บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่องงานช่าง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์การศึกษาดังนี้ 1) เพื่อพัฒนา เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่องงานช่าง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80 / 80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่องงานช่าง 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่องงานช่าง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนหนองนาคำวิทยาคมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 ปีการศึกษา 2558 ภาคเรียนที่ 2 จำนวน 34 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 10 แผน มีค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.51 2) เอกสารประกอบการเรียน จำนวน 10 เล่ม มีค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.46 3) แบบทดสอบย่อยระหว่างเรียน เป็นแบบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจำนวน 100 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .20 - .80 ค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง .23 - .80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.87 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .23 - .80 ค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง .20 - .80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.92 รวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบแผนการทดลองแบบ One Group Pre-test Post-test Design ทดสอบกลุ่มตัวอย่างก่อนเรียน (Pre-test) ทำการสอนตามแผนที่ออกแบบไว้ ทดสอบย่อยระหว่างเรียน และทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (Post-test) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ E1/ E2 หาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน ใช้ t - test ทดสอบการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน ใช้ E.I. วิเคราะห์ดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียน ใช้ IOC วิเคราะห์ค่าความสอดคล้องของแบบทดสอบ ใช้สถิติหาค่าอำนาจจำแนก (B) ค่าความยากง่าย (p) ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ (rcc) และใช้สถิติพื้นฐานวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ( ) ร้อยละ (P) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่องงานช่าง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่ากับ 86.26 / 85.58 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. การเปรียบเทียบระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า คะแนนทดสอบหลังเรียนของผู้เรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
3. ดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่องงานช่าง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่ากับ 0.7287 หมายความว่า เอกสารประกอบการเรียนชุดนี้ ทำให้ผลการเรียนของนักเรียนมีความก้าวหน้าเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 72.87