ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชาเพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชาเพื่อ

ส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย

ผู้วิจัย นางสุชีรา หงษ์เจริญ

ปีวิจัย ปีการศึกษา 2564

บทคัดย่อ

การวิจัย เรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชาเพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัยคือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานของความต้องการการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย 3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัด การเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย และ 4) เพื่อสังเคราะห์และประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย

กลุ่มเป้าหมาย ใช้จริงในการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนเทศบาล ๔ (อุดมวิทย์สมใจ) ภาคเรียน

ที่ 1 ปีการศึกษา 2564 แบ่งเป็น ครูผู้สอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 15 คน และนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 108 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชาเพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย และแบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชาเพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบประเมินความสามารถในการจัดการเรียนรู้ จำนวน 15 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น .9403 แบบประเมินคุณลักษณะความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทยของนักเรียน (ครูประเมินนักเรียน) และ แบบประเมินคุณลักษณะความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทยของนักเรียน (นักเรียนประเมินตนเอง) ฉบับละ 13 ข้อ ได้ค่าความเชื่อมั่น .9265 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ยร้อยละ ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และสถิติการบรรยาย

ผลการวิจัยพบว่า

1. การศึกษาข้อมูลพื้นฐานของความต้องการการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย

สรุปได้ว่า ครูผู้สอนส่วนใหญ่เห็นพ้องกัน คือ การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย ครูผู้สอนจึงเห็นตรงกันว่าการพัฒนาความสามารถในการจัดการเรียนรู้ของครูโดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา มาร่วมเป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย เนื่องจากหลักศาสตร์พระราชา เป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู เพื่อให้เป็นการเรียนรู้ที่เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการระดมความคิดในการแก้ปัญหา บนพื้นฐานของความรู้เก่าบูรณาการความรู้ใหม่ ลงมือปฏิบัติเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และสร้างความยั่งยืนให้กับตนเอง บ้านเมือง

2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย ที่สร้างขึ้นมีชื่อว่า “KADE Model” ซึ่งมี 7 องค์ประกอบ คือ 1. หลักการ 2. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3.วิเคราะห์มาตรฐาน สาระการเรียนรู้ 4. ทำแผนการจัด การเรียนรู้ 5. ลงมือปฏิบัติ 6.สะท้อนผลปรับปรุง และ 7.ขั้นสรุปและประเมินผล ส่วนการจัด การเรียนรู้ประกอบด้วยกระบวนการ คือ 1. เข้าใจในสิ่งที่ทำ (Knowledge management) 2. เข้าถึง คนทุกกลุ่ม ร่วมทีม (Appreciate) 3. พัฒนา (Develop) และ 4. ขยายผล (Extend results) โดยครูผู้สอนดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามกระบวนการจัดการเรียนรู้ 6 ขั้นตอนดังนี้ 1) สร้างความเข้าใจในการดำเนินการ 2) ครูพัฒนาหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ 3) ครูพัฒนาการจัด การเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ 4) ครูสะท้อนผลการเรียนรู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 5)สรุปผลการจัด การเรียนรู้ และ 6) เผยแพร่/ขยายผล ผลการประเมินรูปแบบ พบว่า โดยรวมรูปแบบการจัด การเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย มีความเหมาะสมและนำไปปฏิบัติได้ อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.55 โดยประเด็นที่สูงสุด คือ ครูสะท้อนผลการเรียนรู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสิทธิภาพการบริหารจัดการของผู้บริหารโรงเรียน และรูปแบบมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการดำเนินการ โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากันคือ 4.80

3. ผลการศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัด การเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย พบว่า

