Advertisement
Advertisement
ในขณะยังมีชีวิตอยู่ แม้ไมเคิล แจ๊กสันจะมีสถานะเป็นราชาเพลงป็อประดับโลก ทว่าก็มีศิลปินเพลงจำนวนไม่น้อยที่แสดงอาการต่อต้านเขาผ่านทางบทเพลงหรือการขึ้นไปป่วนบนเวทีมอบรางวัลเกียรติยศ
ราชาเพลงป็อประดับโลกอย่าง "ไมเคิล แจ๊กสัน" เพิ่งจะปิดฉากชีวิตอำลาโลกใบนี้ไปด้วยวัยเพียง 50 ปี จากอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ท่ามกลางความช็อกของแฟนเพลงทั่วโลกและคำไว้อาลัยจำนวนมากมายของเพื่อนศิลปินร่วมวงการ
อย่างไรก็ตาม ในขณะมีชีวิตอยู่อย่างยิ่งใหญ่ในวงการเพลงระดับโลก ใช่ว่าไมเคิล แจ๊กสัน จะได้รับแต่เพียงเสียงยกย่องสรรเสริญจากบรรดาศิลปินร่วมวงการเท่านั้น เนื่องจากเขายังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากศิลปินบางคน ผ่านเนื้อหาของบทเพลงเรื่อยไปจนถึงการขึ้นไปป่วนบทเวทีมอบรางวัลเกียรติยศ
สำหรับในเมืองไทย คงต้องยอมรับกันว่า ไมเคิล แจ๊กสัน ไม่ได้โด่งดังเป็นพลุแตกขึ้นมาจากการเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตในกรุงเทพฯ ถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ.2536 และ 2538 เพียงเท่านั้น แต่คนไทยจำนวนมากยังรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของราชาเพลงป็อปชาวอเมริกันผู้นี้จากเพลง "ทับหลัง" ของวงดนตรี "คาราบาว" ในปี พ.ศ.2531 ที่มีเนื้อร้องท่อนหนึ่งร้องว่า "เอาไมเคิล แจ๊กสันคืนไป เอาพระนารายณ์คืนมา" โดยเพลงดังกล่าวของคาราบาวก็ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังรณรงค์เรียกร้องทวงคืนทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์จากสหรัฐอเมริกาอย่างเข้มข้น กระทั่งแจ๊กสันกลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมร่วมสมัยของผู้รุกรานแย่งชิงอย่างสหรัฐอเมริกา ที่มีความหมายตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับโบราณวัตถุซึ่งเป็นมรดกอันเก่าแก่ดีงามของวัฒนธรรมไทยไปชั่วขณะหนึ่ง
นี่จึงเป็นปรากฏการณ์ซึ่งมีความย้อนแย้งเป็นอย่างยิ่ง ที่คนไทยหลายต่อหลายคนได้รู้จักยอดศิลปินชาวอเมริกันอย่างไมเคิล แจ๊กสัน ท่ามกลางบริบทของการทวงคืนมรดกแห่งชาติไทยและการต่อต้านสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นทศวรรษ 2530
ข้ามไปที่ลอนดอน เมื่อปี ค.ศ.1996 (พ.ศ.2539) คณะกรรมการรางวัลบริท อวอร์ดส์ (BRIT Awards) รางวัลทางดนตรีที่สำคัญที่สุดของอังกฤษได้ตัดสินใจมอบรางวัล "ศิลปินที่มีความพิเศษเฉพาะในชั่วอายุของตน" (a special artist of a generation) ให้แก่ไมเคิล แจ๊กสัน
ในวันมอบรางวัล ไมเคิล แจ๊กสันจึงขึ้นไปเปิดการแสดงสั้น ๆ ด้วยการร้องเพลงฮิตในขณะนั้นของเขาคือ "Earth Song" โดยแจ๊กสันได้พยายามแสดงบุคลิกเป็นเหมือนกับพระเยซูผู้มีฤทธิ์อำนาจวิเศษในการรักษาอาการป่วยไข้ของเด็ก ๆ และผู้แต่งกายเป็นนักบวชในศาสนายิวจำนวนมากที่ยืนอยู่รายรอบเขาบนเวที
แต่ทันใดนั้น จาร์วิส ค็อคเกอร์ และ ปีเตอร์ แมนเซลล์ นักร้องนำและสมาชิกของวง "พัลพ์" (หนึ่งในวงดนตรีสำคัญที่ก่อให้เกิดกระแสบริท ป็อปเฟื่องฟูในช่วงทศวรรษ 1990 เคียงข้างกับวงดนตรีอย่าง "โอเอซิส" และ "เบลอร์") ก็วิ่งขึ้นไปป่วนบนเวทีการแสดงของไมเคิล แจ๊กสัน อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โดยค็อคเกอร์ได้ถลกเสื้อขึ้น และหันหลังพร้อมกับเอานิ้วมือชี้ไปที่ก้นของตนเองในทิศทางที่แจ็กสันกำลังยืนแสดงและร้องเพลงอยู่ ทั้งนี้ค็อคเกอร์เปิดเผยว่า การกระทำดังกล่าวของเขาเป็นการประท้วงที่ไมเคิล แจ๊กสันกำลังมองเห็นตัวเองเป็นบุคคลผู้ทัดเทียมกับพระเยซู ที่มีพลังอำนาจวิเศษในการรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้คน
