ชื่อเรื่องการวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปฏิบัติท่ารำเพลงชาวไทยของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการฝึกสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน
ผู้วิจัย ปราณี บุญจิ่ม
ปีที่วิจัย 2563
1.สภาพปัญหา
ในปัจจุบันการจัดการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระ นาฏศิลป์ ได้รับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก สาระนาฏศิลป์เป็นอีกสาระหนึ่งที่ต้องใช้ทักษะในการแสดงออก ล้วนแต่เป็นการใช้ทักษะทั้งสิ้น ผู้วิจัยได้ปฏิบัติหน้าที่การสอนในสาระนี้ ได้พบปัญหา คือ จากการเรียนการสอนการฝึกปฏิบัติท่ารำประกอบการรำเพลงชาวไทย ผู้วิจัยได้สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนพบว่า จะมีปัญหาในเรื่องการฝึกปฏิบัติท่ารำ ประกอบการรำเพลงชาวไทย ดังนี้
1.นักเรียนจำรายละเอียดท่ารำอย่างง่ายไม่ได้
2. นักเรียนรำไม่ถูกจังหวะ
3. เมื่อปฏิบัติท่ารำไม่ได้ก็เกิดความอายและเบื่อหน่าย
4. เวลาเรียนไม่เพียงพอกับการฝึกปฏิบัติการปฏิบัติท่ารำ
5. จำนวนนักเรียนมีมาก ผู้สอนดูแลไม่ทั่วถึง
จากสาเหตุดังกล่าวนี้จึงเห็นว่ามีผลกระทบต่อนักเรียน จึงทดลองการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดย
การจัดกิจกรรมแบบแบ่งกลุ่มซึ่งคละนักเรียนที่เก่งและไม่เก่งให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพื่อให้เพื่อนช่วยเหลือเพื่อนในการพัฒนาทักษะการฝึกปฏิบัติท่ารำประกอบการรำเพลงชาวไทยให้ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความชำนาญทำให้ผู้เรียนเกิดความมั่นใจในการรำ ส่งผลให้มีทักษะรำที่ดีขึ้น
2.คำถามวิจัย วิธีการฝึกสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการปฏิบัติท่ารำเพลงชาวไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้มากน้อยเพียงใด
3.วัตถุประสงค์การวิจัย
เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการสอนการฝึกปฏิบัติท่ารำประกอบการรำเพลงชาวไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการฝึกสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน
4.ประโยชน์ของการวิจัย
การวิจัยในครั้งนี้ทำให้ได้ข้อมูลในการพัฒนาการรำซึ่งผลการวิจัยดังกล่าวผู้สนใจสามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการเรียนการสอนดนตรีนาฏศิลป์ในชั้นอื่นได้ตามความเหมาะสม
5.ตัวแปรในการวิจัย
ตัวแปรต้น วิธีการฝึกสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน
ตัวแปรตาม ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปฏิบัติท่ารำเพลงชาวไทย
6.ประชากร
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนหนองโกวิชาประสิทธิ์พิทยาคม
7.กลุ่มตัวอย่าง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนหนองโกวิชาประสิทธิ์พิทยาคม จำนวน 10 คน ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60
8. เครื่องมือวิจัย
1. แบบฝึกพัฒนาทักษะการร้องและรำเพลงชาวไทย
9. การเก็บข้อมูล
ผู้วิจัยใช้เวลาในการเก็บข้อมูล 2 สัปดาห์ ทำการวิจัยในชั่วโมงเรียนวิชาดนตรีนาฏศิลป์ สัปดาห์ละ 1 วัน โดยได้ดำเนินการเก็บข้อมูลดังนี้
ครั้งที่ 1 ให้ความรู้กับนักเรียน ในเรื่องรำวงมาตรฐาน เพลงชาวไทย โดยมีเนื้อหาประวัติความเป็นมา ดังนี้
