ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การวิจัยและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง

เรื่อง การวิจัยและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง

เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์

สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ผู้ศึกษา เรืองศักดิ์ คล้ายบ้านใหม่

กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย

ปีการศึกษา 2559

บทคัดย่อ

การวิจัยและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เป็นการวิจัยตามแนวคิดของจอยซ์และเวลล์ (Joyce and Weil. 1992 :11)ประยุกต์ร่วมกับ กรอบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ และแรงจูงใจ ใฝ่สัมฤทธิ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 5 ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง ก่อนเรียนและหลังเรียน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการสอนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์

เนื้อหาที่นำมาสร้างแผนการจัดการเรียนรู้เป็นสาระท้องถิ่น เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนเทศบาลวัดรามประดิษฐ์ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 30 คนซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ตัวแปรอิสระ ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตัวแปรตาม ได้แก่ 1) ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการคิดวิเคราะห์ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการสอนด้วยรูปแบบ การจัดการเรียนรู้ ใช้ระยะเวลาในการทดลองสอนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ สัปดาห์ละ 3 ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 7 สัปดาห์ รวมทั้งสิ้น 21 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการอ่าน แบบทดสอบทักษะการคิดวิเคราะห์ ประเมินแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์และแบบประเมินความพึงพอใจ สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สถิติทีแบบไม่อิสระ (t-test dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

ผลการวิจัย

1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีชื่อเรียกว่า “PSQRWCRCE Model” โดยมี องค์ประกอบดังนี้ ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ หลักการของการปฏิสัมพันธ์ หลักการของการตอบสนอง ระบบการสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีกระบวนการเรียนการสอน 9 ขั้นตอนคือ ขั้นที่ 1 กําหนดจุดมุ่งหมาย (Purpose) ขั้นที่ 2 สํารวจใจความสำคัญ (Surveys) ขั้นที่ 3 ตั้งคําถาม (Question) ขั้นที่ 4 อ่านและทําความเข้าใจ (Read and Understand) ขั้นที่ 5 บันทึกความจํา (Write) ขั้นที่ 6 วิเคราะห์วิจารณ์ (Criticism) ขั้นที่ 7 สะท้อนความคิด (Reflect) ขั้นที่ 8 สรุป (conclude) ขั้นที่ 9 ประเมินผล (Evaluation) ตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้มีความ สอดคล้องกัน (IOC = 0.87) และเมื่อนำไปหาประสิทธิภาพ (E1/E2) แบบกลุ่มใหญ่ (Filed Tryout) กับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลวัดรามประดิษฐ์ จำนวน 30 คน ได้ค่าประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เท่ากับ 83.95/83.16 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ80/80 ยอมรับสมมติฐานการวิจัย ข้อที่ 1

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการคิดวิเคราะห์ และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่เรียนรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการคิดวิเคราะห์ และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนยอมรับสมมติฐานการวิจัย ข้อที่ 2 เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายด้านผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

ทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการ

เรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

3. ความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดี เมืองปากพนัง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยโดยภาพรวม พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ของดีเมืองปากพนัง เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มากที่สุด จำนวน 4 ข้อ ได้แก่ ข้อ 17 มีการวัดและประเมินผลจากกระบวนการปฏิบัติงาน ข้อ 8 มีกิจกรรมให้นักเรียนทำหลายอย่างเพื่อให้นักเรียนสนุกกับการเรียนข้อ 3 เนื้อหาส่งเสริมให้นักเรียนเห็นประโยชน์และคุณค่าของการอ่านและการคิดวิเคราะห์ และ ข้อ 20 มีการวัดและประเมินผลสอดคล้องกับเนื้อหาที่เรียน ส่วนอีก 16 ข้อ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย utchara : [19 มี.ค. 2562 เวลา 14:53 น.]
อ่าน [3402] ไอพี : 171.97.142.71
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 44,051 ครั้ง
9 อาชีพน่าอิจฉา เงินเดือนทะลุล้าน
9 อาชีพน่าอิจฉา เงินเดือนทะลุล้าน

