่าน 11,718 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
เปลี่ยนระบบโทรศัพท์ใหม่ แต่ใช้เบอร์เดิมได้ เริ่ม 1 ก.ย.
เปลี่ยนระบบโทรศัพท์ใหม่ แต่ใช้เบอร์เดิมได้ เริ่ม 1 ก.ย.
เปิดอ่าน 13,697 ☕ คลิกอ่านเลย

8 วิธี กินปลอดภัย ป้องกันอาหารติดคอ
8 วิธี กินปลอดภัย ป้องกันอาหารติดคอ
เปิดอ่าน 2,185 ☕ คลิกอ่านเลย

ชวน สวดมนต์ข้ามปี รับ ปีใหม่ 2553
ชวน สวดมนต์ข้ามปี รับ ปีใหม่ 2553
เปิดอ่าน 13,578 ☕ คลิกอ่านเลย

ความหมายดีๆ ของการตกแต่งต้นคริสต์มาส?
ความหมายดีๆ ของการตกแต่งต้นคริสต์มาส?
เปิดอ่าน 1,923 ☕ คลิกอ่านเลย

วิธีการทดสอบน้ำผึ้งแท้หรือปลอม
วิธีการทดสอบน้ำผึ้งแท้หรือปลอม
เปิดอ่าน 63,805 ☕ คลิกอ่านเลย

จ้ำม่ำอย่างไร? ลูกถึงแข็งแรง
จ้ำม่ำอย่างไร? ลูกถึงแข็งแรง
เปิดอ่าน 11,956 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

สามเณรน้อย ท่องบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตรคล่องมาก ทึ่งสวดมนต์ตั้งแต่ยังอ่านไม่ออก
สามเณรน้อย ท่องบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตรคล่องมาก ทึ่งสวดมนต์ตั้งแต่ยังอ่านไม่ออก
เปิดอ่าน 9,362 ครั้ง

เตือนภัยมัลแวร์อาจโจมตีเว็บไซต์ได้
เตือนภัยมัลแวร์อาจโจมตีเว็บไซต์ได้
เปิดอ่าน 10,754 ครั้ง

ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 6 ผู้ตัดสินที่ 2 (THE SECOND REFEREE)
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 6 ผู้ตัดสินที่ 2 (THE SECOND REFEREE)
เปิดอ่าน 28,301 ครั้ง

ทำไมต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญตรวจรับบ้าน?
ทำไมต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญตรวจรับบ้าน?
เปิดอ่าน 39,708 ครั้ง

ติดพนันเสียคนตอนแก่เนื่องมาจากเป็นเพราะสมองเสื่อมโทรม
ติดพนันเสียคนตอนแก่เนื่องมาจากเป็นเพราะสมองเสื่อมโทรม
เปิดอ่าน 15,004 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย


เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

  • IELTS Test
  • SAT Test
  • สอบ IELTS
  • สอบ TOEIC
  • สอบ SAT
  • เว็บไซต์พันธมิตร

  • IELTS
  • TOEIC Online
  • chulatutor
  • เพลงเด็กอนุบาล
  •  
    หมวดหมู่เนื้อหา
    เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


    · Technology
    · บทความเทคโนโลยีการศึกษา
    · e-Learning
    · Graphics & Multimedia
    · OpenSource & Freeware
    · ซอฟต์แวร์แนะนำ
    · การถ่ายภาพ
    · Hot Issue
    · Research Library
    · Questions in ETC
    · แวดวงนักเทคโนฯ

    · ความรู้ทั่วไป
    · คณิตศาสตร์
    · วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
    · ภาษาต่างประเทศ
    · ภาษาไทย
    · สุขศึกษาและพลศึกษา
    · สังคมศึกษา ศาสนาฯ
    · ศิลปศึกษาและดนตรี
    · การงานอาชีพ

    · ข่าวการศึกษา
    · ข่าวตามกระแสสังคม
    · งาน/บริการสังคม
    · คลิปวิดีโอยอดนิยม
    · เกมส์
    · เกมส์ฝึกสมอง

    · ทฤษฎีทางการศึกษา
    · บทความการศึกษา
    · การวิจัยทางการศึกษา
    · คุณครูควรรู้ไว้
    · เตรียมประเมินวิทยฐานะ
    · ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
    · เครื่องมือสำหรับครู

    ครูบ้านนอกดอทคอม

    เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

          kroobannok.com

    © 2000-2020 Kroobannok.com  
    All rights reserved.


    Design by : kroobannok.com


    ครูบ้านนอกดอทคอม
    การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

    วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
     

    ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

    เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

    Email : kornkham@hotmail.com
    Tel : 081-3431047

    สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
    คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