การประเมินครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินบริบท ปัจจัยนำเข้า กระบวนการและผลผลิตของการประเมินโครงการส่งเสริมรักการอ่านของนักเรียน โรงเรียนบ้านทุ่งพลับ ปีการศึกษา 2563 ผู้ประเมินได้ใช้วิธีการประเมินตามแนวคิดรูปแบบการประเมินแบบซิปป์โมเดล (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) นำมาใช้ในการประเมินกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครองและนักเรียน จำนวน 196 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บ รวบรวมข้อมูลในการประเมินครั้งนี้เป็นแบบวัดและแบบสอบถามมีลักษณะเป็นมาตราส่วน ประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเชื่อมั่น 0.95 0.92 0.93 0.94 0.92 0.91 และ0.93 ตามลำดับ ผู้ประเมินวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการประเมินพบว่า การประเมินโครงการส่งเสริมรักการอ่านของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งพลับ ปีการศึกษา 2563 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 ทั้ง 4 ด้าน โดยภาพรวมมีอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละรายด้านพบว่าด้านปัจจัยนำเข้า มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาคือด้านบริบท ด้านผลผลิต และด้านกระบวนการ มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าด้านอื่นๆ และเมื่อพิจารณาแต่ละด้านพบว่า 1)การประเมินบริบทของการประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านของ นักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งพลับ ปีการศึกษา 2563 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 โดยภาพรวมมีอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละรายตัวชี้วัดพบว่าความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาคือด้านความเป็นไป ได้ของเป้าหมายของโครงการ และด้านความต้องการจำเป็นของการดำเนินโครงการ ส่วนด้านความสอดคล้องของหลักการการดำเนินงานของโครงการกับนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าตัวชี้วัดอื่นๆ 2) การประเมินปัจจัยนำเข้าของการประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านของนักเรียน โรงเรียนบ้านทุ่งพลับ ปีการศึกษา 2563 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 โดยภาพรวมมีอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาในแต่ละรายตัวชี้วัดพบว่าระดับความเหมาะสมของบุคลากรมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาคือระดับความเหมาะสมของงบประมาณ 3)การประเมินกระบวนการของการประเมินโครงการส่งเสริมรักการอ่านของนักเรียน โรงเรียนบ้านทุ่งพลับ ปีการศึกษา 2563 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 โดยภาพรวมมีอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละรายตัวชี้วัดพบว่ากิจกรรมสร้างสรรค์การอ่านการเขียน มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาคือ กิจกรรมซ่อมเสริมส่วนกิจกรรมห้องสมุดเคลื่อนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าตัวชี้วัดอื่นๆ 4) การประเมินผลผลิตของโครงการส่งเสริมรักการอ่านของนักเรียน โรงเรียนบ้านทุ่งพลับปีการศึกษา 2563 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 ด้านผลผลิตโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาตามตัวชี้วัดพบว่าความพึงพอใจของผู้ที่เกี่ยวข้องต่อโครงการค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาคือการนำนิสัยรักการอ่านไปใช้ในการพัฒนาตนเองของนักเรียน ส่วนลักษณะนิสัยรักการอ่านของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าตัวชี้วัดอื่นๆ

คำสำคัญ : การประเมินโครงการ, การอ่าน, การส่งเสริมรักการอ่าน

เว็บน่าสนใจ