1.การร้องเพลงและเคาะจังหวะประกอบเพลง
2.การปฏิบัติท่ารำประกอบเพลง
3.ทำการทดสอบและเก็บข้อมูลให้นักเรียนทดสอบโดยการฝึกปฏิบัติเพลงชาวไทยตามที่ครูให้ฝึก และคัดเลือกนักเรียนที่มีความรู้และทักษะในการรำประกอบเพลงรำวงมาตรฐานเพลงชาวไทยเพื่อเป็นผู้ช่วยฝึกฝนและแนะนำการรำให้แก่เพื่อนนักเรียนและคนอื่น ๆ ในชั้นเรียน
ครั้งที่ 2 แบ่งนักเรียนที่ปฏิบัติได้กับไม่ได้ตามเกณฑ์และให้นักเรียนที่รำได้จับคู่สอนเพื่อนที่รำไม่ได้โดยใช้เวลาในชั่วโมงเรียนและทำการทดสอบการปฏิบัติท่ารำและนำผลมาเปรียบเทียบคะแนนที่ได้เป็นค่าเฉลี่ยและค่าร้อยละ ซึ่งมีเกณฑ์การประเมิน ดังนี้
เกณฑ์การประเมิน ระดับคะแนน
1. การฝึกซ้อมและเตรียมความพร้อม 3
2. การขับร้องเพลงประกอบการรำ 3
3. แสดงท่ารำถูกต้องตรงตามจังหวะเพลง 3
4. ความพร้อมเพรียงสวยงามในการแสดง 3
5. ความตั้งใจและความกล้าแสดงออก 3
10. การวิเคราะห์ข้อมูล
1. สถิติพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1.1 ค่าร้อยละ (Percentage) ใช้สูตรดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 104)
เมื่อ P แทน ร้อยละ
f แทน ความถี่ที่ต้องการแปลงให้เป็นร้อยละ
N แทน จำนวนความถี่ทั้งหมด
1.2 ค่าเฉลี่ย (Mean) ใช้สูตรดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 105)
=
เมื่อ แทน ค่าเฉลี่ย
X แทน ผลรวมของคะแนน
N แทน จำนวนข้อมูล
11. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ตารางบันทึกผลการทดสอบก่อนและหลังการใช้วิธีฝึกแบบเพื่อนช่วยเพื่อน
ที่ เลขที่ คะแนนก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ คะแนนหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ
1 10 6 40.00 11 73.33
2 11 5 33.33 11 73.33
3 13 5 33.33 12 80.00
4 14 6 40.00 11 73.33
5 15 5 33.33 11 73.33
6 16 5 33.33 12 80.00
7 17 6 40.00 12 80.00
8 18 6 40.00 12 80.00
9 19 6 40.00 11 73.33
10 20 6 40.00 11 73.33
รวม 56 373.33 114 760.00
ค่าเฉลี่ย 5.60 37.33 11.40 76.00
จากตารางพบว่า ก่อนการใช้วิธีการฝึกสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนนักเรียนทั้ง 10 คน ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินร้อยละ 60 โดยมีคะแนนเฉลี่ยที่ 5.60 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 37.33 หลังจากใช้วิธีการฝึกสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนนักเรียนทั้ง 10 คน ผ่านเกณฑ์การประเมินร้อยละ 60 จำนวน 10 คน โดยมีคะแนนเฉลี่ยที่ 11.40 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 76.60
12. ผลการวิจัย
วิธีการฝึกสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนปฏิบัติท่ารำเพลงชาวไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้
13. การสะท้อนผล
1. สามารถต่อยอดการเรียนแบบเพื่อนสอนเพื่อนไปถึงเพลงรำวงมาตรฐานเพลงอื่น ๆ ได้ และการแสดงในเพลงอื่น ๆ ได้
2. นักเรียนแต่ละคนศักยภาพแตกต่างกัน การเรียนรู้จึงต้องเป็นไปตามความสามารถและมุ่งพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไปได้
3. เป็นการฝึกภาวะผู้นำ ผู้ตาม ให้นักเรียนเห็นคุณค่าและชื่นชมในตัวของตนเอง ที่สามารถทำให้เพื่อนฝึกรำมีการพัฒนาขึ้น
ภาคผนวก