|
|
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน
เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ผู้ศึกษาค้นคว้า นางสาวประภาศรี ถิ่นหนองจิก
ปีการศึกษา 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2) ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน และ 3) ขยายผลรูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/3 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามกอง(ขุนวิเศษนุกูลกิจอุทิศ) สังกัดเทศบาลนครภูเก็ต จำนวน 35 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยการพัฒนารูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน คู่มือการใช้รูปแบบการสอน หน่วยการเรียนรู้ แบบประเมินความสามารถด้านการคิดและการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย (x ̅) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าทีแบบไม่อิสระ (t - test dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. การพัฒนารูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีชื่อว่า CLTE มีองค์ประกอบหลักที่สำคัญในการจัดการเรียนรู้ 4 ด้านที่ต้องคำนึงถึงประกอบด้วย 1.ชุมชน (Community) 2. การจัดการเรียนรู้ (Learning) 3.เทคโนโลยี (Technology) และ4.การประเมินผล (Evaluation) รูปแบบการจัดการเรียนรู้มี 5 องค์ประกอบได้แก่ 1) หลักการเป็นการเรียนรู้บนฐานของชุมชนโดยคำนึงถึงองค์ประกอบ 4 ด้านของ CLTE โดยจัดการเรียนรู้ตามขั้นตอน PSRAA ซึ่งผู้เรียนต้องลงมือปฏิบัติจริงและแก้ปัญหาที่พบในชุมชนด้วยการเรียนรู้ที่หลากหลายและได้ชิ้นงานที่สร้างสรรค์ 2) วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 3) ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ PSRAA ประกอบด้วย (1) ขั้นเตรียมความพร้อม (Preparing : P ) (2) ขั้นกลยุทธ์การเรียนรู้ (Strategies : S) (3) ขั้นสู่ผลสะท้อนคิด (Reflection : R) และ (4) ขั้นประเมินประสิทธิผล (Assessing : A ) (5) ขั้นการประยุกต์ใช้ความรู้ (Applying : A ) 4) การวัดและประเมินผลประเมินภาพรวมของรูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน จากการสะท้อนคิดของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายและ 5) เงื่อนไขในการนำรูปแบบไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จได้แก่ (1) ชุมชนให้การส่งเสริมสนับสนุนและมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน (2) ผู้เรียนศึกษาข้อมูลพื้นฐานในชุมชนเพื่อเก็บข้อมูลด้วยตนเองฝึกการคิดและการแก้ปัญหาจากสถานการณ์จริงที่พบในชุมชนและ (3) การยึดหยุ่นเวลาในการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับกิจกรรมนอกห้องเรียนพบว่าการพัฒนารูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.48/81.43
2. ประสิทธิผลของรูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน พบว่า 2.1) หลังเรียนตามรูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน นักเรียนมีความสามารถด้านการคิดสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ด้านที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุดคือการค้นคว้าการแสวงหาคำตอบค้นหาความจริง ด้านที่มีคะแนนเฉลี่ยน้อยที่สุดคือความสามารถในการสรุปผลจากข้อมูลและหลักฐานต่างๆที่ปรากฏ 2.2) หลังเรียนตามรูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน นักเรียนมีความสามารถด้านการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ด้านที่มีคะแนนสูงที่สุดคือการค้นพบแนวคิด และด้านที่มีคะแนนเฉลี่ยน้อยที่สุดคือการนำไปปฏิบัติได้จริง
3. ผลการขยายผลรูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน พบว่าหลังเรียนตามรูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน นักเรียนมีความสามารถด้านการคิดและการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการสอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน อยู่ในระดับมาก
|
โพสต์โดย ญาสุมินท์ สิริทัตนนท์ : [19 ก.พ. 2565 เวลา 21:11 น.] อ่าน [812] ไอพี : 184.22.172.146
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 15,104 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 15,298 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 15,344 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 22,410 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 17,582 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 16,580 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 21,715 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,922 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 32,376 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,242 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 31,919 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 27,284 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,537 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 17,344 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 16,635 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 33,693 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 3,663 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 7,440 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 3,557 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 30,512 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|