การวิจัยเรื่อง การพัฒนาชุดเสริมทักษะการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลทุ่งหลวง ๑ (บ้านโคกมะพร้าว) เทศบาลตำบลทุ่งหลวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
การวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยต้องการพัฒนาชุดเสริมทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นเองจากการศึกษาหลักสูตร เอกสาร และทฤษฎีต่างๆ และคิดขึ้นได้จากการที่ผู้วิจัยเป็นครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปี่ที่ 1 มาเป็นเวลานาน ได้ศึกษาปัญหาและมองเห็นแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาในเรื่องของทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ ที่จะสร้างให้เกิดขึ้นในตัวเด็กตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา รู้จักการใช้ทักษะการเรียนรู้ซึ่งจากการวิจัยดังกล่าว มีผลการวิจัยสามารถอภิปรายได้ดังนี้
1. ผลการสร้างและหาประสิทธิภาพชุดเสริมทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์
1.1 การสร้าง ชุดเสริมทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ ได้รับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่านว่ามีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในทุกองค์ประกอบอยู่ในระดับมากและกิจกรรวมทุกกิจกรรมมีค่าความสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้มากกว่า .60 ขึ้นไป ทุกประเด็น แสดงว่าชุดเสริมทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีความสอดคล้องกับองค์ประกอบและจุดประสงค์การเรียนรู้ สามารถที่จะนำมาใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้เป็นอย่างดี ผลเป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะว่า กิจกรรมทุกกิจกรรมที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดทฤษฎีของทักษะการเรียนรู้ที่สามารถนำมาใช้กับเด็กประถมศึกษาได้เป็นอย่างดี เพราะการที่เด็กจะเกิดทักษะการเรียนรู้ได้ดีนั้น มิได้เกิดจากการถ่ายทอดทางยีน (Gene) ของบิดามารดา แต่เป็นพฤติกรรมที่ได้รับภายหลัง ทักษะการเรียนรู้ของบุคคลแต่ละคน จะมีมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่เด็กได้รับ การเกิดทักษะการเรียนรู้ผู้วิจัยจึงคิดชุดเสริมทักษะที่มีความหลากหลายสอดคล้องกับเนื้อหาสาระในหลักสูตร กิจกรรมมีความหลากหลาย บูรณาการเข้ากับเนื้อหาสาระในแต่ละหน่วยได้เป็นอย่างดี และสามารถที่จะส่งเสริมให้เด็กเกิดทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้ทั้ง 3 องค์ประกอบ คือ ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนก ทักษะการสื่อความหมาย สามารถที่จะปลูกฝังให้เกิดขึ้นกับเด็กตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อที่จะเป็นพื้นฐานหรือแนวทางให้เด็กเกิดทักษะการเรียนรู้ที่ดีขึ้นในโอกาสต่อไป
ชุดเสริมทักษะ เป็นสื่อที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นจากหลักจิตวิทยาที่มี การเรียงลำดับเนื้อหา
จากง่ายไปยาก การใช้หลักการฝึกซ้ำ ๆ จะช่วยให้นักเรียนเกิดทักษะในการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งและสามารถจดจำไปได้นาน ๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ สุพรรณี ช. เจน จิต: 2528 (อ้างถึงใน วาสนา ยิสุ, 2535) ที่กล่าวไว้ว่าบทเรียนต้องให้มีความยากง่ายเหมาะแก่ชั้น และวัย ถ้าบทเรียนยากเกินไป การเรียนรู้ก็จะเกิดได้ยาก ครูต้องพยายามหาวิธีทำให้ง่ายขึ้น เหมาะ กับวัยเด็กและยังสอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ของธอร์นไดค์ (ทิศนา แขมมณี, 2551: 52) ที่กล่าวว่าการฝึกหัดหรือกระทำบ่อย ๆ ด้วยความเข้าใจจะทำให้การเรียนรู้นั้นคงทนถาวร ถ้าไม่ได้กระทำซ้ำบ่อย ๆ การเรียนรู้นั้นจะไม่คงทนถาวร และในที่สุดอาจลืมได้
ชุดเสริมทักษะ เป็นสื่อที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยมีคำชี้แจงและ คำสั่งที่ชัดเจน เข้าใจ
