ชื่อเรื่อง การประเมินโครงการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพครู (Professional Learning Community) โรงเรียนเทศบาล 5 วัดพระปฐมเจดีย์
ผู้ประเมิน นางสาวลภัสรดา ทิพย์แก้ว
ระยะเวลาในการประเมินโครงการ 1 พฤษภาคม 2560 ถึง 31 มีนาคม 2561
บทคัดย่อ
การประเมินโครงการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพครู (Professional Learning Community) โรงเรียนเทศบาล 5 วัดพระปฐมเจดีย์ มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ 1) เพื่อประเมินสภาวะแวดล้อมโครงการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพครู (Professional Learning Community) 2) เพื่อประเมินปัจจัยเบื้องต้นโครงการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพครู (Professional Learning Community) 3) เพื่อประเมินกระบวนการโครงการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพครู (Professional Learning Community) และ 4) เพื่อประเมินผลผลิตโครงการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพครู (Professional Learning Community) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในการประเมินครั้งนี้ คือ ผู้บริหารสถานศึกษา และครู จำนวน 66 คน ระยะเวลาในการประเมินโครงการในช่วงระหว่างเดือน พฤษภาคม พ.ศ.2560 ถึง เดือนมีนาคม พ.ศ.2561 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลมีจำนวน 2 ชุด คือ 1) แบบประเมินมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ แบ่งเป็น 4 ฉบับ ฉบับที่ 1 แบบสอบถามสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามและแบบประเมินด้านสภาวะแวดล้อมโครงการ จำนวน 5 ข้อ ฉบับที่ 2 แบบประเมินด้านปัจจัยเบื้องต้นโครงการ จำนวน 8 ข้อ ฉบับที่ 3 แบบประเมินด้านกระบวนการโครงการ จำนวน 9 ข้อ ฉบับที่ 4 แบบประเมินด้านผลผลิตโครงการ จำนวน 15 ข้อ 2) แบบสัมภาษณ์ เป็นแบบสัมภาษณ์ด้านสภาวะแวดล้อม 1 ฉบับ จำนวน 4 ข้อ และด้านกระบวนการ 1 ฉบับ จำนวน 2 ข้อ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
จากผลการประเมิน สรุปข้อมูลออกเป็น 4 ด้านดังต่อไปนี้
1. ด้านสภาวะแวดล้อมพบว่า การกำหนดหลักการ วัตถุประสงค์ และ นโยบาย เป้าหมาย วิธีการดำเนินการ ตรงกับความต้องการของครู นักเรียน โครงการมีความชัดเจนและสอดคล้องกัน ส่งผลให้เกิดคุณภาพครูและคุณภาพนักเรียน มีความเหมาะสมและปฏิบัติจริงได้ อยู่ในระดับมาก แต่ประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดในด้านนี้ คือ การกำหนดวิธีดำเนินการ และระยะเวลามีความเหมาะสมและปฏิบัติจริงได้
2. ด้านปัจจัยเบื้องต้นพบว่า บุคลากร คือผู้บริหารและครู มีจำนวนในการดำเนินโครงการอย่างเหมาะสมเพียงพอ มีการจัดสรรงบประมาณดำเนินโครงการอย่างเหมาะสม คุ้มค่า และเพียงพอ อีกทั้งโรงเรียนมีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาอย่างเป็นระบบ วัสดุ อุปกรณ์และสื่อการเรียนรู้มีความหลากหลาย เหมาะสมและเพียงพอ รวมไปถึงโรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้ อาคารสถานที่ และสิ่งแวดล้อมเอื้อต่อการเรียนรู้ อยู่ในระดับมาก แต่ประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดในด้านนี้ คือ มีเครือข่ายวิชาชีพที่สนับสนุนในการพัฒนา
3. ด้านกระบวนการพบว่า การวางแผนการปฏิบัติงานตามโครงการ มีลำดับขั้นตอนชัดเจน มีการปฏิบัติงานตามโครงการด้านการสนทนากลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ (PLC) ของแต่ละระดับชั้นและกลุ่มสาระการเรียนรู้ การปฏิบัติงานตามโครงการด้านการนิเทศติดตามการจัดการเรียนรู้ อีกทั้งการนิเทศ ติดตาม กำกับ ดูแลการดำเนินโครงการตามขั้นตอนที่กำหนดทุกระยะ การวางแผนดำเนินโครงการเป็นขั้นตอนอย่างเป็นระบบ การปฏิบัติงานตามโครงการ การปฏิบัติงานตามโครงการด้านการจัดกิจกรรมศึกษาดูงาน การปฏิบัติงานตามโครงการด้านการอบรมพัฒนาครู รวมถึงการดำเนินกิจกรรมที่กำหนดในโครงการตามขั้นตอนทุกกิจกรรม และการประเมินผลการดำเนินโครงการ อยู่ในระดับมาก แต่ประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดในด้านนี้ คือ การวิเคราะห์และนำผลการประเมินมาพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง
4. ด้านผลผลิต พบว่าคุณครูมีความรู้ ความสามารถ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้และเน้นส่งเสริมทักษะการคิดของนักเรียน มีการเตรียมการสอนและจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ตามขั้นตอนที่เน้นกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ มีความสามารถในการวิเคราะห์และวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะการคิดและมุ่งยกระดับผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน ด้านคุณภาพของนักเรียน พบว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าในด้านทักษะการคิดเพิ่มเติมขึ้นอย่างสม่ำเสมอ มีทักษะการคิดที่จำเป็นต่อการทำงาน ได้แก่ ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการคิดสังเคราะห์ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ทักษะการคิดสร้างสรรค์ และทักษะการคิดแก้ปัญหา นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น แต่นักเรียนยังขาดการแสดงความสามารถและผลงานทางวิชาการสู่ชุมชนและวงการศึกษา
กล่าวโดยสรุป โครงการนี้ดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงสมควรดำเนินการต่อไป