บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกทักษะเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมและเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโพธิ์ธาตุประชาสรรค์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งทำการศึกษากับกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนโพธิ์ธาตุประชาสรรค์ อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 25 คน ได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ห้องเรียน ระยะเวลาทำการวิจัย ระหว่างวันที่ 22 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ถึงวันที่ 16 เดือน มกราคม พ.ศ. 2560 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 รวมเวลาเรียน 16 ชั่วโมง จำนวน 5 สัปดาห์ รวมทั้งการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน

เครื่องมือที่ใช้ในวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1)แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา จำนวน 14 แผน 2)ชุดฝึกทักษะเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา จำนวน 6 ชุด 3)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการโดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา จำนวน 60 ข้อ เป็นแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก 4) แบบทดสอบย่อยแต่ละชุดฝึกทักษะ เรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ชุดละ 10 ข้อ เป็นแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก 5)แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรม การเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการทดสอบค่าที (t-test dependent) สรุปผลการวิจัย ได้ดังนี้

1. ประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเท่ากับ 82.92/80.53

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. ผลการศึกษาความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะ เรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.38 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.64

ผลการวิจัยครั้งนี้ สามารถใช้เป็นแนวทางสำหรับครูผู้สอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ในการพัฒนา การเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการนำผลการวิจัยมาประยุกต์ใช้ในการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ต่อไป

เว็บน่าสนใจ