แม้จะมีคนจำนวนมากที่กล่าวประณามการป่วนเวทีมอบรางวัลบริท อวอร์ดส์ให้แก่ไมเคิล แจ๊กสัน ของจาร์วิส ค็อคเกอร์ และเพื่อนร่วมวง แต่ก็มีคนในวงการดนตรีอังกฤษจำนวนไม่น้อยที่ยกย่องการกระทำดังกล่าว เช่น บทบรรณาธิการของนิตยสารเมโลดี้ เมคเกอร์ที่เขียนว่า "ค็อคเกอร์สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวิน" ส่วนโนเอล กัลลาเกอร์ แกนนำวงโอเอซิส ก็เห็นว่า "ค็อคเกอร์เป็นดารา และเขาสมควรได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น MBE"
ปรากฏการณ์เช่นนี้อาจแสดงให้เห็นว่า แม้ราชาเพลงป็อปจากสหรัฐอเมริกาจะได้รับการยอมรับจากแวดวงดนตรีอังกฤษ แต่ก็มีศิลปินชาวอังกฤษจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่มีความคิดต่อต้านไมเคิล แจ๊กสัน
เนื้อหาของเพลง "ทับหลัง" ที่แต่งโดยศิลปินเพื่อชีวิตระดับตำนานในเมืองไทย และการขึ้นไปป่วนบนเวทีที่กำลังจะมอบรางวัลเกียรติยศให้แก่ไมเคิล แจ๊กสัน ของศิลปินชั้นนำในอังกฤษ จึงแสดงให้เห็นว่า แม้แจ๊กสันจะมีสถานะเป็นราชาเพลงป็อปที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก แต่ใช่ว่าเขาจะสามารถทำการครอบงำความคิดและการกระทำของผู้คนได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนทุกคนบนโลกต้องมีฉันทามติร่วมกันในการชื่นชมผลงานเพลงของเขา เพราะคุณูปการสำคัญประการหนึ่งของวัฒนธรรมป็อปก็คือ การมีลักษณะเป็นดังสนามของการต่อรอง/ต่อต้าน/ปรับประสานทางวัฒนธรรมที่ไม่เคยมีความหยุดนิ่งตายตัว และไม่มีบุคคลคนใดในวัฒนธรรมนี้ที่จะธำรงความยิ่งใหญ่ของตนเองไว้ได้อย่างไร้ผู้ต่อต้าน
ลักษณะเด่นประการนี้ของวัฒนธรรมป็อปนี่เองที่น่าจะส่งผลให้ไมเคิล แจ๊กสันมีอายุยืนยาวเสียยิ่งกว่าอายุจริง ๆ ที่หยุดอยู่ที่ตัวเลข 50 ของเขา
ขอบคุณที่มาจาก มติชนออนไลน์ วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
Advertisement
|
เปิดอ่าน 12,342 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,568 ครั้ง |
เปิดอ่าน 18,661 ครั้ง |
เปิดอ่าน 11,067 ครั้ง |
เปิดอ่าน 27,895 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,390 ครั้ง |
เปิดอ่าน 1,453 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,747 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,395 ครั้ง |
เปิดอ่าน 11,799 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,806 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,546 ครั้ง |
เปิดอ่าน 11,751 ครั้ง |
เปิดอ่าน 54,296 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,076 ครั้ง | |
|

เปิดอ่าน 10,556 ☕ คลิกอ่านเลย |

เปิดอ่าน 10,961 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 10,250 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 19,058 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 13,382 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 12,564 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 9,547 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ 
เปิดอ่าน 7,595 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 20,643 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 13,924 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 11,806 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 371,221 ครั้ง |
|
|