ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

การศึกษาชำรุด-เด็กไม่รู้จักตัวเอง ปรับระบบสอบแค่แก้ปัญหาปลายเหตุ


บทความการศึกษา 20 ก.ย. 2559 เวลา 11:20 น. เปิดอ่าน : 16,628 ครั้ง

Advertisement

การศึกษาชำรุด-เด็กไม่รู้จักตัวเอง ปรับระบบสอบแค่แก้ปัญหาปลายเหตุ

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

ประเทศไทยได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบ-วิธีการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ระบบเอนทรานซ์แบบแพ้คัดออกซึ่งใช้มายาวนานกว่า 40 ปี เข้าสู่ระบบแอดมิชชั่นที่ผสมผสานระหว่างคะแนนสอบกลาง (โอเน็ต) กับคะแนนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (จีแพ็กซ์) รวมถึงระบบรับตรงที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งเปิดสอบเอง

ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก็คือ การปรับเปลี่ยนรูปแบบ-วิธีการคัดเลือกบุคคล ไม่ได้ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ

มากไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าความสุขของเด็กนักเรียนจะค่อยๆ ลดน้อยถอยลงตามลำดับ

ล่าสุด กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ภายใต้การนำของ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ มีแนวคิด “ปลดแอก” ความเครียดให้นักเรียน โดยเฉพาะในกลุ่มของเด็กมัธยมปลายที่ต้อง “วิ่งรอก” สอบตรงกับมหาวิทยาลัยตลอดทั้งปี ด้วยการจัดระเบียบระบบรับตรงใหม่

รูปธรรมของแนวคิดดังกล่าวถูกส่งผ่านมติที่ประชุมร่วมระหว่างศธ.ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเห็นตรงกันว่า ภายในปีการศึกษา 2561 มหาวิทยาลัยทุกแห่งจะเปิดรับตรงร่วมกัน เป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ

กล่าวคือจะใช้ข้อสอบกลางร่วมกัน ได้แก่ แบบวัดความถนัดทั่วไป (GAT)แบบวัดความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการ (PAT) และวิชาสามัญ 9 วิชา เมื่อนักเรียนทราบคะแนนแล้วนำไปยื่นสมัครกับคณะที่ต้องการ คะแนนนั้นก็จะถูกส่งเข้าไปยังส่วนกลางซึ่งทำหน้าที่เป็น “เคลียริ่งเฮาส์” จัดลำดับคะแนนตามจำนวนที่นั่ง

“การคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาตามระบบใหม่จะเริ่มดำเนินการได้ในเดือน มี.ค.-เม.ย. 2560 ส่วนการรับสมัครจะใช้ระบบเคลียริ่งเฮาส์ 2 ครั้ง เบื้องต้นจะให้นักเรียนเลือกได้ 4 สาขาวิชาทั้งสองครั้ง หลังจากเคลียริ่งเฮาส์ทั้งสองครั้งแล้ว หากมหาวิทยาลัยยังมีที่ว่างก็สามารถเปิดรับสมัครเองได้ แต่ต้องอยู่ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ที่กำหนด” พล.อ.ดาว์พงษ์ อธิบาย

แม้ว่าแนวคิดดังกล่าวจะเต็มไปด้วยเจตนาดี แต่ก็ยังถูกตั้งคำถามถึงผลเลิศของนโยบายว่าเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ “ปลายเหตุ” เท่านั้นหรือไม่

นั่นเพราะหากในภาพกว้างจะพบว่าต้นตอของปัญหาการศึกษาไทยอยู่ที่ระบบอันชำรุด ไม่สามารถช่วยให้เด็กนักเรียนรู้จักตัวเองหรือค้นหาทักษะ-ความถนัดเฉพาะของตัวเองได้ เด็กจึงเติบโตขึ้นอย่างไร้ทิศทาง สอดรับกับปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทห่างไกล ทรัพยากรและบุคลากรไม่เพียงพอ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านงานแนะแนวอาชีพ เด็กจึงไม่มีทางเลือก

