ผู้วิจัย นายสุรพงศ์ วาลมูลตรี รองผู้อำนวยการสถานศึกษา
วิทยฐานะ รองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม
อำเภอวาปีทุม จังหวัดมหาสารคาม
ปีวิจัย ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อศึกษาวิเคราะห์บริบทและสภาพแวดล้อมของโรงเรียน เพื่อสร้างรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม การวิจัยครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาวิเคราะห์บริบทและสภาพแวดล้อมของโรงเรียน ประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ผู้บริหาร และครูโรงเรียนขามป้อมพิทยาคม จำนวน 18 คน ด้วยการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Work Shop) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการสังเคราะห์ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ ด้วยสถิติการบรรยาย ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ บุคลากรในโรงเรียนและผู้บริหารสถานศึกษาอื่น จำนวน 5 คน ในการจัดสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion : FGD.) และผู้บริหารสถานศึกษาที่ทดลองใช้รูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ จำนวน 5 คนในการตรวจสอบรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ รูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม และแบบตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม วิเคราะห์ข้อมูลด้วย การหาค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และสถิติการบรรยาย ขั้นตอน ที่ 3 การศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียนของโรงเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 120 คน นักเรียนของโรงเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 120 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบสองขั้นตอน (Two Stage Random Sampling) และครูผู้สอนในโรงเรียน จำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ รูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม แบบประเมินคุณลักษณะคนดีสู่วิถีพอเพียง แบบประเมินความสามารถในการจัดการเรียนรู้และแบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ขั้นตอนที่ 4 การประเมินรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม ประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและด้านการบริหารสถานศึกษา จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ รูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม และแบบสอบถามเพื่อการประเมินรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป
สรุปผลการวิจัย
จากการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้
1. การศึกษาวิเคราะห์บริบทและสภาพแวดล้อมของโรงเรียนจากการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกันระหว่างผู้บริหาร ครูผู้สอนและบุคลากรในโรงเรียน สรุปได้เป็น วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมายและยุทธศาสตร์การพัฒนาของโรงเรียน
2. รูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ของโรงเรียนโรงเรียนขามป้อมพิทยาคม อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม (3SPC-PLC Model) ประกอบด้วย ตัวรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม และหลักการ จำนวน 5 หลักการ ประกอบด้วย หลักการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม หลักการกำหนดกลยุทธ์ หลักการปฏิบัติตามกลยุทธ์ หลักการควบคุมและประเมินกลยุทธ์และหลักการความพอใจ และผลการตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม พบว่า โดยรวมรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม มีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.78 และเมื่อพิจารณาทั้งรูปแบบการบริหารและหลักการ พบว่า ทั้งรูปแบบการบริหารและทุกหลักการ มีความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด โดยสูงสุดคือรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม และหลักการที่มีความเหมาะสมสูงสุด คือ หลักการกำหนดกลยุทธ์ กับหลักการปฏิบัติตามกลยุทธ์ รองลงมาคือ หลักการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และหลักการควบคุมและประเมินกลยุทธ์กับหลักการความพอใจ ตามลำดับ
3. การศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม มีดังนี้
3.1 การพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง โดยใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โดยผู้บริหารมีการสนับสนุนปัจจัยเกื้อหนุนในการพัฒนา มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ได้แก่ (1) การสร้างค่านิยมและวิสัยทัศน์ร่วมกัน (2) โครงสร้างและสิ่งสนับสนุน (3) การทำงานอย่างประสานความร่วมมือ (4) ชุมชนกัลป์ยาณมิตร (5) ร่วมกันสะท้อนคิด (6) การเรียนรู้และการพัฒนาวิชาชีพ
3.2 คุณลักษณะคนดีสู่วิถีพอเพียงตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียน พบว่า โดยรวมผู้ปกครองนักเรียนมีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะคนดีสู่วิถีพอเพียงของนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.74 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านและรายข้อ พบว่า ทุกด้านและทุกข้อผู้ปกครองนักเรียนมีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะคนดีสู่วิถีพอเพียงของนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด โดยสูงสุดคือ ด้านความพอประมาณ รองลงมาคือ ด้านเงื่อนไขความรู้ ลำดับต่อมาคือ ด้านความมีเหตุผลกับด้านเงื่อนไขคุณธรรม และด้านการมีภูมิคุ้มกันที่ดี ตามลำดับ
3.3 ความสามารถในการจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของครูในโรงเรียนขามป้อมพิทยาคม พบว่า โดยรวม ครูมีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.74 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านครูมีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด โดยสูงสุดคือ ด้านความพอประมาณ รองลงมาคือ ด้านเงื่อนไขความรู้ ลำดับต่อมาคือ ด้านเงื่อนไขคุณธรรม และด้านความมีเหตุผลกับด้านการมีภูมิคุ้มกันที่ดี ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านและรายข้อ พบว่า ทุกด้านและทุกข้อ ครูมีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อยู่ในระดับมากที่สุด
3.4 ความพึงพอใจของครูที่มีต่อรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม พบว่า โดยรวมครูมีความพึงพอใจต่อหลักการตามรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.75 และเมื่อพิจารณาเป็นรายหลักการ พบว่า ทุกหลักการครูมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด โดยสูงสุดคือ หลักการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม รองลงมาคือ หลักการปฏิบัติตามกลยุทธ์ ลำดับต่อมาคือ หลักการความพอใจ และหลักการกำหนดกลยุทธ์กับหลักการควบคุมและประเมินกลยุทธ์ ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อของแต่ละหลักการ พบว่า ทุกข้อของแต่ละหลักการครูมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
4. การประเมินรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม พบว่า โดยรวมรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม มีความเหมาะสมสามารถปฏิบัติได้ อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.64 และเมื่อพิจารณาทั้งตัวรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม และหลักการ พบว่า ทั้งตัวรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้
เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม และทุกหลักการ มีความเหมาะสมสามารถปฏิบัติได้ อยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีความเหมาะสมสามารถปฏิบัติได้สูงสุดคือ ตัวรูปแบบการบริหารโรงเรียนในการพัฒนาครูด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกแบบรวมพลัง สู่วิถีพอเพียง ผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนขามป้อมพิทยาคม ส่วนหลักการที่มีความเหมาะสมสามารถปฏิบัติได้สูงสุดคือ หลักการปฏิบัติตามกลยุทธ์ รองลงมาคือ หลักการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมกับหลักการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม รองลงมาคือ หลักการปฏิบัติตามกลยุทธ์ ลำดับต่อมาคือ หลักการกำหนดกลยุทธ์กับหลักการควบคุมและประเมินกลยุทธ์ และหลักการความพอใจ ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อของแต่ละหลักการ พบว่า ทุกข้อของแต่ละหลักการมีความเหมาะสมสามารถปฏิบัติได้อยู่ในระดับมากที่สุด