ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพี

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็น

ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา

เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัย อยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔

(ธนวิถี) จังหวัดยะลา

ผู้ศึกษา นางกนกภรณ์ รัตนยิ่ง

ปีการศึกษา 2557

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่องการพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) จังหวัดยะลา เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยพื้นฐานเบื้องต้นที่ส่งผลต่อความสำเร็จใน การพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) 2) เพื่อออกแบบและสร้างรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบ การบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) ดังนี้ 4.1) ผลการพัฒนากระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียน 4.2) ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์/อุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียน และ 4.3) ผลการประเมินความพึงพอใจของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครูผู้สอน นักเรียนและผู้ปกครอง ที่มีต่อรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 1 คน รองผู้อำนวยการสถานศึกษาและรักษาการรองผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 3 คน คณะครูผู้สอน จำนวน 64 คนคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 15 คน ผู้ปกครองนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 จำนวน 877 คน และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 จำนวน 877 คน รวมประชากรทั้งสิ้น จำนวน 1,837 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้มีการกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan) ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 610 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ดังนี้ ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการและรักษาการ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 3 คน คณะครูผู้สอน จำนวน 56 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน ผู้ปกครองนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 จำนวน 269 คน และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 จำนวน 269 คน รวมกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 610 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานเบื้องต้นในการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ จำนวน 1 ชุด 2) แบบสัมภาษณ์การบริหารสถานศึกษาสู่การเป็นศูนย์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 1 ชุด 3) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ จำนวน 1 ชุด 4) แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ “อยู่อย่างพอเพียง” ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 จำนวน 1 ชุด การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัยพบว่า

1.ผลการศึกษาปัจจัยพื้นฐานเบื้องต้นที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) โดยภาพรวม เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจ จากความจงรักภักดี การเคารพเชื่อมั่น ศรัทธา เทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์ และการปฏิบัติตนตามรอยเบื้องพระยุคลบาท มีการยึดหลักการบริหารตามหลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ การพัฒนาคนที่เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาโรงเรียนเป็นสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) จากแรงบันดาลใจไปสู่การพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบตั้งแต่การพัฒนาบุคลากร ชุมชน และปรับปรุงอาคารสถานที่ ตลอดจนสภาพแวดล้อมรอบ ๆ บริเวณโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงปัจจัยทั้งภายในและปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียน

2.ผลการออกแบบและสร้างรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้

ขั้นที่ 1 การเตรียมความพร้อม

ขั้นที่ 2 การจัดระบบการเรียนรู้

ขั้นที่ 3 กิจกรรมโรงเรียนและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

ขั้นที่ 4 การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ขั้นที่ 5 การสร้างเครือข่ายและขยายผล

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) พบว่า รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษามีความเป็นไปได้ในการนำไปปฏิบัติ และควรมีการเพิ่มเติมรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจนที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติ ได้จริง

4. ผลการประเมินการใช้รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การเป็นศูนย์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) มีดังนี้

4.1 ผลการพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาพอเพียงสู่การพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี) ในรูปแบบที่กำหนดขั้นตอนที่เหมาะสม ซึ่งในแต่ละขั้นตอนมีการกำหนดรายละเอียดและขอบข่ายของงานที่เหมาะกับบุคลากรทั้งในและนอกโรงเรียน เพื่อการนำสถานศึกษาพอเพียงเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๔ (ธนวิถี)

4.2 ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์อุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียงของนักเรียน ปีการศึกษา 2557 และปีการศึกษา 2558 พบว่า ในปีการศึกษา 2557 ผลการประเมินของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6 มีระดับคุณภาพเฉลี่ยรวมเท่ากับ 94.85 และในปีการศึกษา 2558 มีระดับคุณภาพเฉลี่ยรวมเท่ากับ 98.40 และเมื่อเปรียบเทียบค่าคะแนนเฉลี่ยของปีการศึกษา 2557 และปีการศึกษา 2558 พบว่า ระดับคุณภาพเฉลี่ยของปีการศึกษา 2558 มีระดับคุณภาพเฉลี่ยสูงกว่าปีการศึกษา 2557 โดยรวมมีระดับคุณภาพในระดับดีทั้งสองปีการศึกษา

4.3 ผลการประเมินความพึงพอใจของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครูผู้สอน นักเรียน และผู้ปกครอง พบว่า มีระดับความพึงพอในในระดับมากทุกรายการ