เดิมพันเดียวที่เหลืออยู่ คือการสอบเข้ามหาวิทยาลัย

ว่ากันอย่างเป็นธรรม ใช่ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเพิกเฉยหรือไม่รับรู้ถึงปัญหา ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ นวัตกรรม Samsung Career Discovery “ค้นพบตัวเอง ค้นพบอาชีพ” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (กทม.) และภาคเอกชนอย่างบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ร่วมกันพัฒนาขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วยให้เด็กค้นหาความถนัดของตัวเอง และค้นพบเส้นทางอาชีพในอนาคต

นวัตกรรมดังกล่าวจะช่วยให้นักเรียนสามารถค้นพบความถนัดและทางเลือกของอาชีพได้เอง ผ่านการตอบคำถามเชิงจิตวิทยาวัดผล “พหุปัญญา” ทางเว็บแอพพลิเคชั่น [http:]www.samsungslc.org/scd ซึ่งจะแปรผลออกมาเป็นกราฟวงกลม แสดงสัดส่วนของความถนัดในแต่ละด้าน

สำหรับทฤษฎีพหุปัญญานั้น ถูกคิดค้นและนำเสนอโดย ศ.โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ นักจิตวิทยาการศึกษาแห่งฮาร์วาร์ด ซึ่งแบ่งปัญญาของมนุษย์ออกเป็น 8 ด้าน มนุษย์ทุกคนมีครบในทุกๆ ด้าน เพียงแต่จะมีบางด้านโดดเด่นแตกต่างกันออกไป

ทฤษฎีนี้ไม่ได้เสนอขึ้นมาเพื่อจัดอันดับว่าใครมีปัญญามากน้อยกว่ากัน แต่มีไว้เพื่อให้คนได้ค้นพบและใช้ปัญญาที่ตัวเองถนัดเพื่อประโยชน์แก่สังคม

นิยดา พงศ์พาชำนาญเวช คุณครูโรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ กทม. ยอมรับว่า นวัตกรรมช่วยค้นหาความถนัดของเด็กมีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนมาก โดยเฉพาะกับเด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งอยู่ในวัยที่เริ่มค้นหาตัวเอง

“เด็กส่วนใหญ่จะมีอาชีพในอุดมคติไม่ตรงกับความเป็นจริง ฉะนั้นเมื่อเรามีเครื่องมือคือแบบสำรวจที่ช่วยให้ค้นพบตัวเองได้ก่อน จะช่วยกระตุ้นให้เขารู้ตัวว่าต้องฝึกฝนทักษะด้านใดให้ตรงกับความสามารถที่แท้จริง” นิยดา ระบุ

สอดคล้องกับ บุญยงค์ มีพร้อม หัวหน้างานแนะแนวชั้น ม.6 โรงเรียนมัธยมวัดมกุฏกษัตริย์ กทม. ที่ระบุว่า การใช้สื่อใหม่มาช่วยสนับสนุนการเรียนการสอน เป็นเครื่องมือเบื้องต้นในการตัดสินใจ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กนักเรียนดีกว่ามีเพียงแต่ครูเป็นผู้แนะนำ

จริยาภรณ์ คุ้มพันธ์ คุณครูโรงเรียนชุมชนวัดเสด็จ จ.ปทุมธานี บอกว่า ได้นำเครื่องมือไปทดสอบกับเด็กชั้น ม.1-3 พบว่าเด็กตื่นตัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กที่กำลังต้องเลือกแผนการเรียน ขณะที่ครูก็ได้รับประโยชน์ จากการนำเครื่องมือไปใช้ร่วมกับกระบวนการในห้องเรียน

หลายนวัตกรรมอาจต้องนำมาใช้เพื่อหนุนเสริมระบบการศึกษาไทยให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้เด็กมีทางเลือกและมีอิสระที่จะเลือกตามความถนัดและความชื่นชอบของตัวเอง

 

 

ขอบคุณที่มาจาก โพสต์ทูเดย์ วันที่ 19 กันยายน 2559

 


การศึกษาชำรุด-เด็กไม่รู้จักตัวเอง ปรับระบบสอบแค่แก้ปัญหาปลายเหตุการศึกษาชำรุด-เด็กไม่รู้จักตัวเองปรับระบบสอบแค่แก้ปัญหาปลายเหตุ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล

โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล


เปิดอ่าน 8,167 ครั้ง
เราสอบไปเพื่ออะไร?

