การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ให้เป็นไปตามเกณฑ์ 75/75 (2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนาแก้ววิทยา (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (4) เพื่อศึกษาความพึงพอในของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนาแก้ววิทยา ตัวอย่างใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนนาแก้ววิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 32 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ว23102 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนาแก้ววิทยา โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน จำนวน 12 แผน ใช้เวลาสอนทั้งสิ้น 18 ชั่วโมง แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหา รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ว23102 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนาแก้ววิทยา โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็นแบบเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก 10 สถานการณ์ จำนวน 40 ข้อ 40 คะแนน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ว23102 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน แบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 40 คะแนน และแบบสอบถาม ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ว23102 เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนาแก้ววิทยา แบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ

สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการทดสอบค่าที (t-test dependent) สรุปผลการวิจัย ดังนี้

1.1 ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนาแก้ววิทยา มีประสิทธิภาพ( / ) เท่ากับ 86.71/86.61

ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด

1.2 ผลการเปรียบเทียบคะแนนทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน พบว่า นักเรียนความสามารถในการแก้ปัญหาหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

1.3 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่า

ก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

1.4 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนนาแก้ววิทยา ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม พบว่า โดยรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก

เว็บน่าสนใจ