ครูบ้านนอก

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามโนมติทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มเป้าหมายของการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/12 จำนวน 35 คน ในโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่น รูปแบบการวิจัยที่ใช้เป็นแบบกลุ่มเดียวที่มีการทดสอบก่อนและหลังการทดลอง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธี Predict-observe-explain (POE) จำนวน 10 แผน 19 ชั่วโมง และเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบวัดมโนมติทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ ทั้งก่อนเรียนและหลังเรียน การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง นำข้อมูลทั้งหมดมาจัดกลุ่มคำตอบตามเกณฑ์ความสอดคล้องกับมโนมติทางวิทยาศาสตร์ ตามแนวคิดของ Westbrook & Marek (1991)

ผลการวิจัยพบว่า หลังจากการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธี Predict-observe-explain (POE) นักเรียนมีความเข้าใจมโนมติที่หลากหลาย และมีการเปลี่ยนมโนมติจากความไม่เข้าใจมโนมติทางวิทยาศาสตร์(NU) มาเป็นมีความเข้าใจมโนมติทางวิทยาศาสตร์ในระดับสมบูรณ์(CU) ร้อยละ 70.48 มีความเข้าใจมโนมติในระดับที่ถูกต้องแต่ไม่สมบูรณ์ (PU) ร้อยละ 19.62 ตามลำดับ แสดงว่า นักเรียนใช้ความรู้ที่ได้จากการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธี Predict-observe-explain (POE) มาช่วยในการทำความเข้าใจและตอบคำถามในแบบสำรวจมโนมติ ซึ่งหลังการจัดการเรียนรู้แต่ละมโนมตินักเรียนมีความเข้าใจมโนมติทางวิทยาศาสตร์ในระดับสมบูรณ์ (CU) ดังนี้คือ 1) มโนมติ เรื่อง ผลของแรงลัทธ์กระทำต่อวัตถุ ร้อยละ 81.14 2) มโนมติ เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวโค้ง ร้อยละ 75.00 3) มโนมติ เรื่อง แรงกิริยาและแรงปฏิกิริยา ร้อยละ 65.00 4) มโนมติ เรื่อง แรงพยุง ร้อยละ 60.00 5) มโนมติ เรื่อง แรงเสียดทาน ร้อยละ 71.43 6) มโนมติ เรื่อง โมเมนต์ของแรง ร้อยละ 66.86 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธี Predict-observe-explain (POE) ช่วยให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในมโนมติทางวิทยาศาสตร์ที่สอนมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้นักเรียนเปลี่ยนมโนมติ หรือช่วยให้นักเรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับมโนมติที่นักเรียนกำลังศึกษาเพิ่มขึ้น

เว็บน่าสนใจ