เราสอบไปเพื่ออะไร?


เปิดอ่าน 21,347 ครั้ง
อย่ากวดวิชาอย่างเดียว

อย่ากวดวิชาอย่างเดียว


เปิดอ่าน 7,500 ครั้ง
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง

ภาษาอังกฤษไม่แข็ง


เปิดอ่าน 10,004 ครั้ง
โอเน็ต!ยัง โอเค?

โอเน็ต!ยัง โอเค?


เปิดอ่าน 9,073 ครั้ง
การศึกษาไทย 2.0

การศึกษาไทย 2.0


เปิดอ่าน 12,649 ครั้ง
ระบบการศึกษาไม่สมดุล (จบ)

ระบบการศึกษาไม่สมดุล (จบ)


เปิดอ่าน 7,939 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

7 คำถามที่ควรถามลูก...หลังลูกจากกลับจากโรงเรียน

7 คำถามที่ควรถามลูก...หลังลูกจากกลับจากโรงเรียน

เปิดอ่าน 9,919 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
การศึกษาไทย กระบวนทัศน์ที่หลงทาง
การศึกษาไทย กระบวนทัศน์ที่หลงทาง
เปิดอ่าน 18,489 ☕ คลิกอ่านเลย

ร.ร.ประชารัฐ-ร.ร.ไอซียู : สมหมาย ปาริจฉัตต์
ร.ร.ประชารัฐ-ร.ร.ไอซียู : สมหมาย ปาริจฉัตต์
เปิดอ่าน 16,135 ☕ คลิกอ่านเลย

การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น
การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น
เปิดอ่าน 16,973 ☕ คลิกอ่านเลย

อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ซ้ำร้าย "อ่านน้อย" จับประเด็นไม่ได้ วิกฤตใหญ่ที่ไทยต้องแก้
อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ซ้ำร้าย "อ่านน้อย" จับประเด็นไม่ได้ วิกฤตใหญ่ที่ไทยต้องแก้
เปิดอ่าน 21,350 ☕ คลิกอ่านเลย

ไขข้อข้องใจ การบ้านยังจำเป็นสำหรับเด็กยุคใหม่หรือไม่?
ไขข้อข้องใจ การบ้านยังจำเป็นสำหรับเด็กยุคใหม่หรือไม่?
เปิดอ่าน 24,675 ☕ คลิกอ่านเลย

เฉลยข้อสอบผิด! บทเรียนในอดีต และปัจจุบัน
เฉลยข้อสอบผิด! บทเรียนในอดีต และปัจจุบัน
เปิดอ่าน 22,579 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

หาความสุขแบบไม่ต้องเสียเงิน
หาความสุขแบบไม่ต้องเสียเงิน
เปิดอ่าน 8,104 ครั้ง

เคล็ดลับการซักรีดให้เสื้อผ้าหอมคงทน
เคล็ดลับการซักรีดให้เสื้อผ้าหอมคงทน
เปิดอ่าน 47,298 ครั้ง

อยู่อย่างไรให้ห่างไกล มะเร็งเต้านม
อยู่อย่างไรให้ห่างไกล มะเร็งเต้านม
เปิดอ่าน 10,623 ครั้ง

การซ่อมแซมเสื้อผ้า
การซ่อมแซมเสื้อผ้า
เปิดอ่าน 10,295 ครั้ง

ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้
เปิดอ่าน 419,757 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