เปิดอ่าน 76,190 ครั้ง
เกณฑ์วิทยฐานะใหม่
เกณฑ์วิทยฐานะใหม่

เปิดอ่าน 27,096 ครั้ง
วิธีหลอกให้ "กบ" ผสมพันธุ์นอกฤดู ไอเดียคุณครูเรานี่เอง
วิธีหลอกให้ "กบ" ผสมพันธุ์นอกฤดู ไอเดียคุณครูเรานี่เอง

เปิดอ่าน 16,590 ครั้ง
ฮิตจัด มาชม กังนัมสไตล์ ฉบับ "ทหารเรือไทย"
ฮิตจัด มาชม กังนัมสไตล์ ฉบับ "ทหารเรือไทย"

เปิดอ่าน 54,013 ครั้ง
อัตลักษณ์ของสถานศึกษา คืออะไร จำเป็นอย่างไร
อัตลักษณ์ของสถานศึกษา คืออะไร จำเป็นอย่างไร

เปิดอ่าน 3,517 ครั้ง
ผัก ผลไม้… กับมะเร็ง
ผัก ผลไม้… กับมะเร็ง

เปิดอ่าน 27,368 ครั้ง
E-mail Scams คืออะไร?
E-mail Scams คืออะไร?

เปิดอ่าน 54,686 ครั้ง
ทฤษฎีการเรียนรู้
ทฤษฎีการเรียนรู้

เปิดอ่าน 22,937 ครั้ง
สรรพคุณทางยาของ "บวบหอม"
สรรพคุณทางยาของ "บวบหอม"

เปิดอ่าน 14,938 ครั้ง
เสียงประทัดส่งผลกระทบผู้ป่วย "โรคหัวใจ-ความดันโลหิต"
เสียงประทัดส่งผลกระทบผู้ป่วย "โรคหัวใจ-ความดันโลหิต"

เปิดอ่าน 10,933 ครั้ง
ชมคลิปที่ แอ๊ด คาราบาว จัดเอ็มวี "นาวารัฐบุรุษ" ให้บิ๊กตู่
ชมคลิปที่ แอ๊ด คาราบาว จัดเอ็มวี "นาวารัฐบุรุษ" ให้บิ๊กตู่

เปิดอ่าน 3,896 ครั้ง
ประวัติลูกเสือไทย
ประวัติลูกเสือไทย

เปิดอ่าน 15,889 ครั้ง
SEO กับ SEM คืออะไร...ต่างกันแค่ไหน?
SEO กับ SEM คืออะไร...ต่างกันแค่ไหน?

เปิดอ่าน 104,236 ครั้ง
การทำกรอบรูปเปเปอร์มาเช่
การทำกรอบรูปเปเปอร์มาเช่

เปิดอ่าน 16,619 ครั้ง
วิธีดูแลริมฝีปากให้สวยแดงเป็นระเรื่อ แลดูสุขภาพดี
วิธีดูแลริมฝีปากให้สวยแดงเป็นระเรื่อ แลดูสุขภาพดี

เปิดอ่าน 16,856 ครั้ง
ฮอร์โมนเพศชายDHT-ต้นตอศีรษะล้าน
ฮอร์โมนเพศชายDHT-ต้นตอศีรษะล้าน
เปิดอ่าน 11,581 ครั้ง
7 ตัวช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอีกครั้ง
7 ตัวช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอีกครั้ง
เปิดอ่าน 12,676 ครั้ง
เทคนิคใหม่จากสิงคโปร์ทำภาพสีไม่ใช้หมึกคมชัดกว่าเลเซอร์เจ็ท
เทคนิคใหม่จากสิงคโปร์ทำภาพสีไม่ใช้หมึกคมชัดกว่าเลเซอร์เจ็ท
เปิดอ่าน 16,256 ครั้ง
กรมแพทย์แผนไทยเผย 6โรคห้ามนวด
กรมแพทย์แผนไทยเผย 6โรคห้ามนวด
เปิดอ่าน 20,045 ครั้ง
7 วิธีประหยัดค่าใช้จ่ายที่ทำได้จริง เหลือเงินเก็บแน่นกระเป๋า
7 วิธีประหยัดค่าใช้จ่ายที่ทำได้จริง เหลือเงินเก็บแน่นกระเป๋า

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