ชื่อเรื่อง แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความเชิงวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ โดยใช้แผนผัง
ความคิด (Mind Mapping) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา นางสาวกัลย์ธีรา พิจิตร
ชื่อสถานศึกษา โรงเรียนบ้านน้ำเย็น อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 3
ปีที่พิมพ์ 2559
บทคัดย่อ
ภาษาไทยเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้เรียนทุกคนใช้ เพื่อการสื่อสาร และเพื่อการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้อย่างหลากหลาย โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ยั่งยืน ดังนั้นในการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ จึงมีความมุ่งหมายเพื่อ
(1) สร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความเชิงวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ โดยใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) หาดัชนีประสิทธิผลแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความเชิงวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ โดยใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่จัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความเชิงวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ โดยใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความเชิงวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ โดยใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านน้ำเย็น อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 3 จำนวน 10 คน ใช้วิธีการเลือก แบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ใน การดำเนินการศึกษาครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 21 แผน และแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความเชิงวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ โดยใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 7 เล่ม 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วยแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิด 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อซึ่งมีค่าความยาก (p) ตั้งแต่ 0.250.071 ค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (B) ตั้งแต่ 0.29-0.88 ค่าความเชื่อมั่น ( rcc ) ทั้งฉบับ เท่ากับ 0.88 และ แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียน
ชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนก ( rxy ) ตั้งแต่ 0.42 - 0.77 ค่าความเชื่อมั่น (α ) เท่ากับ 0.88 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบสมมติฐานโดยใช้ t test (Dependent. Samples)
ผลการศึกษาปรากฏดังนี้
1. แบบฝึกทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความตามแนว PISA กลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ 82.36/81.67 ซึ่งสูงเกณฑ์ 80/80
2. แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความเชิงวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ โดยใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
มีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.6514 แสดงให้เห็นว่าแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความเชิงวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ โดยใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้รายงานสร้างขึ้นส่งผลให้นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 65.14
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความเชิงวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ โดยใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความเชิงวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ โดยใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด