ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
บทคัดย่อ การพัฒนารูปแบบการสอนการสร้างนิทานด้วยโปรแกรมนำเสนอโดยใช้การเรียนรู้ แบบทีมร่วมมือ เพื่อส่งเสริมสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านทักษะการปฏิบ

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนการสร้างนิทานด้วยโปรแกรมนำเสนอโดยใช้การเรียนรู้

แบบทีมร่วมมือ เพื่อส่งเสริมสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านทักษะการปฏิบัติ

สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ผู้วิจัย นางจุฑารัตน์ วงษาครบุรี

ปีที่ทำวิจัย 2562

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาปัญหาและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการสอนเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2)เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพรูปแบบการสอนการสร้างนิทานด้วยโปรแกรมนำเสนอโดยใช้การเรียนรู้แบบทีมร่วมมือเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านทักษะการปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3)เพื่อศึกษาผลการใช้รูปการสอนการสร้างนิทานด้วยโปรแกรมนำเสนอโดยใช้การเรียนแบบทีมร่วมมือที่พัฒนาขึ้น และ 4)เพื่อประเมินผลรูปแบบการสอนการสร้างนิทานด้วยโปรแกรมนำเสนอโดยใช้การเรียนแบบทีมร่วมมือที่พัฒนาขึ้น ดำเนินการวิจัย

4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาปัญหาและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการสอน จากการสนทนากลุ่มครูที่สอนเทคโนโลยีสารสนเทศและครูที่รับผิดชอบงานวิชาการจำนวน 5 คน สอบถามนักเรียนจำนวน 30 คน โรงเรียนเทศบาล ๔ (เพาะชำ) สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครนครราชสีมา ด้วยแบบสอบถามสภาพสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักเรียนและศึกษาจากเอกสาร ขั้นตอนที่ 2 สร้างและหาประสิทธิภาพรูปแบบการสอนการสร้างนิทานด้วยโปรแกรมนำเสนอโดยใช้การเรียนรู้แบบทีมร่วมมือด้วยการสร้างต้นแบบรูปแบบการสอน จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และทดลองใช้กับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง ขั้นตอนที่ 3 ศึกษาผลการใช้รูปแบบการสอนการสร้างนิทานด้วยโปรแกรมนำเสนอโดยใช้การเรียนรู้แบบทีมร่วมมือที่พัฒนาขึ้นกับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๔ (เพาะชำ) สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลนครนครราชสีมา ปีการศึกษา 2562 แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม อย่างละ 1 ห้อง กลุ่มทดลอง จำนวน 27 คน เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนแบบทีมร่วมมือ ส่วนกลุ่มควบคุม จำนวน 29 คน เรียนด้วยรูปแบบการเรียนปกติ กลุ่มละ 6 แผนการจัดการเรียนรู้ ใช้เวลา 12 ชั่วโมง เท่ากันทั้งสองกลุ่ม มีการทดสอบวัดสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านทักษะการปฏิบัติก่อนและหลังเรียนทั้งสองกลุ่ม ขั้นตอนที่ 4 ประเมินผลรูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นโดยการ

สอบถามความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง สนทนากลุ่มนักเรียน และประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการสอนโดยครูผู้ใช้และผู้เกี่ยวข้อง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Dependent sample t-test, Independent sample t-testข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การสรุปเป็นรายประเด็น

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการศึกษาปัญหาและความต้องการพัฒนารูปแบบการสอนเทคโนโลยีสารสนเทศครูมีความเห็นว่าระดับสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ในระดับปานกลาง เครื่องคอมพิวเตอร์มีไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียน ครูยังนิยมใช้วิธีการสอนแบบเรียนเดี่ยว แนวทางการพัฒนาการเรียนการสอนเห็นว่าควรเน้นฝึกทักษะ มีวิธีการวัดผลชัดเจน และใช้วิธีการเรียนแบบร่วมมือเป็นทีมเล็ก ๆส่วนนักเรียนมีความเห็นว่าสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักเรียนอยู่ในระดับปานกลาง แต่การใช้โปรแกรมนำเสนออย่างเป็นระบบยังอยู่ระดับน้อย ด้านรูปแบบการเรียนที่ต้องการควรเป็นการเรียนเป็นกลุ่ม ทำงานเป็นกลุ่ม ให้คะแนนทั้งจากการสอบและจากผลงานด้วย

