ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การประเมินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสกลวิสุทธิ

บทสรุปสำหรับผู้บริหำร

การประเมินโครงการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ (1) เพื่อประเมินสภาวะแวดล้อมโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสกลวิสุทธิ (2) เพื่อประเมินปัจจัยนาเข้าโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสกลวิสุทธิ (3) เพื่อประเมินกระบวนการโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสกลวิสุทธิ และ (4) เพื่อประเมินผลผลิต โครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสกลวิสุทธิ

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนสกลวิสุทธิ ประกอบด้วย นักเรียนปีการศึกษา 2559 จานวน 63 คน ครู ปีการศึกษา 2559 จานวน 12 คน ผู้ปกครอง ปีการศึกษา 2559 จานวน 63 คน และ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2556 จานวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บ และรวบรวมข้อมูล คือ (1) แบบสอบถามการประเมินสภาวะแวดล้อมโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสกลวิสุทธิ (2) แบบสอบถามการประเมินปัจจัยนาเข้าโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสกลวิสุทธิ (3) แบบสอบถามการประเมินกระบวนการโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสกลวิสุทธิ (4) แบบสอบถามประเมินผลผลิต คุณภาพระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนสกลวิสุทธิ (5) แบบบันทึกรายงานการประเมินมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานปีการศึกษา 2559 มาตรฐานที่ 1 คุณภาพนักเรียน ประเด็นผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์โรงเรียนสกลวิสุทธิ (8) แบบบันทึกรายงานผลการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2559 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสกลวิสุทธิ (9) แบบสอบถามประเมินความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานต่อการดาเนินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสกลวิสุทธิ ที่ผู้ประเมินสร้างขึ้น มีค่าความเชื่อมั่นอยู่ระหว่าง .88 - .94 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการประเมินพบว่า (1) ผลการประเมินด้านสภาวะแวดล้อมของโครงการ ความต้องการและความจาเป็น ความเหมาะสมของวัตถุประสงค์โครงการ ความสอดคล้องกับนโยบาย และความเป็นได้ของโครงการ ในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์การประเมิน (2) ผลการประเมินด้านปัจจัยนาเข้าของโครงการ บุคลากร งบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์และสถานที่ การบริหารจัดการ และหน่วยงานที่สนับสนุน ในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์การประเมิน (3) ผลการประเมินด้านกระบวนการของโครงการ การวางแผน (P) การดาเนินการ (D) การติดตามและประเมินผล (C) และการนาผลการประเมินมาปรับปรุง/พัฒนา (A) ในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์การประเมิน (4) ผลการประเมินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนสกลวิสุทธิ ด้านผลผลิต ปรากฏผล ดังนี้ (4.1) ผลการประเมินด้านผลผลิต คุณภาพระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน (4.2) ผลการประเมินมาตรฐานที่ 1 คุณภาพนักเรียน ประเด็นคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน อยู่ในระดับดี ผ่านเกณฑ์การประเมิน (4.3) ผลการทดสอบการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2559 ค่าเฉลี่ยระดับโรงเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ย ในปีการศึกษา 2558 ทุกรายวิชาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมิน (4.4) ผลการประเมินด้านผลผลิต ความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีต่อการดาเนินโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ผ่านเกณฑ์การประเมิน

ข้อเสนอแนะ

จากการประเมินโครงการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนสกลวิสุทธิ ประจาปีการศึกษา 2559 ผู้ประเมินมีประเด็นที่จะเป็นข้อเสนอแนะดังนี้

1. ข้อเสนอแนะทั่วไป

1.1 ให้มีการนาผลประเมินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ไปใช้ในการดาเนินงานด้านระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและพัฒนานักเรียนด้านต่างๆ

1.2 ควรนาผลการประเมินไปใช้เป็นข้อมูล เพื่อวางแผนพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้เชื่อมโยงกับการพัฒนาฝ่ายต่างๆ ของโรงเรียนเพื่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษาต่อไป

1.3 ผู้บริหารมีความสาคัญยิ่งต่อความสาเร็จของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ควรสนับสนุนการดาเนินงานอย่างเต็มที่และให้ขวัญกาลังใจครู ด้วยวิธีการต่างๆ อย่างเหมาะสม

2. ข้อเสนอแนะสำหรับกำรวิจัยครั้งต่อไป

2.1 ควรมีการนาผลการประเมินไปจัดทาแผนกลยุทธ์เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้กับผู้เรียน

2.2 ควรมีการประเมินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน นอกเหนือจากรูปแบบซิปป์โมเดล (CIPP Model) เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพในการดาเนินโครงการและประสิทธิผลที่เกิดกับนักเรียน

โพสต์โดย เต๋๋อ : [12 ต.ค. 2560 เวลา 18:14 น.]
อ่าน [4755] ไอพี : 27.55.225.33
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 16,642 ครั้ง
ทำไม? คนเราถึงไม่ซื่อสัตย์
ทำไม? คนเราถึงไม่ซื่อสัตย์

เปิดอ่าน 8,902 ครั้ง
กรมวิทย์ยัน ตรวจขวดน้ำพลาสติกทิ้งกลางแดดร้อน ไม่พบสารพิษไดออกซิน
กรมวิทย์ยัน ตรวจขวดน้ำพลาสติกทิ้งกลางแดดร้อน ไม่พบสารพิษไดออกซิน

เปิดอ่าน 27,161 ครั้ง
เครดิตบูโร (Credit Bureau) คืออะไร?
เครดิตบูโร (Credit Bureau) คืออะไร?

