บทคัดย่อ

การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง กีฬาฟุตบอล สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียน โดยใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง กีฬาฟุตบอล สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง กีฬาฟุตบอล สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดจังโหลน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 11 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)

ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า

1. คะแนนเฉลี่ยของเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง กีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทั้ง 6 ชุดเท่ากับ 37.98 คิดเป็นร้อยละ 85.55 และคะแนนเฉลี่ยของแบบทดสอบหลังใช้เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง กีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทั้ง 6 ชุดเท่ากับ 4.23 คิดเป็นร้อยละ 84.55 ดังนั้นเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง กีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 85.55/84.55 แสดงว่าเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง กีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80

2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนักเรียนที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง กีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 มีค่าเฉลี่ยคะแนนหลังเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยพิจารณาจากค่า t ที่คำนวณได้ แสดงว่าการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง กีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น

3. นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนเอกสารประกอบการเรียนเรื่อง กีฬาฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.35, = 0.75) โดยที่ผู้เรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก 3 อันดับแรก ได้แก่ ครูส่งเสริมให้นักเรียนมีวินัย มีความรับผิดชอบ คุณธรรมและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ( = 4.61 , = 0.72) ครูจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนได้ปฏิบัติและค้นหาความรู้ด้วยตนเอง ( = 4.52 , = 0.73) และครูประเมินนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนเพื่อนำผลที่ได้ไปพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น ( = 4.43 , = 0.73)

เว็บน่าสนใจ