2. รูปแบบการการสอนที่พัฒนาขึ้น ประยุกต์จากการนำแนวคิดการเรียนแบบร่วมมือ ผสมผสานกับแนวคิดการเรียนเป็นทีม ได้รูปแบบใหม่ชื่อว่าการเรียนรู้แบบทีมร่วมมือ (Cooperative-Team Learning: CTL)มีองค์ประกอบ 5 องค์ประกอบ คือ หลักการวัตถุประสงค์เนื้อหาการเรียนรู้ ขั้นตอนการเรียนรู้ และการวัดและประเมินผลมีขั้นตอนกิจกรรมการเรียนการรู้ 5 ขั้นตอน (PCTCA procedure) คือ 1) ขั้นเตรียม (Preparation:P)เป็นขั้นจัดทีมผู้เรียนและทดสอบความพร้อมผู้เรียน 2) ขั้นการเรียนรู้ร่วมกัน (Class Study:C) เป็นขั้นการเรียนรู้ทั้งห้องและมอบหมายงาน3) ขั้นทำงานเป็นทีม (Team Study:T) เป็นขั้นการทำงานที่ได้รับมอบหมาย4) ขั้นตรวจสอบผลสำเร็จ (Completion:C) เป็นขั้นนำเสนอผลงานทีมการอภิปรายและสะท้อนผลและขั้นประเมินผล (Assessment:A)เป็นขั้นทดสอบความรู้ตามเนื้อหารายคน ทดสอบทักษะรายคน และประเมินจากผลงานทีม เมื่อเรียนครบเนื้อหาแล้ว ลักษณะรูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นจะจัดผู้เรียนเป็นทีม ๆ ละ 3 คน อยู่ในทีมของตนตลอดระยะการทดลอง เนื้อหากิจกรรมการเรียนรู้เป็นการใช้โปรแกรมนำเสนอ Microsoft PowerPoint ในการสร้างตัวละคร ฉาก และส่วนประกอบของนิทานที่ผู้เรียนออกแบบ เรียนรู้ตั้งแต่การเริ่มต้นใช้โปรแกรม การสร้างส่วนประกอบของนิทานด้วยโปรแกรม จนถึงการนำเสนอผลงานเมื่อเสร็จสิ้น ผู้สอนประเมินสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านทักษะการปฏิบัติด้วยการทำแบบทดสอบ การสังเกตการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ และการประเมินจากชิ้นงานผลการทดสอบประสิทธิภาพของรูปแบบการสอน(E1/E2) ขั้นทดลองใช้ เท่ากับ 85.33/83.33เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ 80/80

3.ผลการนำรูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง พบว่าคะแนนสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้านทักษะปฏิบัติของกลุ่มทดลองมีคะแนนก่อนเรียนเฉลี่ย 28.07 คะแนนหลังเรียนเฉลี่ย 34.33 จากคะแนนเต็ม 40 เมื่อทดสอบด้วยค่าสถิติที พบว่า คะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 คะแนนสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหลังเรียนของกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ย 34.33 กลุ่มควบคุมมีคะแนนเฉลี่ย 29.31 เมื่อทดสอบด้วยค่าสถิติที พบว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนหลังเรียนสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01ผลการทดสอบประสิทธิภาพของรูปแบบการสอน(E1/E2) ขั้นนำไปใช้จริง เท่ากับ 85.32/85.83 เป็นไปตามเกณฑ์

ที่กำหนดไว้ที่ 80/80

4. ผลการประเมินผลรูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดนักเรียนมีความคิดเห็นว่าการเรียนรู้แบบทีมร่วมมือช่วยกระตุ้นความสนใจ ช่วยพัฒนาทักษะทางสังคม ได้ฝึกปฏิบัติอย่างทั่วถึง สร้างความมั่นใจในตนเองและช่วยพัฒนาสมรรถนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้นโดยครูผู้ใช้และผู้เกี่ยวข้องภาพรวมมีความเหมาะสมระดับมากที่สุด

