การศึกษาครั้งนี้จึงมีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องระบบสมการเชิงเส้น ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75
2) หาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องระบบสมการเชิงเส้น 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลัง
การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องระบบสมการเชิงเส้น
4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องระบบสมการเชิงเส้น กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสตรีศึกษา อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 1 ห้องเรียน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/13 จำนวน 31 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยของการสุ่มเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD จำนวน 16 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องระบบสมการเชิงเส้น ซึ่งเป็นแบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือกจำนวน 30 ข้อโดยมีค่าความยากตั้งแต่ 0.37 ถึง 0.60 และค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.58 ถึง 0.99 และมีค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.98 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น 3) แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบสมการเชิงเส้น จำนวน 16 เล่ม ซึ่งมีผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพ ในครั้งนี้ เท่ากับ 82.83/80.22 และ 4) แบบวัดความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องระบบสมการเชิงเส้น เป็นแบบวัดที่ใช้มาตราการประมาณค่า (Rating scale) ชนิด 5 ตัวเลือกจำนวน 12 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.59 ถึง 0.84 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.94 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t test (Dependent Sample)
ผลการศึกษาพบว่า 1) การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องระบบสมการเชิงเส้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.70/81.94 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 75/75 2) การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์
เรื่องระบบสมการเชิงเส้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลมีค่าเท่ากับ 0.7118 แสดงว่าการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องระบบสมการเชิงเส้น ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้นทำให้นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียน โดยมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น 0.7118 หรือคิดเป็นร้อยละ 71.18 3) นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องระบบสมการเชิงเส้น มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 4) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องระบบสมการเชิงเส้น ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นโดยภาพรวมความพึงพอใจทุกด้านอยู่ในระดับมาก คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.36 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.74
โดยสรุป การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์
เรื่องระบบสมการเชิงเส้น มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทำให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากเรียน รวมทั้งผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก จึงเหมาะที่ครูผู้สอน ผู้บริหารโรงเรียน ศึกษานิเทศก์ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะนำไปใช้ในการสอนและประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาเพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพต่อไป