โพสต์โดย kratai : [20 มี.ค. 2560 เวลา 09:48 น.]
อ่าน [5334] ไอพี : 182.52.241.188
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 15,797 ครั้ง
หนังสืออ่านเพิ่มเติม เรื่องที่ 2...ฝีมือกระจ๋องหรองแหรง
หนังสืออ่านเพิ่มเติม เรื่องที่ 2...ฝีมือกระจ๋องหรองแหรง

เปิดอ่าน 21,122 ครั้ง
รู้ไว้เพื่อระวัง กรุ๊ปเลือดบอกความสุ่มเสี่ยงของโรคได้นะ
รู้ไว้เพื่อระวัง กรุ๊ปเลือดบอกความสุ่มเสี่ยงของโรคได้นะ

เปิดอ่าน 18,113 ครั้ง
การวัดมุมในระนาบดิ่ง
การวัดมุมในระนาบดิ่ง

เปิดอ่าน 15,744 ครั้ง
กว่าจะมาเป็น นพวรรณ เลิศชีวกานต์
กว่าจะมาเป็น นพวรรณ เลิศชีวกานต์

เปิดอ่าน 13,717 ครั้ง
ในปี 2561 แมชชีนเลิร์นนิ่งจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุด นับตั้งแต่โลกใบนี้มีอินเทอร์เน็ต
ในปี 2561 แมชชีนเลิร์นนิ่งจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุด นับตั้งแต่โลกใบนี้มีอินเทอร์เน็ต

เปิดอ่าน 17,556 ครั้ง
อยากฉลาดฟังดนตรีคลาสสิก
อยากฉลาดฟังดนตรีคลาสสิก

เปิดอ่าน 8,266 ครั้ง
คัดเลือกคนจากสถาบัน
คัดเลือกคนจากสถาบัน

เปิดอ่าน 44,932 ครั้ง
แผนภาพของเวน (Venn Diagram)
แผนภาพของเวน (Venn Diagram)

เปิดอ่าน 10,312 ครั้ง
หญิงไทยยังเมินเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำไอคิวเด็กไทยต่ำ
หญิงไทยยังเมินเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำไอคิวเด็กไทยต่ำ

เปิดอ่าน 11,554 ครั้ง
ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของญี่ปุ่น
ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของญี่ปุ่น

เปิดอ่าน 10,841 ครั้ง
น้ำเพื่อสุขภาพ
น้ำเพื่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 82,957 ครั้ง
ความสำคัญของงานกราฟิก
ความสำคัญของงานกราฟิก

เปิดอ่าน 15,243 ครั้ง
สมูทตี้สมุนไพร อร่อยได้ประโยชน์
สมูทตี้สมุนไพร อร่อยได้ประโยชน์

เปิดอ่าน 17,995 ครั้ง
การออกแบบสาร (Message Design) เพื่อการนำเสนอ
การออกแบบสาร (Message Design) เพื่อการนำเสนอ

เปิดอ่าน 11,611 ครั้ง
พ่อ-แม่เลี้ยงลูกให้เก่งแบบนี้ได้อย่างไร? รายการ ดูให้รู้  ตอน "เจ้าหนูยอดมนุษย์"
พ่อ-แม่เลี้ยงลูกให้เก่งแบบนี้ได้อย่างไร? รายการ ดูให้รู้ ตอน "เจ้าหนูยอดมนุษย์"

เปิดอ่าน 15,119 ครั้ง
คีย์บอร์ดเสมือนจริงกูเกิล
คีย์บอร์ดเสมือนจริงกูเกิล
เปิดอ่าน 66,301 ครั้ง
ฟื้นความทรงจำ  ลำนำบทอาขยานย้อนยุค
ฟื้นความทรงจำ ลำนำบทอาขยานย้อนยุค
เปิดอ่าน 7,100 ครั้ง
การกำหนดประเภทของงานตรวจสอบภายใน (กรมบัญชีกลาง 23 ธันวาคม 2563)
การกำหนดประเภทของงานตรวจสอบภายใน (กรมบัญชีกลาง 23 ธันวาคม 2563)
เปิดอ่าน 55,726 ครั้ง
พุทธคุณ 3
พุทธคุณ 3
เปิดอ่าน 8,892 ครั้ง
ผลวิจัยใหม่พบ "ไวไฟ" อันตรายต่อเด็กกว่าผู้ใหญ่
ผลวิจัยใหม่พบ "ไวไฟ" อันตรายต่อเด็กกว่าผู้ใหญ่

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