โพสต์โดย เอ็ม : [18 ก.พ. 2563 เวลา 06:14 น.]
อ่าน [2912] ไอพี : 49.48.89.168
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,058 ครั้ง
กลิ่นกุหลาบช่วยกระตุ้นหน่วยความจำ
กลิ่นกุหลาบช่วยกระตุ้นหน่วยความจำ

เปิดอ่าน 463 ครั้ง
ออกแบบมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์ต้องเริ่มยังไง
ออกแบบมัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์ต้องเริ่มยังไง

เปิดอ่าน 211,619 ครั้ง
สูตรลดความอ้วนอย่างรวดเร็ว...เพื่อหุ่นเป๊ะในไม่กี่สัปดาห์
สูตรลดความอ้วนอย่างรวดเร็ว...เพื่อหุ่นเป๊ะในไม่กี่สัปดาห์

เปิดอ่าน 71,753 ครั้ง
3ป. ที่ทำให้ลูก"เสียคน"
3ป. ที่ทำให้ลูก"เสียคน"

เปิดอ่าน 20,564 ครั้ง
ประโยชน์ของ "เปลือกกล้วย" ที่คุณอาจไม่รู้
ประโยชน์ของ "เปลือกกล้วย" ที่คุณอาจไม่รู้

เปิดอ่าน 10,363 ครั้ง
คลิปนี้ต้องดูคนเดียว "พนักงานร้านอาหารก็มีแม่"
คลิปนี้ต้องดูคนเดียว "พนักงานร้านอาหารก็มีแม่"

เปิดอ่าน 22,239 ครั้ง
มอบอำนาจให้ รอง กพฐ.ทำสัญญาการผ่อนชำระหนี้ รับสภาพหนี้ การดำเนินคดีฯ
มอบอำนาจให้ รอง กพฐ.ทำสัญญาการผ่อนชำระหนี้ รับสภาพหนี้ การดำเนินคดีฯ

เปิดอ่าน 11,078 ครั้ง
ชมคลิป สถานทูตสหรัฐทำคลิปรับวันสงกรานต์
ชมคลิป สถานทูตสหรัฐทำคลิปรับวันสงกรานต์

เปิดอ่าน 10,548 ครั้ง
5 เทคโนโลยีสำคัญในปี 2559
5 เทคโนโลยีสำคัญในปี 2559

เปิดอ่าน 6,535 ครั้ง
คู่มือการดำเนินของนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
คู่มือการดำเนินของนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

เปิดอ่าน 43,410 ครั้ง
คำพังเพย
คำพังเพย

เปิดอ่าน 13,384 ครั้ง
ประวัติความเป็นมาของยางพารา
ประวัติความเป็นมาของยางพารา

เปิดอ่าน 25,439 ครั้ง
ไม้ดอกไม้ประดับ (สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 30)
ไม้ดอกไม้ประดับ (สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 30)

เปิดอ่าน 7,734 ครั้ง
ตอบโจทย์ "ปฏิรูปการศึกษา"?
ตอบโจทย์ "ปฏิรูปการศึกษา"?

เปิดอ่าน 27,036 ครั้ง
สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน
สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน

เปิดอ่าน 5,687 ครั้ง
"#TikTokUni" ยกระดับการเรียนรู้ สู่การพัฒนาตนเองของคน Genใหม่
"#TikTokUni" ยกระดับการเรียนรู้ สู่การพัฒนาตนเองของคน Genใหม่
เปิดอ่าน 24,836 ครั้ง
ร้อยความเชื่อหลักการ
ร้อยความเชื่อหลักการ 'ตั้งชื่อ'
เปิดอ่าน 31,351 ครั้ง
เรื่องของคาราโอเกะ
เรื่องของคาราโอเกะ
เปิดอ่าน 58,456 ครั้ง
ภาษาไทย ภาษาชาติ และการสอนของครู
ภาษาไทย ภาษาชาติ และการสอนของครู
เปิดอ่าน 3,963 ครั้ง
ที่มาของทฤษฏีพีทาโกรัส
ที่มาของทฤษฏีพีทาโกรัส

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