ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสะเต็มศึกษา (STEM) โดยใช้เอกสารประกอบ การเรียน เรื่อง สารและสมบัติของสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศ

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสะเต็มศึกษา (STEM) โดยใช้เอกสารประกอบ การเรียน เรื่อง สารและสมบัติของสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ชื่อผู้วิจัย เยาวลักษณ์ บ่อเกิด

ปีที่ศึกษา 2560

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสะเต็มศึกษา (STEM) โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง สารและสมบัติของสาร 2) ร่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสะเต็มศึกษา (STEM) โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง สารและสมบัติของสาร ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสะเต็มศึกษา (STEM) โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง สารและสมบัติของสาร 4) ประเมินผลและปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสะเต็มศึกษา (STEM) โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง สารและสมบัติของสาร กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ใช้การจัดฉลากโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม จำนวน 1 ห้อง นักเรียน 33 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสะเต็มศึกษา (STEM) โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง สารและสมบัติของสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็น แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t – test (dependent) การวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis)

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการพบว่าควรส่งเสริมการสอนสะเต็มศึกษา (STEM) เพราะเป็นการเรียนแบบบูรณาการระหว่างสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กับวิศวกรรม เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์

2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสะเต็มศึกษา (STEM) โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง สารและสมบัติของสาร ได้รูปแบบ “PGIC Model” ประกอบด้วย 1) การวางแผนและให้ความรู้ (Planning and Knowledge : P) 2) กระบวนการกลุ่ม (Group Process : G) 3) การบูรณาการ (Integration: I) 4) ชุมชนการเรียนรู้ (Community of Practice : C) ส่วนการตรวจสอบรูปแบบ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก การทดสอบค่าประสิทธิภาพขั้นทดลองภาคสนาม พบว่ารูปแบบการจัด การเรียนรู้ด้วยสะเต็มศึกษา (STEM) โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง สารและสมบัติของสาร มีประสิทธิภาพ 81.67/80.78

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสะเต็มศึกษา (STEM) โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง สารและสมบัติของสาร การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนนำทดลองกับผู้เรียน จำนวน 33 คน มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.98/83.64

4.ผลการประเมินผลและปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยสะเต็มศึกษา (STEM) โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง สารและสมบัติของสาร กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

1) การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนรู้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

2) การประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก

3) การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียน ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย อ.เยาวลักษณ์ : [3 มี.ค. 2562 เวลา 16:13 น.]
อ่าน [64844] ไอพี : 184.22.102.136
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 16,690 ครั้ง
ไม่อยากเป็นโรคกระดูกพรุน น้ำมะเขือเทศช่วยได้
ไม่อยากเป็นโรคกระดูกพรุน น้ำมะเขือเทศช่วยได้

เปิดอ่าน 14,625 ครั้ง
ข่า...ยาดีคู่ครัวไทย
ข่า...ยาดีคู่ครัวไทย

เปิดอ่าน 19,524 ครั้ง
ภาพแบบ Vector
ภาพแบบ Vector

เปิดอ่าน 22,725 ครั้ง
เมื่อเทคโนโลยีล้างสมองเด็ก อะไรจะเกิดขึ้น?
เมื่อเทคโนโลยีล้างสมองเด็ก อะไรจะเกิดขึ้น?

เปิดอ่าน 28,582 ครั้ง
วิธีการให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
วิธีการให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู

เปิดอ่าน 14,840 ครั้ง
ปลูกฝังทักษะสมองอย่างไรให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในอนาคต
ปลูกฝังทักษะสมองอย่างไรให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในอนาคต

เปิดอ่าน 15,992 ครั้ง
เตือนภัยยาเสียสาวแพร่ระบาด
เตือนภัยยาเสียสาวแพร่ระบาด

เปิดอ่าน 20,891 ครั้ง
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้

เปิดอ่าน 91,739 ครั้ง
สรุปสูตร วงกลม
สรุปสูตร วงกลม

เปิดอ่าน 20,554 ครั้ง
เงินเดือน ผู้ว่าฯ กทม. เท่าไหร่??
เงินเดือน ผู้ว่าฯ กทม. เท่าไหร่??

เปิดอ่าน 29,177 ครั้ง
การช่างและหมู่บ้านช่าง
การช่างและหมู่บ้านช่าง

เปิดอ่าน 43,957 ครั้ง
30 สุดยอดอาหาร ที่เป็นยาดีต่อสุขภาพ
30 สุดยอดอาหาร ที่เป็นยาดีต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 23,565 ครั้ง
"นอนห้อยหัว" วันละ 10 นาที ช่วยสมองดี แก่ช้า หน้าใส ไกลอัมพาต
"นอนห้อยหัว" วันละ 10 นาที ช่วยสมองดี แก่ช้า หน้าใส ไกลอัมพาต

เปิดอ่าน 29,533 ครั้ง
ตัวถ่วงความเจริญการศึกษาไทย
ตัวถ่วงความเจริญการศึกษาไทย

เปิดอ่าน 14,909 ครั้ง
จดหมายฉบับที่ 79 ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถึงเวลาจัดทัพใหม่ด้านคุณภาพการศึกษา
จดหมายฉบับที่ 79 ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถึงเวลาจัดทัพใหม่ด้านคุณภาพการศึกษา

เปิดอ่าน 19,905 ครั้ง
ไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออกในมนุษย์
ไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออกในมนุษย์
เปิดอ่าน 36,900 ครั้ง
กางปฏิทินปี 56 เฮหยุดยาว ช่วงละ 3วัน ปีเดียว 9 ครั้ง
กางปฏิทินปี 56 เฮหยุดยาว ช่วงละ 3วัน ปีเดียว 9 ครั้ง
เปิดอ่าน 16,002 ครั้ง
อะไรเอ่ยสะสมเชื้อโรคมากที่สุดในห้องสุขาที่คุณรัก ?
อะไรเอ่ยสะสมเชื้อโรคมากที่สุดในห้องสุขาที่คุณรัก ?
เปิดอ่าน 29,304 ครั้ง
พระกฤษณะ
พระกฤษณะ
เปิดอ่าน 12,230 ครั้ง
แก้ปัญหา รักแร้ดำ
แก้ปัญหา รักแร้ดำ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