3.1 ผลการประเมินตนเองของครูผู้สอนระดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 15 คน พบว่า ครูผู้สอนโรงเรียนเทศบาล ๔ (อุดมวิทย์สมใจ) มีความสามารถในการจัดการเรียนรู้โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.43 ผลการประเมินอยู่ในระดับดี โดยมีความสามารถในการจัดการเรียนรู้สูงสุด คือ มีความสามารถในการส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักใช้วิธีการ ค้นคว้าและแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง อยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ย 4.93 รองลงมาคือ มีความสามารถนำข้อเสนอและวิธีการจัดการเรียนรู้ 6 ขั้นตอนมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม อยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ย 4.60 สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและให้นักเรียนมีส่วนร่วมในแต่ละกิจกรรมอย่างเหมาะสม อยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ย 4.53 และมีความสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและให้นักเรียนมีส่วนร่วมในแต่ละกิจกรรมอย่างเหมาะสม อยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ย 4.53 ตามลำดับ

3.2 ความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

จำแนกเป็น

3.2.1 การประเมินความภูมิใจในท้องถิ่น และความเป็นไทยของนักเรียน โดยครูผู้สอน จากผลการประเมินความภูมิใจในท้องถิ่น และความเป็นไทยของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยครูผู้สอน จำนวน 15 คน พบว่า ครูผู้สอนมีความคิดเห็นว่านักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความภูมิใจในท้องถิ่น และความเป็นไทย โดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.43 ผลการประเมินอยู่ในระดับดี โดยมีพฤติกรรมการปฏิบัติตนตามมารยาทไทย อยู่ในระดับสูงสุด คือ อยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ย 4.73 รองลงมาคือ มีพฤติกรรมการเรียนรู้กับครูภูมิปัญญาท้องถิ่น มีค่าเฉลี่ย 4.67 และเขียนได้ถูกต้องตามหลักภาษา มีค่าเฉลี่ย 4.60 ตามลำดับ

3.2.2 การประเมินตนเองของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 108 คน พบว่า

นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล ๔ (อุดมวิทย์สมใจ) มีความภูมิใจในท้องถิ่น และ

ความเป็นไทยของนักเรียนโดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.39 ผลการประเมินอยู่ในระดับดี โดย

มีพฤติกรรมการปฏิบัติตนตามมารยาทไทย อยู่ในระดับสูงสุด คือ อยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ย 4.69

องลงมาคือ เขียนได้ถูกต้องตามหลักภาษา มีค่าเฉลี่ย 4.62 และร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ

วัฒนธรรมไทย มีค่าเฉลี่ย 4.46 ตามลำดับ

4. ผลการสังเคราะห์และประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลัก

ศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย ที่ได้สร้างขึ้นมีชื่อว่า “KADE Model” ซึ่งได้มีการปรับปรุงพัฒนา และผ่านการทดลองใช้ตามการนำเสนอในขั้นตอนที่ 2 และ 3 แล้วสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนที่ส่งผลให้นักเรียนมีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย ครูมีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยจึงได้นำรูปแบบการจัด การเรียนรู้ของครู โดยน้อมนำหลักศาสตร์พระราชา เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีความภูมิใจในท้องถิ่นและความเป็นไทย ไปให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินความเหมาะสมและความเป็นเป็นประโยชน์ในการจัด การเรียนรู้ในโรงเรียน ซึ่งผลการประเมินพบว่า มีความเหมาะสมในระดับดี แต่ควรปรับปรุงวิธี การจัดการเรียนรู้ของครูให้กระชับและมุ่งเน้นการติดตามผลให้ครูและนักเรียนได้น้อมนำศาสตร์พระราชาไปใช้อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง เมื่อปรับปรุงแก้ไขแล้วผู้วิจัยจึงได้นำออกเผยแพร่เป็นผลงานทางวิชาการต่อไป

โพสต์โดย สุชีรา : [21 ก.พ. 2565 เวลา 06:46 น.]
อ่าน [1952] ไอพี : 118.174.228.51
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 33,923 ครั้ง
7 วิชาชีพที่สามารถย้ายแรงงานฝีมืออย่างเสรีในประชาคมอาเซียน
7 วิชาชีพที่สามารถย้ายแรงงานฝีมืออย่างเสรีในประชาคมอาเซียน

