Advertisement
Advertisement
วรรณคดีมรดกของไทยสมัยสุโขทัย โดย นางสิทธา พินิจภูวดล
สมัยสุโขทัย (ประมาณ พ.ศ. ๑๘๐๐ - ๑๘๙๕) วรรณกรรมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ประวัติวรรณคดี และประวัติภาษาไทยคือ ศิลาจารึกหลักที่ ๑ พ่อขุนรามคำแหง และไตรภูมิพระร่วง
|
|
หัวข้อ
ศิลาจารึกหลักที่ ๑ พ่อขุนรามคำแหง
รูปแบบการแต่งเป็นร้อยแก้ว เขียนลงบนแท่งหินสี่เหลี่ยมทั้งสี่ด้าน ใช้ตัวอักษรไทยและภาษาไทยตามแบบอย่างการใช้ภาษาสมัยสุโขทัยเนื้อเรื่องแบ่งเป็น ๓ ตอน
ตอนที่ ๑ ตั้งแต่บรรทัดที่ ๑ - ๑๘ เป็นอัตชีวประวัติของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์สุโขทัยราชวงศ์พระร่วง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
คำอ่านปัจจุบัน "พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสืยง..." และอีกตอนหนึ่ง "...ตนกูพุ่งช้างขุนสามชน ตัวชื่อมาสเมืองแพ้ ขุนสามชนพ่ายหนี พ่อกูจึงขึ้นชื่อกู ชื่อพระรามคำแหงเพื่อกูพุ่งช้างขุนสามชน..."
ข้อความตัวอย่าง กล่าวถึงพระราชประวัติและความเก่งกล้าสามารถจนได้รับพระราชทานพระนาม "พระรามคำแหง"
ตอนที่ ๒ เล่าเรื่อง เหตุการณ์และธรรมเนียมนิยมของคนสุโขทัย การดำเนินชีวิต การนับถือพุทธศาสนา การนับถือผี และการประดิษฐ์ตัวอักษรไทย
ตอนที่ ๓ เป็นคำสรรเสริญและยอพระเกียรติพ่อขุนรามคำแหง และกล่าวถึงอาณาเขตของเมืองสุโขทัย
จะเห็นได้ว่า ศิลาจารึกหลักที่ ๑ พ่อขุนรามคำแหง มีคุณสมบัติเด่นในแง่ประวัติศาสตร์ ประวัติวรรณคดี และประวัติภาษาไทย
[กลับหัวข้อหลัก]
|

ศิลาจารึก หลักที่ ๑ พ่อขุนรามคำแหง |
 |
|
|
ไตรภูมิพระร่วง
พระมหาธรรมราชาที่ ๑ หรือพญาลิไท กษัตริย์ราชวงศ์พระร่วง ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. ๑๘๘๘ โดยได้ทรงรวบรวมเรื่องราวทางศาสนาจากคัมภีร์โบราณต่างๆ ถึง ๓๐ คัมภีร์ กล่าวถึงไตรภูมิซึ่งแปลว่า แดน ๓ แดน คือ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ สัตว์โลกทั้งหลายย่อมวนเวียนเกิดและตายอยู่ใน ๓ ภูมินี้ การพรรณนาถึงแต่ละภูมิสร้างภาพอย่างชัดเจนอ่าน แล้วได้รับความเพลิดเพลิน อีกทั้งมีการสั่งสอนให้ประพฤติดีและกลัวบาป ซึ่งเป็นพระราชประสงค์ในการแต่งคือ เพื่อเทศนาถวายพระราชมารดา และเพื่อเป็นธรรมทานแก่บุคคลทั่วไป ตัวอย่างเช่น การพรรณนาถึงนรกตอนหนึ่ง ดังนี้
"คนฝูงใดอันเจรจาซื้อสิ่งสินท่าน...แลตน ใส่กลเอาสินท่านด้วยตาชั่งก็ดี...ครั้นว่ามันตาย ได้ไปเกิดในนรกนั้น ฝูงยมพะบาลเอาคีมคาบ ลิ้นเขาชักออกมา แล้วเอาเบ็ดเหล็กเกี่ยวลิ้นเขา ลำเบ็ดนั้นใหญ่เท่าลำตาล เทียรย่อมเหล็กแดง ลุกบ่มิเหือดสักเมื่อ..."
ความตอนนี้กล่าวถึงคนขายของที่โกงตาชั่งเมื่อตายแล้วจะตกนรก ยมบาลเอาคีมหนีบลิ้นดึงออกมา แล้วเกี่ยวด้วยเบ็ดเหล็กที่ลุกเป็นไฟไม่มีวันดับ จะเห็นสำนวนการเขียนที่เรียบง่ายเป็นที่เข้าใจได้ดีสำหรับคนในสมัยนั้น เหมาะกับการเทศน์สั่งสอนบุคคลทั่วไป
นอกจากไตรภูมิพระร่วงจะมีคุณค่าทาง ศาสนาแล้ว ยังมีอิทธิพลต่อคนไทยในอาณาจักรไทยอื่นๆ ในสมัยเดียวกันต่อลงมาจนถึงสมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ในปัจจุบันวรรณคดีมรดกไทยเรื่องนี้ปลูกฝังให้คนไทยนิยมยกย่องคนมีบุญที่มีจิตใจเมตตากรุณาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม
[กลับหัวข้อหลัก]
|

ไตรภูมิพระร่วง : ภาพนรก |
 |
|
|
Advertisement
|
เปิดอ่าน 55,716 ครั้ง |
เปิดอ่าน 47,434 ครั้ง |
เปิดอ่าน 62,302 ครั้ง |
เปิดอ่าน 108,599 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,177 ครั้ง |
เปิดอ่าน 47,020 ครั้ง |
เปิดอ่าน 19,484 ครั้ง |
เปิดอ่าน 313,873 ครั้ง |
เปิดอ่าน 276,479 ครั้ง |
เปิดอ่าน 21,376 ครั้ง |
เปิดอ่าน 62,877 ครั้ง |
เปิดอ่าน 3,292 ครั้ง |
เปิดอ่าน 73,213 ครั้ง |
เปิดอ่าน 43,454 ครั้ง |
เปิดอ่าน 38,027 ครั้ง | |
|

เปิดอ่าน 21,272 ☕ คลิกอ่านเลย |

เปิดอ่าน 3,977 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 41,809 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 25,280 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 37,212 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 276,479 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 5,538 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ 
เปิดอ่าน 15,269 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 40,573 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 10,926 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 7,294 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 17,903 ครั้ง |
|
|