ง่าย พร้อมทั้งมีตัวอย่างประกอบ ช่วยให้การชุดเสริมทักษะของ นักเรียนง่ายขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ วรสุดา บุญยไวโรจน์ (2536: 37) ที่กล่าวไว้ว่า แบบฝึกควรมี ความชัดเจนทั้งคำสั่งและวิธีทำคำสั่งหรือตัวอย่าง แสดงวิธีทำที่ใช้ไม่ควรยาวเกินไป เพราะจะทำให้เข้าใจยาก ควรปรับให้ง่ายเหมาะสมกับผู้ใช้ ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนสามารถศึกษาด้วยตนเองได้ถ้า ต้องการ และยังสอดคล้องกับ สุนันทา สุนทรประเสริฐ (2544: 9-10 ) ที่กล่าวไว้ว่า แบบฝึกที่ดีควร ชัดเจนทั้งคำสั่งและวิธีทำ ตัวอย่างแสดงวิธีทำ ไม่ควรยาวเกินไปเพราะจะทำให้เข้าใจยาก ควร ปรับปรุงให้ง่ายเหมาะสมกับผู้เรียน
สรุปว่าชุดเสริมทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นชุดกิจกรรมที่มีความหลากหลาย เน้นทักษะการเรียนรู้โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ เด็กสามารถร่วมกิจกรรมได้อย่างสนุกสนานและมีความสุข เกิดทักษะการเรียนรู้ที่มีคุณค่าแก่เด็กอย่างยิ่ง
1.2 ผลการหาประสิทธิภาพเครื่องมือ โดยนำชุดเสริมทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลทุ่งหลวง ๑ (บ้านโคกมะพร้าว) ซึ่งไม่ใช่ กลุ่มตัวอย่าง เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดเสริมทักษะ ผลการทดลองพบว่า ในขณะที่นักเรียนทำชุดเสริมทักษะในแต่ละกิจกรรมครูสังเกตและประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ โดยกำหนดเกณฑ์การประเมิน และหาค่าเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ นักเรียนมีทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์แต่ละกิจกรรมเฉลี่ยในภาพรวมคิดเป็นร้อยละ 84.91และเมื่อทำการประเมินหลังดำเนินกิจกรรมครบทุกกิจกรรมแล้วนักเรียนสามารถทำแบบทดสอบวัดทักษะการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ 93.58 ซึ่งแทนค่าสูตรในการหาประสิทธิภาพของเครื่องมือ E /E ได้เท่ากับ 84.91/93.58 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดคือ ไม่ต่ำกว่า 75/75 ผลการวิจัยเป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะว่า ชุดเสริมทักษะแต่ละกิจกรรมที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีความหลากหลาย มีการใช้สื่อที่หลากหลาย และกิจกรรมทุกกิจกรรมมีความน่าสนใจสามารถที่จะกระตุ้นให้นักเรียนเกิดทักษะการเรียนรู้ที่หลากหลาย ไม่ซ้ำซากจำเจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง นักเรียนสามารถทำกิจกรรมได้ด้วยความสนุกสนาน สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งในการจัดกิจกรรมให้เด็กเกิดทักษะการเรียนรู้นั้นคือ บรรยากาศในการจัดกิจกรรม ครูจัดบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นกับนักเรียนอย่างหลากหลายกล่าวคือ ผู้วิจัยได้ใช้เทคนิควิธีการสร้างปฏิสัมพันธ์กับเด็กโดยสร้างความคุ้นเคยและเป็นกันเองกับเด็ก กระตุ้นโดยการให้โอกาสเด็ก ได้แสดงออกอย่างอิสระตามความสนใจและความสามารถของตนเอง ไม่มีการบังคับ ยอมรับความคิดเห็นและความสามารถของเด็กแต่ละคน สร้างแรงจูงใจในการทำกิจกรรมทุกครั้งโดยการชมเชยนักเรียน นอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้สร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในห้องเรียนให้มีความสวยงาม สดใส ยั่วยุให้เด็กเกิดความสนใจในกิจกรรมและการแสดงออกอย่างเต็มที่
สรุปว่าชุดเสริมทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นชุดเสริมทักษะที่มีคุณภาพสามารถส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ให้กับเด็กได้เป็นอย่างดีทุกกิจกรรมสามารถเสริมสร้างความสุขสนุกสนานให้เกิดขึ้นกับเด็ก เด็กทำกิจกรรมอย่างอิสระ เสรี มีความสุข ไม่เครียดกิจกรรมมีความหลากหลาย เด็กเกิดประสบการณ์ใหม่อย่างคุ้มค่า
2. ผลการทดลองใช้ชุดเสริมทักษะการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์
จากการทดลอง ใช้ชุดเสริมทักษะ กับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทศบาลทุ่งหลวง ๑ (บ้านโคกมะพร้าว) อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปรากฏว่านักเรียนมีทักษะการเรียนรู้ทั้ง 3 ด้านคือ ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนก และทักษะการสื่อความหมาย สูงกว่าก่อนใช้ชุดเสริมทักษะการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้