เปิดอ่าน 26,321 ครั้ง
10 วิธีเลี้ยงลูกให้มีความสุขตามหลักวิทยาศาสตร์
10 วิธีเลี้ยงลูกให้มีความสุขตามหลักวิทยาศาสตร์

เปิดอ่าน 11,124 ครั้ง
กูเกิล เผยอันดับคำค้นสุดฮิตของไทย ประจำปี 2012
กูเกิล เผยอันดับคำค้นสุดฮิตของไทย ประจำปี 2012

เปิดอ่าน 12,967 ครั้ง
เย็นกายเย็นใจเมื่อตั้งครรภ์
เย็นกายเย็นใจเมื่อตั้งครรภ์

เปิดอ่าน 28,585 ครั้ง
โปรแกรมแว่นขยาย
โปรแกรมแว่นขยาย

เปิดอ่าน 33,200 ครั้ง
เผยสำรวจพบ8อาชีพมีรายได้เกินแสน นักบิน เงินเดือนสูงสุด
เผยสำรวจพบ8อาชีพมีรายได้เกินแสน นักบิน เงินเดือนสูงสุด

เปิดอ่าน 28,903 ครั้ง
ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ?
ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ?

เปิดอ่าน 13,960 ครั้ง
ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

เปิดอ่าน 11,361 ครั้ง
ทำอย่างไรให้ "เด็ก" ปลอดภัย ใน "อินเตอร์เน็ต"
ทำอย่างไรให้ "เด็ก" ปลอดภัย ใน "อินเตอร์เน็ต"

เปิดอ่าน 11,236 ครั้ง
เหงื่อบอกโรค
เหงื่อบอกโรค

เปิดอ่าน 12,187 ครั้ง
"คราวหน้า พับเล็กๆนะครับ" คลิปฉาวตำรวจจราจรรับเงิน
"คราวหน้า พับเล็กๆนะครับ" คลิปฉาวตำรวจจราจรรับเงิน

เปิดอ่าน 10,713 ครั้ง
กลั้นปัสสาวะ เรื่องธรรมดาที่น่ากลัว
กลั้นปัสสาวะ เรื่องธรรมดาที่น่ากลัว

เปิดอ่าน 33,267 ครั้ง
FOCUS ประเด็นจาก PISA : การศึกษาเวียดนาม: ทำไมนักเรียนจึงมีผลการประเมินสูง
FOCUS ประเด็นจาก PISA : การศึกษาเวียดนาม: ทำไมนักเรียนจึงมีผลการประเมินสูง

เปิดอ่าน 11,917 ครั้ง
กาแฟลดอ้วน ผอมชัวร์หรือมั่วนิ่ม
กาแฟลดอ้วน ผอมชัวร์หรือมั่วนิ่ม

เปิดอ่าน 8,077 ครั้ง
พ่อแม่สามารถส่งความรู้สึกให้ลูกก่อนเกิดได้
พ่อแม่สามารถส่งความรู้สึกให้ลูกก่อนเกิดได้

เปิดอ่าน 9,727 ครั้ง
เพนต์หน้าพิลึก! กระแสฮิตโจ๋ยุ่น
เพนต์หน้าพิลึก! กระแสฮิตโจ๋ยุ่น
เปิดอ่าน 8,012 ครั้ง
อุดมศึกษาไทยเสื้อไซซ์เดียว
อุดมศึกษาไทยเสื้อไซซ์เดียว
เปิดอ่าน 12,254 ครั้ง
แนะปรับกระจก-ท่านั่งเหมาะสม ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ
แนะปรับกระจก-ท่านั่งเหมาะสม ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ
เปิดอ่าน 12,375 ครั้ง
"ไดเอ็ตแบบไม่โยโย่" แนะกฎเหล็กลดน้ำหนัก
"ไดเอ็ตแบบไม่โยโย่" แนะกฎเหล็กลดน้ำหนัก
เปิดอ่าน 29,564 ครั้ง
ระบบเลือดไหลเวียน
ระบบเลือดไหลเวียน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