ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถ ในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

ชื่อผู้วิจัย นางสาวบุรัสกาญ สุวรรณ์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนเทศบาล ๔ หนองแคอนุสรณ์ สังกัดกองการศึกษาเทศบาลตำบลหนองแค

จังหวัดสระบุรี

ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2561

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research& Development ) มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการการการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถ ในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แหล่งข้อมูล/กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์การวิจัยขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สาระที่ 2 การเขียน และสาระที่ 4 หลักการใช้ภาษา สาระการเรียนรู้เรื่องการเขียนบรรยายเกี่ยวกับลักษณะของคน สัตว์ สิ่งของสถานที่ การแต่งประโยคเพื่อการสื่อสาร และมารยาทในการเขียน ทฤษฎีการเรียนรู้และการเชื่อมโยงความคิดของแฮร์บาร์ต ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ ทฤษฎีการเรียนรู้ด้วยกระบวนการค้นพบของบรุนเนอร์ ทฤษฎีการเรียนรู้อย่างมีความหมายของอซูเบล และทฤษฎีการเรียนรู้แบบกลุ่มผสมผสานของกาเย่ และทฤษฎีการสร้างความรู้ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน และความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ การศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับความต้องการในการจัดการเรียนรู้ภาษาไทย แนวคิดในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนและผลการทดสอบวัดความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (NT) ของผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 2 คน ด้วยการสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการ และการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยกับครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จำนวน 4 คน แหล่งข้อมูล/กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยขั้นตอนที่ 2 ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในขั้นตอนที่ 1 ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ในการตรวจสอบความเหมาะสม/สอดคล้อง และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 30 คน ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง แหล่งข้อมูล/กลุ่มตัวอย่างตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยขั้นตอนที่ 3 และ 4 ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาล ๔ หนองแคอนุสรณ์ สังกัดกองการศึกษาเทศบาลตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จำนวน 32 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling ) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) คู่มือการใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย และ5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปและการคิดวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) สถิติที่ใช้ได้แก่การหาค่าเฉลี่ย (x̄) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าที (t-test dependent )

ผลการวิจัย

1. ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ข้อมูลพื้นฐานโดยภาพรวมมีความเหมาะสม/สอดคล้องและเพียงพอกับการศึกษา เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 1 โดยจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีเป้าหมายการของการศึกษา ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาเต็มตามศักยภาพ โดยเน้นทักษะการอ่านและการเขียนและจากความคิดเห็นของนักเรียน พบว่า ต้องการให้จัดการเรียนรู้ที่มีเนื้อหาไม่ซับซ้อนเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและกิจกรรมการเรียนรู้ที่ได้ร่วมกันคิดร่วมกันฝึกปฏิบัติ ในส่วนของรองผู้อำนวยการสถานศึกษามีความคิดเห็นว่า การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนควรเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และความคิดเห็นของครูหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยกับครูผู้สอนภาษาไทย พบว่า แนวทางในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยควรฝึกทักษะการเขียนอย่างสร้างสรรค์ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดอย่างอิสระ

2. ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า รูปแบบการเรียนการสอน (ERPE Model ) ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วยกระบวนการเรียนรู้ 4 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 กระตุ้นเตรียมความพร้อม (Encouragement: E) ขั้นตอนที่ 2 การสะท้อนความคิด (Roflection: R) ขั้นตอนที่ 3 การฝึกปฏิบัติ (Practice: P) ซึ่งประกอบด้วย 1) การสร้างแรงจูงใจ 2) การแลกเปลี่ยนความคิด 3) การร่างข้อมูล 4) ทบทวนปรับปรุง และ 5) นำเสนอผลงาน ขั้นตอนที่ 4 การประเมินผล (Evaluation: E) มีความเหมาะสม/สอดคล้องตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 5 คน โดยมีค่าความเหมาะสมสอดคล้องมีค่าเฉลี่ย (x̄) เท่ากับ 4.88 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 0.32 และจากการหาประสิทธิภาพโดยนำไปทดลองใช้ (Tyout) กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน พบว่า มีประสิทธิภาพ ( E1/E2 ) เท่ากับ 83.12/85.07 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 2

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (ERPE Model) พบว่า จากการนำรูปแบบการเรียนการสอน (ERPE Model ) ไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาล ๔ หนองแคอนุสรณ์ สังกัดกองการศึกษาเทศบาลตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling ) ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม (Sampling Unit ) หลังการเรียนการสอนนักเรียนมีความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 30.612 โดยก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ย (x̄) เท่ากับ 7.13 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.78 และหลังเรียนเท่ากับ 13.45 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.31 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 3 และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 41.157 โดยมีคะแนนเฉลี่ย (x̄) ก่อนเรียน เท่ากับ 14.78 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.65 และหลังเรียนเท่ากับ 27.00 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.88 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 4

4. ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (ERPE Model) พบว่า หลังการจัดการเรียนการสอนนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนในภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ย (x̄) เท่ากับ 2.88 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.11 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 5

โพสต์โดย เกต : [15 ก.พ. 2564 เวลา 10:18 น.]
อ่าน [2959] ไอพี : 101.108.43.84
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 3,899 ครั้ง
เงินเฟ้อ คืออะไร
เงินเฟ้อ คืออะไร

เปิดอ่าน 14,854 ครั้ง
ประโยชน์ ของการดื่มเบียร์
ประโยชน์ ของการดื่มเบียร์

เปิดอ่าน 47,514 ครั้ง
111 ประโยคอังกฤษสั้นๆ เพื่อผู้เริ่มหัดสนทนา
111 ประโยคอังกฤษสั้นๆ เพื่อผู้เริ่มหัดสนทนา

เปิดอ่าน 75,228 ครั้ง
อำนาจหน้าที่ของศึกษาธิการจังหวัด
อำนาจหน้าที่ของศึกษาธิการจังหวัด

เปิดอ่าน 12,282 ครั้ง
มะนาวฆ่ามะเร็ง เรื่องนี้เชื่อได้จริงหรือยังไม่ผ่านการพิสูจน์ ?
มะนาวฆ่ามะเร็ง เรื่องนี้เชื่อได้จริงหรือยังไม่ผ่านการพิสูจน์ ?

เปิดอ่าน 8,970 ครั้ง
ประวัติความเป็นมา วันแม่
ประวัติความเป็นมา วันแม่

เปิดอ่าน 11,551 ครั้ง
ลิงกอริลลาเป็นต้นตอ เชื้อไวรัสโรคเอดส์เพิ่มขึ้นอีกสายพันธุ์หนึ่ง
ลิงกอริลลาเป็นต้นตอ เชื้อไวรัสโรคเอดส์เพิ่มขึ้นอีกสายพันธุ์หนึ่ง

เปิดอ่าน 27,528 ครั้ง
รวมวิธีการใช้งาน Google Plus สำหรับผู้เริ่มต้น
รวมวิธีการใช้งาน Google Plus สำหรับผู้เริ่มต้น

เปิดอ่าน 30,008 ครั้ง
ภาพกีฬามันๆ โหด มัน ฮา ตลก ขำๆ มาดูกันคลายเครียด
ภาพกีฬามันๆ โหด มัน ฮา ตลก ขำๆ มาดูกันคลายเครียด

เปิดอ่าน 53,989 ครั้ง
พิชิตคณิตให้เป็นเรื่องง่าย
พิชิตคณิตให้เป็นเรื่องง่าย

เปิดอ่าน 31,095 ครั้ง
สรรพคุณทางยาของ "ผักแขยง"
สรรพคุณทางยาของ "ผักแขยง"

เปิดอ่าน 13,176 ครั้ง
ใช้หมากรุกเป็นวิชา แก้ตกเลขซ้ำซาก
ใช้หมากรุกเป็นวิชา แก้ตกเลขซ้ำซาก

เปิดอ่าน 10,995 ครั้ง
วิธีถนอม Handy drive สุดรัก
วิธีถนอม Handy drive สุดรัก

เปิดอ่าน 26,964 ครั้ง
ความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการเก็บข้อมูลของการวิจัย
ความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากการเก็บข้อมูลของการวิจัย

เปิดอ่าน 24,907 ครั้ง
มาตรฐานของ e-learning
มาตรฐานของ e-learning

เปิดอ่าน 23,851 ครั้ง
ไขข้อข้องใจ กินเห็ดมีประโยชน์จริงหรือ?
ไขข้อข้องใจ กินเห็ดมีประโยชน์จริงหรือ?
เปิดอ่าน 11,767 ครั้ง
7 วิธีกินผักแบบไม่ขาดสารอาหาร รับเทศกาลเจ
7 วิธีกินผักแบบไม่ขาดสารอาหาร รับเทศกาลเจ
เปิดอ่าน 104,876 ครั้ง
ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ศตวรรษที่ ๒๑ : ไทยแลนด์ ๔.o
ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ศตวรรษที่ ๒๑ : ไทยแลนด์ ๔.o
เปิดอ่าน 12,668 ครั้ง
สื่อวีดิทัศน์การพัฒนาสมรรถนะการอ่านขั้นสูงสำหรับนักเรียนชั้น ม.ต้น ผ่านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
สื่อวีดิทัศน์การพัฒนาสมรรถนะการอ่านขั้นสูงสำหรับนักเรียนชั้น ม.ต้น ผ่านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
เปิดอ่าน 10,143 ครั้ง
หนุ่มสาวออฟฟิศ ระวังหมอนรองกระดูกเสื่อมเร็ว
หนุ่มสาวออฟฟิศ ระวังหมอนรองกระดูกเสื่อมเร็ว

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