ชื่อเรื่องที่วิจัย การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการฟัง-พูด ภาษา
อังกฤษโดยใช้เทคนิคการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response)
บูรณาการเกมการละเล่นพื้นบ้านไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางสาวนิกัญญา หอมรื่น
ปีที่วิจัย ปี พ.ศ. 2558
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response) บูรณาการเกมการละเล่นพื้นบ้านไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 32) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response) บูรณาการเกมการละเล่นพื้นบ้านไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 3) เพื่อประเมินความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทีมีต่อกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response) บูรณาการเกมการละเล่นพื้นบ้านไทย กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 30 คน โรงเรียนเทศบาล 3ชุมชนวัดจันทราวาส จังหวัดเพชรบุรี ทดลองใช้ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง จำนวน 20 ชั่วโมง
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์ 2) แบบสอบถาม 3) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response) บูรณาการเกมการละเล่นพื้นบ้านไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 20 แผน 4) แบบทดสอบวัดทักษะการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response) บูรณาการเกมการละเล่นพื้นบ้านไทยก่อนเรียนและ หลังเรียน ซึ่งเป็นแบบทดสอบฉบับเดียวกันทั้งก่อนเรียน และหลังเรียน เป็นข้อสอบแบบปรนัย จำนวน 30 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน และ 5) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จำนวน 1 ฉบับแบ่งเป็น 3 ตอน ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของนักเรียน ตอนที่ 2 ความคิดเห็นที่มีต่อแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีลักษณะปลายปิด เป็นแบบ check list ดังนี้คือ ความคิดเห็น ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านสื่อการเรียนรู้และด้านประโยชน์ของการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ ตอนที่ 3 เป็นแบบสอบถามแบบปลายเปิด โดยให้นักเรียนเขียนข้อเสนอแนะ และความคิดเห็นเพิ่มเติม แบบแผนการวิจัย เป็นแบบ PreExperimental Design แบบ One Group Pretest Posttest Design วิธีการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าเฉลี่ย (x̄ ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การหา ttest แบบ dependent การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า
1.แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response) บูรณาการเกมการละเล่นพื้นบ้านไทยประกอบด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้9 หน่วยการเรียนรู้ 20 แผน ดังนี้ คือ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 My Eyes Nose Mouth Ears : เก้าอี้ดนตรี (Musical Chairs) หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 My School : ปิดตาตีหม้อ (Blindfold pot-hitting) หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 Our food : รีรีข้าวสาร(Catching the last one in the line) หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 Daily Routine : ซ่อนหา หรือ โป้งแปะ(hide and seek)หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 Our fruits: ปริศนาคำทาย (Riddles) หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 Good Health : เล่นตี่จับ (Humming and Tagging) หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 At School: หมากเก็บ (Jackstones) หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 My holiday : ขี่ม้าก้านกล้วย (Banana rib hobbyhorse riding)หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 At the zoo : ลิงชิงหลัก (Monkeys scrambling for posts)
2. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response) บูรณาการเกมการละเล่นพื้นบ้านไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้ค่าประสิทธิภาพภาคสนาม เท่ากับ 78.90/77.33
3. นักเรียนมีความคิดเห็นต่อจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษโดยใช้เทคนิคการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response) บูรณาการเกมการละเล่นพื้นบ้านไทยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า 1) ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ มีความเหมาะสมกับวัย มีส่วนร่วมในการเรียนการสอนในห้องเรียนและงานที่ครูมอบหมายให้ทำเป็นเนื้อหาเดียวกับกิจกรรมการเรียนรู้ที่นักเรียนได้เรียน3) ด้านสื่อการเรียนรู้ วัสดุ อุปกรณ์ สื่อการสอนที่ใช้ในการเรียนการสอนมีเพียงพอมีความเหมาะสมกับกิจกรรมการเรียนรู้และมีความเหมาะสมกับเนื้อหาวิชาที่สอน และ 3) ด้านประโยชน์ของการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ในเนื้อหาที่เรียนสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ทำให้นักเรียนมีความสามารถในการฟัง-พูดที่ถูกต้องและมีความรู้ มีความเข้าใจคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น