เปิดอ่าน 265,733 ครั้ง
Pronouns  ( คำสรรพนาม )
Pronouns ( คำสรรพนาม )

เปิดอ่าน 44,513 ครั้ง
15 วิธีแก้เคราะห์ สะเดาะกรรมให้ร่ำรวย
15 วิธีแก้เคราะห์ สะเดาะกรรมให้ร่ำรวย

เปิดอ่าน 25,742 ครั้ง
ปราบชิคุนกุนยาด้วยสมุนไพร
ปราบชิคุนกุนยาด้วยสมุนไพร

เปิดอ่าน 20,144 ครั้ง
บทบาทของการสื่อสารและเครือข่ายฯ
บทบาทของการสื่อสารและเครือข่ายฯ

เปิดอ่าน 80,377 ครั้ง
ห.ร.ม. และ ค.ร.น.
ห.ร.ม. และ ค.ร.น.

เปิดอ่าน 40,626 ครั้ง
คิ้วตกปัญหาโหงวเฮ้งที่ต้องรีบแก้
คิ้วตกปัญหาโหงวเฮ้งที่ต้องรีบแก้

เปิดอ่าน 17,273 ครั้ง
สาววัย 27 ปีบริจาคตับช่วยชีวิตครูวัย 57 ปี เพราะซาบซึ้งบุญคุณที่เคยสอน
สาววัย 27 ปีบริจาคตับช่วยชีวิตครูวัย 57 ปี เพราะซาบซึ้งบุญคุณที่เคยสอน

เปิดอ่าน 57,065 ครั้ง
การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์

เปิดอ่าน 29,908 ครั้ง
คอลัมน์: การศึกษา: ถึงคิว...พักงาน(ยาว) "ผอ.สมศ." ปลดล็อก..."ประเมินภายนอกรอบ 4"!!
คอลัมน์: การศึกษา: ถึงคิว...พักงาน(ยาว) "ผอ.สมศ." ปลดล็อก..."ประเมินภายนอกรอบ 4"!!

เปิดอ่าน 12,354 ครั้ง
จุ่มลวก (หรือลวง)
จุ่มลวก (หรือลวง)

เปิดอ่าน 954 ครั้ง
ต้นไม้สำหรับวางบนโต๊ะทำงาน ช่วยให้สดชื่นและมีพลังในการทำงาน
ต้นไม้สำหรับวางบนโต๊ะทำงาน ช่วยให้สดชื่นและมีพลังในการทำงาน

เปิดอ่าน 9,057 ครั้ง
ไฮพาเทียแห่งอเล็กซานเดรีย และ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล นักคณิตศาสตร์หญิงของโลก
ไฮพาเทียแห่งอเล็กซานเดรีย และ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล นักคณิตศาสตร์หญิงของโลก

เปิดอ่าน 32,488 ครั้ง
เส้นเลือดขอด และเส้นเลือดฝอยที่ขาแตก มีอันตรายมากน้อยแค่ไหน
เส้นเลือดขอด และเส้นเลือดฝอยที่ขาแตก มีอันตรายมากน้อยแค่ไหน
เปิดอ่าน 8,965 ครั้ง
หลักฟื้นสภาพจิตใจหลังน้ำลด
หลักฟื้นสภาพจิตใจหลังน้ำลด
เปิดอ่าน 11,181 ครั้ง
จะให้ลูกเล่นกีฬาให้เก่ง ต้องฝึกทักษะควบคุมวัตถุ ตั้งแต่ตอน10 ขวบ
จะให้ลูกเล่นกีฬาให้เก่ง ต้องฝึกทักษะควบคุมวัตถุ ตั้งแต่ตอน10 ขวบ
เปิดอ่าน 106,761 ครั้ง
อย่างเทพ! มาดูคลิปที่ใครดูต้องอมยิ้ม เมื่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นเตรียมตัวไปโรงเรียนให้ลูกตอนเช้า
อย่างเทพ! มาดูคลิปที่ใครดูต้องอมยิ้ม เมื่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นเตรียมตัวไปโรงเรียนให้ลูกตอนเช้า
เปิดอ่าน 11,090 ครั้ง
"อัดความรู้" แต่แบเบาะ สร้างอนาคตเด็กได้จริงหรือ?
"อัดความรู้" แต่แบเบาะ สร้างอนาคตเด็กได้จริงหรือ?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